ข่าวดีที่ไร้ดีลลับ-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ไปตามนัด…

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่จังหวัดปทุมธานี

ดูว่า “นักโทษชายทักษิณ” จะไปเป็นประธานงานเลี้ยงฉลองบวช ลูกชาย นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ที่ลานเทศบาลตำบลธัญบุรี (คลองเจ็ด) ปทุมธานี หรือไม่

หรือ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร จะบินเดี่ยว

สรุปว่าไปครับ

ยังไม่หนีไปไหน

และวันที่ ๑๘ มิถุนายน ที่อัยการจะพาตัวส่งศาล “นักโทษชายทักษิณ” ก็คงจะยังอยู่

เพราะคดี ม.๑๑๒ ต้องสู้กัน ๓ ศาล จึงยังมีเวลามากพอที่จะตัดสินใจว่า จะอยู่หรือไป

เรื่องประกันในชั้นศาลไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แม้ “นักโทษชายทักษิณ” มีประวัติไม่ดีมาก่อนก็ตาม

แต่ครั้งนี้ต่างออกไป

มีข้ออ้างที่จะบอกกับศาลเยอะครับ

เช่น เป็นนักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ ซึ่งการันตีว่า เป็นนักโทษชั้นดี

อีกทั้งยังอยู่ในความดูแลของ กรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ ที่มีหลักเกณฑ์ดูแลที่เข้มงวด ยากที่ “นักโทษชายทักษิณ” จะหนี

ที่สำคัญ ก็…กลับมาแล้วไง!

กรณีเหล่านี้เอาไปอ้างในศาลได้ แม้ความจริงจะเป็นอีกเรื่องก็ตาม

ความจริงที่ว่าก็คือ ไม่มีหน่วยงานราชการไหน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงยุติธรรม ตำรวจ ที่กล้าหือกับ นักโทษชายที่ชื่อ “ทักษิณ”

แต่ก็เอาเป็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน “นักโทษชายทักษิณ” มีโอกาสได้ประกันตัว จากคดี ม.๑๑๒ มากกว่าที่จะไม่ได้ประกันตัว

หลังได้ประกันตัว ยังมีเวลาคิดว่าจะทำอะไรต่อ

ต่างกับการเผ่นไปตอนนี้ เพราะผลลัพธ์จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ที่สำคัญกระเทือนไปถึงรัฐบาล

โดยเฉพาะ “อุ๊งอิ๊ง”!

การก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๑ และนายกฯ หญิงคนที่ ๒ จะยากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะพ่อหนีคุกรอบ ๒

ฉะนั้นการประเมินว่า “นักโทษชายทักษิณ” จะเผ่นในเร็วๆ นี้ ก็พับไว้ก่อน

หลังจากวันที่ ๒๙ พฤษภาคม “นักโทษชายทักษิณ” อ้างว่าติดโควิด แต่อัยการยืนยันสั่งฟ้องคดี ม.๑๑๒ และนัดพาตัวไปส่งศาลวันที่ ๑๘ มิถุนายน ใครๆ ก็คิดว่า เจ้าตัวจะสงบปากสงบคำลงมาบ้าง

เพราะสถานการณ์ของ “นักโทษเทวดา” ราวกับตกจากสวรรค์ชั้น ๑๔ รวดเดียวไปนอนจมกองเลือดบนพื้นถนน

แต่เปล่าเลย

เหมือนจะท้ารบต่อ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา “นักโทษชายทักษิณ” ไปงานบวช ลูกชาย นายกเบี้ยว ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตำบลธัญบุรี ที่จะสมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานี ประกาศชัดเจน “คดี ม.๑๑๒ ไม่เห็นมีอะไรเลย”

“…คดีนี้จะเป็นตัวอย่างให้คนเห็นว่าตอนปฏิวัติยัดข้อหาอย่างไร คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีมูลเลยแม้แต่นิดเดียว และพยายามที่จะนำไปตีความเพื่อให้มันมีมูล และเมื่อคนหนึ่งสั่งฟ้องคนอื่นก็ไม่กล้าที่จะสั่งไม่ฟ้อง เลยสั่งฟ้องซึ่งไม่ใช่หลักกฎหมาย จริงๆ แล้วไม่มีอะไร…”

“…โอ๊ยไม่มีอะไรหรอก คดีแทบจะไม่มีมูลแบบนี้เขาเรียกว่าเป็นผลไม้ของต้นไม้ที่เป็นพิษ คือการทำคดีแต่ละข้อกล่าวหาตั้งแต่ต้นที่มีการข่มขู่ ตั้งแต่ในชั้นพนักงานสอบสวนโดยผู้บังคับบัญชา คดีไม่ควรเป็นคดี…”

“…ผมไปอยู่เมืองนอก ๑๗ ปี โดนยัดข้อหาทุกอย่าง โดนทุกรูปแบบ ถ้าผมไม่มีธรรมะของพระพุทธเจ้าผมก็คงตรอมใจ หรือไม่ก็ฆ่าตัวตาย ซึ่งคนคนหนึ่งผมว่าไม่มีใครโดนมากเท่าผม และล่าสุดก็ยังมีควันหลงอยู่ สบายมากตรงนี้…”

ถ้าเชื่อมั่นแบบนี้ ช่วยอยู่ให้ถึงชั้นฎีกานะครับ

อย่าหนี!

อย่าเอานิสัยเดิมมาใช้

ไม่ใช่ครั้งแรกครับที่ “นักโทษชายทักษิณ” อ้างว่าถูกยัดข้อหา

บรรดาคดีโกงที่ทำให้ติดคุกจนต้องหนีไปต่างประเทศ ก็ล้วนอ้างว่า ถูกยัดข้อหา

แต่ขณะเดียวกัน ความที่ระบุในหนังสือถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษซึ่งปรากฎในราชกิจจานุเบกษา กลับกลายเป็นอีกมุม จึงต้องยกมาเพื่อเตือนความจำกันอีกครั้ง

“…ตามที่นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําพิพากษา จํานวน ๓ คดี

คดีที่ ๑ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๔/๒๕๕๑ ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กําหนดโทษจําคุก ๓ ปี

คดีที่ ๒ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๑๐/๒๕๕๒ ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กําหนดโทษจําคุก ๒ ปี ซึ่งคดีที่ ๑ กับคดีที่ ๒ นับโทษซ้อนกันรวมกําหนดโทษจําคุก ๓ ปี

และคดีที่ ๓ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๕/๒๕๕๑ ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม กําหนดโทษจําคุก ๕ ปี รวมกําหนดโทษจําคุก ๘ ปี รับโทษมาแล้ว ๑๐ วัน เหลือโทษจําคุก ๗ ปี ๑๑ เดือน ๒๐ วัน อยู่ที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร

ความว่าเคยดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทําคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดําเนินคดีและศาลมีคําพิพากษาให้ลงโทษจําคุกดังกล่าว ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทํา มีความสํานึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคําพิพากษา ขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นั้น

ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจําคุกต่อไป อีก ๑ ปี ตามกําหนดโทษตามคําพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทําคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชน สืบไป…”

ย้ำกันอีกทีประโยคที่ว่า “ยอมรับผิดในการกระทํา มีความสํานึกในความผิด” คือการถวายฎีกาเท็จใช่หรือไม่

เพราะการอ้างว่าถูกยัดข้อหาซ้ำซากมิอาจแปลความเป็นอย่างอื่นได้เลย

นอกจาก “นักโทษชายทักษิณ” ยังคิดว่าคดีความทั้งหมดที่เกิดหลังการรัฐประหารนั้น เป็นการยัดข้อหาทั้งสิ้น

ตนเองมิได้ทำอะไรผิดเลย

ถวายฎีกาเท็จแบบนี้ใครจัดการอะไรได้บ้าง?

แต่นับเป็นเรื่องดีครับที่ “นักโทษชายทักษิณ” ยืนยันอีกครั้งว่า “ไม่ได้ดีลกับใคร” ก็แสดงว่าดีลลับเป็นเรื่องมโนทางการเมือง

แบบนี้ก็จำแนกเรื่องราวได้ง่ายหน่อย

เพราะไม่ว่าการเป็นนักโทษเทวดาไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคก้าวไกล ล้วนเป็นเรื่องเกมการเมือง ที่ฝ่ายตรงข้าม “นักโทษชายทักษิณ” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น

เป็นฝีมือเครือข่ายทักษิณ และไส้ศึกสมัยรัฐบาลลุงตู่ล้วนๆ

ฉะนั้นระวังพรรค “ก้าวเพื่อไทยไกล” จะจับมือเอาคืนฝ่ายอนุรักษนิยม

น่ายินดีอย่างมากครับ เมื่อ คดี ม.๑๑๒ ของ “นักโทษชายทักษิณ” ปราศจากดีลการเมือง แรงกดดันไปยังศาลจึงไม่มี

เป็นมาตรฐานเดียวกับ ม.๑๑๒ ของเหล่าสามนิ้ว

ก็นับว่าเป็นอีกข่าวดีในรอบปีครับ

Written By
More from pp
ยกระดับ ‘รถเมล์ไทย’ โจทย์ยาก…ที่เป็นไปได้! กับ งานเสวนาทอล์ก ออฟ เดอะ ที : รถเมล์ไทยต้องดีกว่าเดิม
งานเสวนาทอล์ก ออฟ เดอะ ที ตอน…รถเมล์ไทยต้องดีกว่าเดิม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 23 เมษายน 2567 ที่อาคารสำนักงานไทยโพสต์ ยังคงเอกลักษณ์งานเปิดบ้านไทยโพสต์ ในธีมจิบชายามบ่ายเปิดพื้นที่ให้ได้หยิบยกประเด็น...
Read More
0 replies on “ข่าวดีที่ไร้ดีลลับ-ผักกาดหอม”