เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายวิชิต อินทรเจริญ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เยือนอิสราเอล เพื่อหารือประเด็นการเพิ่มโควตาจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตร และภาคก่อสร้างในรัฐอิสราเอล พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจแรงงานไทยในสถานประกอบการและที่พักแรงงาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้เข้าพบนายจ้างบริษัท Chemo Aharon Co. Ltd ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมางานภาคเอกชนที่มีศักยภาพและมีความต้องการจ้างแรงงานไทยไปทำงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเตรียมเปิดโครงการใหม่ จึงเจรจาโควตาแรงงานเพิ่มเติมอีก 2,300 คน ในตำแหน่งช่างเชื่อมกว่า 300 คน และแรงงานภาคก่อสร้างกว่า 2,000 คน
ขณะที่ปัจจุบันมีการนำเข้าแรงงานไทย (ผ่านกรมการจัดหางาน) เพื่อมาทำงานเกี่ยวกับท่อส่งน้ำมัน ณ เมืองแอชดอด (Ashdod) ในตำแหน่งวิศวกร ช่างเชื่อม ช่างสี ช่างประกอบท่อ ช่างให้สัญญาณเครน จำนวน 271 คน อัตราค่าจ้างชั่วโมงละ 400 – 660 บาท หรือเดือนละ 67,200 – 110,880 บาท (ไม่รวมค่าล่วงเวลา) พร้อมสวัสดิการดูแลพนักงานที่ดี จัดที่พักฟรี และจัดอาหาร 3 มื้อ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
จากนั้นเดินทางต่อไปยังแปลงเพาะชำดอกไม้ “แดนจิซเซอร์ (dangizer) และไร่องุ่น เมืองเบตดากัน ใกล้กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งมีแรงงานไทยทำงานอยู่ประมาณ 60 คน ทั้งหมดได้รับค่าจ้างต่อเดือนประมาณ 10,000 เชคเกล หรือประมาณ 90,000 -110,000 บาทต่อเดือน พร้อมสวัสดิการพักฟรี อาหาร 3 มื้อเช่นเดียวกับแรงงานภาคก่อสร้าง จากการพูดคุยกับแรงงานไทยทราบว่า สัญญาจ้างงานในลักษณะนี้ ทำให้สามารถส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวที่ประเทศไทยในหลักหมื่น ถึงหลักแสนบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานที่ตั้งใจและมีการเก็บเงิน ทำบัญชีเงินออม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันและยาเสพติด ทำให้แรงงานไทยเป็นที่ต้องการของนายจ้างอิสราเอลอย่างมาก
“ผมได้ไปกราบท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือสมเด็จธงชัย นำยันต์ พร้อมพระหลวงปู่ทวด มามอบให้เป็นกำลังใจในการทำงานแก่แรงงานไทยทุกคน เพราะทราบว่าแรงงานไทยที่มาทำงานในต่างประเทศต้องการวัตถุมงคลเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างมาก” รมว.แรงงาน กล่าว
ด้านนายวิชิต อินทรเจริญ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมการจัดหางานอยู่ในระหว่างการเจรจาให้แรงงานที่ครบกำหนด 5 ปี 3 เดือนแล้ว สามารถกลับมาทำงานได้อีก และติดตามดูแลสิทธิประโยชน์ให้กับแรงงานที่ยังไม่ได้รับค่าจ้างค้างจ่ายต่างๆ นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือกับแรงงานทุกคนว่าควรแจ้งกรมการจัดหางานทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนนายจ้าง เพื่อมีข้อมูลสำหรับติดตามดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก และประสานให้ความช่วยเหลือหากประสบอันตราย
ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารการจ้างแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน doe.go.th หรือทางเพจ Facebook : กรมการจัดหางาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694