“พิพัฒน์” มอบนโยบายกรมพัฒน์ ตั้งเป้า พัฒนาฝีมือแรงงาน Upskill และ Reskill ให้ได้ 3.9 ล้านคน เพื่อแรงงานมีทักษะดี มีมาตรฐาน รองรับค่าจ้างตามความสามารถ สวมชุดเชฟ ปรุงต้มข่าไก่ด้วยตัวเอง

4 ตุลาคม 2566 นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ตรวจเยี่ยม พร้อมมอบนโยบาย และแนวทางการปฏิบัติราชการให้แก่ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมี นายไพโรจน์  โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวบุปผา เรืองสุด  อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารให้การต้อนรับ และนำเยี่ยมชมบูธภารกิจต่างๆ ของกรม ณ ห้องประชุม ปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เห็นว่ากระทรวงแรงงานเป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ที่มีภารกิจในการดูแลกำลังแรงงานของประเทศ ให้เพียงพอ

ทั้ง “เชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ สำหรับรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ กระทรวงแรงงาน รับหน้าที่ในการดูแลแรงงานทุกระดับ ตั้งแต่แรงงานรายวันตลอดจนผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญที่กระทรวงแรงงานต้องให้การช่วยเหลือแรงงานไทยให้หลุดพ้นจากคำว่าค่าแรงขั้นต่ำ

โดยพัฒนากำลังแรงงานไทยให้มีศักยภาพ สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึง การส่งเสริมแรงงานไทยให้มีงานทำได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมตามทักษะฝีมือ และได้มีนโยบายสำคัญเพื่อขับเคลื่อนภารกิจกระทรวงแรงงาน เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานภายใต้แนวคิด “ทักษะดี มีงานทำ หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”

ซึ่งในวันนี้ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งได้มาตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายรวมทั้งพบปะผู้บริหาร ข้าราชการ  และเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานซึ่งภารกิจด้านการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานถือเป็นภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน การรับรองความรู้ความสามารถ และการส่งเสริมสถานประกอบกิจการให้พัฒนาทักษะลูกจ้างของตนให้เป็นแรงงานคุณภาพด้วย

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานดำเนินภารกิจเร่งด่วนในการ พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานขั้นสูง เพื่อรองรับการจ่ายค่าจ้างตามความสามารถในการปฎิบัติงาน ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มอาชีพที่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในระดับพื้นที่ ระดับประเทศ และระดับนานาชาตินั้น การ UP-SKILL FOR MORE EARN เพื่อการมีงานทำจะช่วยสร้างโอกาสให้คนไทยได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นตามทักษะ และความสามารถในการปฎิบัติงาน

โดยผมได้เน้นย้ำถึงนโยบายหลักในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ที่สำคัญคือต้องส่งเสริมศักยภาพของกำลังแรงงาน และผู้ประกอบกิจการ เพื่อให้กำลังแรงงานมีฝีมือได้มาตรฐานรองรับค่าจ้างตามความสามารถ พร้อมทั้งมีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพ

 อีกทั้ง ยังรวมถึงการควบคุมกำกับดูแลการประกอบอาชีพที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ หรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามากำกับดูแล เช่น การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น

ด้านนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเสริมว่า จากการรับมอบนโบบายดังกล่าว ในปี 2567 กรมมีแผนดำเนินการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ทั้ง Upskills และ Reskills เป้าหมาย 3.9 ล้านคน ซึ่งนอกจากการประชุมรับมอบนโยบายแล้ว กรมได้นำนวัตกรรม และผลการดำเนินงานซึ่งเป็นกระบวนงานหลัก ผลงานเด่นจากหน่วยงานส่วนกลาง และภูมิภาค มาจัดแสดงให้คณะรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนวัตกรรมสำหรับใช้ในการฝึกอบรม

ซึ่งมีทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบการฝึกทักษะแรงงานให้แก่กลุ่มเปราะบาง นอกระบบ นวัตกรรม และศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทาง เช่น งานเชื่อม แขนกล หุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมยานยนต์

นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ ได้ตรวจเยี่ยมวิทยาลัย การแรงงาน โดยเข้าชมการเรียนการสอนหลักสูตรนวดแผนไทย และ การประกอบอาหารไทย โดยสวมชุดเชฟ เข้าร่วมประกอบอาหารเมนู ต้มข่าไก่ ซึ่งเป็น Soft Power อันโด่งดังของประเทศไทย ด้วย

Written By
More from pp
“เต้าหู้ทอดหาดใหญ่” ที่ ครัวพี่เล็กหาดใหญ่ ลาดพร้าว 71 – สันติ อิ่มใจจิตต์
เวลาที่ผมไปเที่ยวหรือได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับเรื่องอาหารให้บรรดาผู้ประกอบการอาหารที่ อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาฟัง เมื่อเสร็จภารกิจก็จะตระเวนชิมอาหารพื้นเมืองไม่ว่าจะเป็นร้านหรอย นัดพบยูงทอง ครัวชื่นสุข ร้านอุดม ร้านคูเต่า ฯลฯ แต่ทุกครั้งจะไม่พลาดต้องแวะร้านครัวพี่เล็ก 59 ที่ถนนนิพัทธ์อุทิศ...
Read More
0 replies on ““พิพัฒน์” มอบนโยบายกรมพัฒน์ ตั้งเป้า พัฒนาฝีมือแรงงาน Upskill และ Reskill ให้ได้ 3.9 ล้านคน เพื่อแรงงานมีทักษะดี มีมาตรฐาน รองรับค่าจ้างตามความสามารถ สวมชุดเชฟ ปรุงต้มข่าไก่ด้วยตัวเอง”