เปลว สีเงิน
เคาะไปเมื่อวานว่า “ใครจะเป็นนายกฯ” คนต่อไป? ก็มีเสียงเคาะตอบผ่านคอมเมนท์มา ๓ ชื่อ
๑.อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าเพื่อไทย
๒.เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าภูมิใจไทย
๓.เสี่ยพี-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้ารวมไทยสร้างชาติ
และ “ตัวแปร” ที่มองข้ามไม่ได้ “ลุงป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพลังประชารัฐ
มีเสียงติงมาบ้างว่า….
ผมเห็นหัว “นายกฯ คนปัจจุบัน” เป็น “หัวตอ” หรือยังไง จึงมองข้ามชนิดไม่ให้ราคาเลย?
เห็นครับ…เห็น
เห็นทะลุกระทั่งว่า “นายกฯ ปัจจุบัน” เป็นแค่ “คนนั่งหน้ากระดานหมากรุก” เท่านั้น
เทวดาที่ยืนค้ำหัว นั่นตะหาก คือ “คนเดินหมาก” ในกระดาน
สรุปก็คือ ๘-๙ เดือน ของรัฐบาลเพื่อไทย
เศรษฐาเป็นแค่ “นายกฯ หุ่น”
“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เป็นคน “เชิดหุ่น”!
นี่เป็นเหตุทำให้ผมมองข้ามเศรษฐาไปถึงตัวนายกฯ คนต่อไป
แม้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ แต่การรับคำร้อง ๔๐ สว.ไว้วินิจฉัย ประเด็นตั้ง “ทนายถุงขนม” เป็นรัฐมนตรี
เท่ากับ “ชนักจำเลย” ปักคาหลังนายกฯ ประจานทนโท่
“สินค้ามีตำหนิ” จะมีราคาค่างวดซักเท่าไหร่กัน
“นายกฯ จำเลย” ก็ทำนองนั้น
ถึงอยู่ ก็อยู่แบบ “ไม่มีราคา-ไม่สง่างาม” ทั้งที่ตัวตนเศรษฐาก็ “หนึ่งในตองอู” มีศักดิ์ มีศรี และมีเงิน
เมื่อถูก “สังคมหยาม” เศรษฐีอาจทรนง “ลาออก” ก็เป็นได้
ทั้งหมดนี้ ผมมโน หรือมีมูลให้ฝอย
“เดี๋ยวก็รู้ ไม่เกินกลางกันยา.หรอก!”
เรื่อง “นายกฯ คนต่อไป” นั้น ผมเคาะถามไปเล่นๆ เท่านั้น เพราะจริงๆ แล้ว ไม่มีใครตอบได้หรอก
กระทั่ง ตัวทักษิณ “ผู้กำกับเกม” และตัวเศรษฐา “ผู้ถูกเชิดในเกม” เองก็เถอะ
ผมจะให้ดู “ปฎิทินการเมือง” นี่หน่อย
-๒๙ พ.ค.อัยการสูงสุด นัดทักษิณฟังคำตอบคดีม.๑๑๒ ว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง
-๒ มิ.ย.เส้นตาย “พรรคก้าวไกล” ต้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา “คดียุบพรรค” เลื่อนอีกไม่ได้แล้ว ก็ต้องฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำพิจารณาวินิจฉัยวันไหน
-๗ มิ.ย.ราวๆ นี้ ครบกำหนด ๑๕ วัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญให้เศรษฐายื่นคำชี้แจง
ถ้านายกฯ ไม่ขอขยายเวลา ศาลฯ จะกำหนดวันนัดฟังคำวินิจฉัย ตีวงไว้หลวมๆว่า “ไม่น่าเกินสิงหา.”
-๒๗ มิ.ย.ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีกปปส.ชุมนุมสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “กำนันสุเทพ” กับพวก ๓๙ คน เป็นจำเลย
เห็นมั้ย แต่ละเรื่อง มีผล “เปลี่ยนเกม” ทั้งทางการเมือง การสังคม ทั้งนั้น โดยเฉพาะประเด็น “คดียุบพรรคก้าวไกล”
ที่ยังพูดเต็มปากไม่ได้ว่า “ใคร…นายกฯ คนต่อไป” ก็ติดตรงคดียุบพรรคก้าวไกลนี่แหละ!
เพราะ “ก้าวไกล” มีสส.ตั้ง ๑๕๐ เสียง
ถ้าถูกยุบพรรค ๑๕๐ เสียงไปรวมอยู่พรรคไหน โมเมนตั้มการเมือง ไปทางนั้นทันที
สมมติ “ส่วนใหญ่” ไปอยู่เพื่อไทย ซึ่งมี ๑๔๑ เสียง เมื่อบวกสส.จากก้าวไกล ๑๕๐ เสียง
“เพื่อไทย” เป็น “รัฐบาลพรรคเดียว” ได้เลย เพราะมีเสียงสส.สูงถึง ๒๙๑ เสียง!
การเมือง “ตกหลุมอากาศ” ทันที
“พรรคร่วม” ไม่ว่าภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา
จากที่เพื่อไทยต้องง้อ กลับต้องเป็นฝ่าย “ง้อเพื่อไทย”!
แบบนี้ ทักษิณใจเหิม อาจส่ง “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นเป็นนายกฯ สืบต่ออำนาจตระกูลก็เป็นได้
หรือ ถ้า “ก้าวไกล” ไปรวมอยู่ “พรรคเป็นธรรม” ฝ่ายค้านด้วยกัน ซึ่งมี ๑ เสียง
ตัวเลขฝ่ายค้าน ก็จะเป็น พรรคเป็นธรรม ๑๕๑ เสียง ประชาธิปัตย์ ๒๕ เสียง ไทยสร้างไทย ๖ เสียง ครูไทยเพื่อประชาชน ๑ เสียง และพรรคใหม่ ๑ เสียง รวม ๑๘๔ เสียง
สูตรนี้ ถ้าคิดจะชิงการเป็นรัฐบาล…ไม่ยาก
แค่ได้พรรค “ภูมิใจไทย” ซึ่งมี ๗๐ เสียงมาบวกอีกพรรคเดียว เป็น ๑๘๔+๗๐= ๒๕๔ เสียง
“เกินครึ่ง” เป็น “เสียงข้างมาก” แทนรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งมี ๓๑๔ ในบัดดล
เพราะเมื่อขาดภูมิใจไทยไป ๗๐ เสียง รัฐบาลก็จะเหลือ ๒๔๔ เป็น “เสียงข้างน้อย”
ฝ่ายค้าน ๒๕๔ เสียง พลิกกลับเป็นเสียงข้างมาก มีสิทธิ์ “ตั้งรัฐบาล” บริหารประเทศแทน “รัฐบาลเพื่อไทย” ทันที
ถ้าสูตรนี้ ก็หมายความว่า ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ที่จะให้ “นายอนุทิน ชาญวีระกูล” เป็นนายกฯ!
กรณี “พลิกขั้ว-พลิกข้าง” เช่นนี้ เป็นไปได้น้อย เชื่อว่าก้าวไกล มีพรรคสำรองเป็น “สังกัดใหม่” เตรียมไว้แล้ว
ผมยังให้เปอร์เซ็นต์สูง ในด้านว่า เมื่อถูกยุบ ก้าวไกลจะใช้โอกาสนี้ คืนสภาพจริง
คือ “ก้าวไกล” คืนสู่ “เพื่อไทย” หลังจากสวมบท “แยกกันอยู่-รวมกันตี” มาตั้งแต่ ๒๒ พฤษภา.๕๗
ที่ “พลเอกประยุทธ์” เข้าควบคุมอำนาจบริหารประเทศแทนรัฐบาลยิ่งลักษณ์!
“ชัยธวัช-ธนาธร” ก้าวไกล
มีแต่พวกใกล้กาวเท่านั้น ที่ไม่ประสี-ประสา คือไม่รู้ว่า คนทั้ง ๒ แท้จริงแล้ว ก็คือ “เด็กในกางเกงใน” ทักษิณ
เมื่อถูกยุบพรรค ทำเซซังมาสังกัดเพื่อไทยแบบเนียนๆ เป็น “รัฐบาลพรรคเดียว” ด้วยกัน ๒๙๑ เสียง
ยึดทุกระทรวงไปเลย ให้สมกับที่เศรษฐาเคยประกาศตอนหาเสียง
“พี่น้องครับ…พี่น้องครับ ผมหาเสียงเหนื่อยยากมา ๖๐ วัน ไข้ขึ้นอยู่ ๑๑ วัน ไม่มีวันที่จะยกกระทรวงดีๆ ให้กับพวกแม่งมันหรอก”
ถ้าจะเอาไว้อีกซักพรรคก็ “พลังประชารัฐ” นั่นแหละ
เพราะ “ธรรมนัส” ใช่อื่นไกล
ก็คน “เพื่อไทย-เพื่อทักษิณ” ดีๆ นี่เอง จากแป้งปลิ้นไปเป็นเปลือกคลุม “พลังประชารัฐ” ของลุงป้อม ใครบ้างล่ะ…ที่ไม่รู้!?
สรุปก็คือ…….
ถ้าจะสรุปการเมืองเรื่องรัฐบาลต่อจากนี้ว่าจะไปในทิศใด ก็ต้องรอ “คำตอบสุดท้าย” จากคำวินิจฉัยศาลฯ ในคดี “ยุบพรรคก้าวไกล”
อดใจรอนิด อย่างน้อย ๒ มิถุนา.น่าจะได้คำตอบจากศาลฯว่า จะนัดฟังคำวินิจฉัยวันไหน?
“ก้าวไกล” และ “ภูมิใจไทย”
๒ พรรคนี้แหละ คือ “ตัวแปร” การเมืองเรื่องรัฐบาลและตัวนายกฯ
เมื่อถึงจุดนั้น ใครคุมสถานการณ์และสร้างเงื่อนไขให้อีกฝ่ายยอมรับได้
ก็จะกดให้ “อีกฝ่าย” อยู่ใต้เงื่อนไขที่เสนอแล้วไม่มีทางปฎิเสธ
เพราะใหญ่ ๑๔๑ เสียงของเพื่อไทย เป็นใหญ่ที่ “ทอไม่เต็มผืน-หลับไม่เต็มตื่น” อุ่นหัว ก็เย็นตีน,จะอุ่นตีน ก็เย็นหัว!
ไม่ต้องมาก ขณะนี้ก็เหอะ
รัฐบาลเพื่อไทย ๓๑๔ เสียง เพียง ๗๐ เสียงของภูมิใจไทยหายไป รัฐบาลก็จะเหลือ ๒๔๔ เสียง
“คว่ำทันที”!
ในทางกลับกัน ถ้าก้าวไกลคืนตัวในร่างจริงคือ “เพื่อไทย”
ภูมิใจไทยและพรรคร่วม กลายเป็น “ลูกไก่ในกำมือ” เพื่อไทยเช่นกัน
ฉะนั้น การเมืองช่วงนี้ ยังสรุปอะไรได้ยาก ปัจจัยแปรทาง “การเมือง-การสังคม-การศาล” มันเยอะ
นายกฯ เศรษฐา กลับจากทัวร์ยุโรป-ญี่ปุ่นถึงสุวรรณภูมิแล้วแต่เย็นวาน (๒๔ พค.๖๗)
ดูท่านเนือยๆ ไปนะ
แหม…เป็นผมก็เถอะ ถ้าถูกศาลฯ รับคำร้อง เท่ากับ “ตายไปครึ่งตัว” แล้ว จะให้หน้าแป้นแล้นเหมือนตอนปกติ ดูจะเป็นคนไม่ปกติ
มือกฎหมาย “นายพิชิต” ก็ไม่อยู่แล้ว
เหลือมือไหนที่จะช่วยเขียนคำชี้แจงศาลให้คมกริบ ประทับจิต-บาดใจ คณะตุลาการศษลรัฐธรรมนูญ ทั้ง ๙ ท่านล่ะ?
นี่ถ้าไม่ติดว่า เขายังเป็นสว.อยู่ละก็ ผมจะแนะให้ไปเชิญ “นายวันชัย สอนศิริ” มาเป็นที่ปรึกษากฎหมายนายกฯ
หรือไม่ก็ ตั้งเป็นรัฐมนตรี แทนนายพิชิตไปเลย!
เพราะนายวันชัย เก่งทั้งด้านหมอความ หมอดู แถมขยันทำหน้าที่คอมเมนเตเตอร์การเมืองที่แหลมเปี๊ยบ
อย่างน้อยๆ ก็ให้เป็น “โฆษกรัฐบาล” แทนสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ ก็ได้ รับรองฝีปากไม่แพ้กัน
แต่เสียดาย ยังต้องทำหน้าที่สว.อยู่ แม้พ้นไปแล้ว ก็ยังต้องรออีก ๒ ปี กว่าจะมีตำแหน่งทางการเมืองได้
เป็น “นายกฯอบต.” ละก็ได้ รัฐธรรมนูญอนุญาต!
พูดถึงสว.เมื่อวาน (๒๔ พค.) เป็นวันสุดท้ายที่เปิดรับสมัคร สว. เท่าที่ดู มีปัญหาเริ่มจาก กกต.เรื่อยมาเลย
แบบนี้ ดูท่า สว.ชุดปัจจุบัน คงทำหน้าที่ต่อไปอีกนาน
เพราะไม่แน่ใจว่า ที่จะเลือกกันใหม่นี่ จะตลอดรอดฝั่งไม่ฟ้องร้องกันนุงนังหรือไม่?
วันนี้ ตั้งใจจะคุยประเด็น “เศรษฐารอดหรือไม่รอด” ปมการตั้งนายพิชิตขัดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง?
แต่มัวแวะ “คุยเรี่ยราด” หมดเนื้อที่ไปเลย
วันจันทร์ก็แล้วกัน ถ้าไม่มีเหตุ “คั่นรายการ” เราจะคุยประเด็นนี้กัน
แต่ผมดูหลักฐานอ้างอิงบ่งชี้ “ผิดจริยธรรมร้ายแรง” จาก ๔๐ สว.ผู้ร้องแล้ว อยากบอกว่า ทำใจเถอะเศรษฐา
นึกซะว่า “วาสนาเรามีมาเท่านี้”!
เปลว สีเงิน
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗