ผักกาดหอม
ร้อยเอาขี้หมากองเดียว…
รัฐบาลเศรษฐาจะพังเพราะ “นักโทษชายทักษิณ”
การใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินในวันนี้ มีสภาพไม่ต่าง “หลงจู๊” ได้กลับมานั่งหัวโต๊ะบริหารร้านค้าที่เป็นสมบัติของตระกูลอีกครั้ง
เป็นการใช้อำนาจคนเดียว ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร
ขณะที่สถานะนายกรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” มีสภาพไม่ต่าง “เสี่ยวเอ้อ” คอยเสิร์ฟตาม “หลงจู๊” ชี้นิ้วสั่ง
ประเทศกลับเข้าสู่ยุคการเมืองเลวทรามอีกครั้ง
ไม่มีใครกล้าหือกับนักโทษคดีคอร์รัปชัน ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ
นี่คือความไม่ปกติที่เกิดขึ้น
แต่บรรดาลิ่วล้อต่างลุ่มหลงอยู่กับตัณหา มักมากในอำนาจ ทำให้มืดบอดทั้งตาและสมอง มองไม่เห็นภัยที่จะเกิดในวันข้างหน้า
ย้อนกลับไประเบียบการพักโทษของกรมราชทัณฑ์กันอีกครั้งครับ
ผู้ถูกคุมประพฤติจะต้องประพฤติปฏิบัติตามเงื่อนไข ๘ ข้อที่กำหนดไว้ หากประพฤติผิดเงื่อนไขจะถูกนำตัวกลับมาคุมขังไว้ในเรือนจำตามเดิม และจะถูกลงโทษทางวินัยด้วย
เงื่อนไข ๘ ข้อ มีดังนี้
๑.จะต้องพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับเรือนจำ
๒.ห้ามออกนอกเขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต
๓.ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย เช่น เล่นการพนัน ดื่มสุรา ยาเสพติด และกระทำผิดอาญาขึ้นอีก
๔.ประกอบอาชีพโดยสุจริต
๕.ปฏิบัติตามลัทธิศาสนา
๖.ห้ามพกพาอาวุธ
๗.ห้ามไปเยี่ยมบ้านหรือติดต่อกับนักโทษอื่นที่ไม่ใช่ญาติ
๘.ให้ไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติเรือนจำ เจ้าพนักงานปกครอง หรือหัวหน้าสถานีตำรวจทุกเดือน
ถ้าผู้ได้รับการปล่อยตัวประพฤติตนตามเงื่อนไขด้วยดีตลอด ก็จะได้รับใบบริสุทธิ์ และพ้นโทษไปตามคำพิพากษา เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติสืบต่อไป
กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ ได้ติดตามตรวจสอบ “นักโทษชายทักษิณ” อย่างเข้มงวดหรือไม่
ออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้าขออนุญาตทุกครั้งหรือไม่
แต่ละครั้งมีเจ้าหน้าที่ตามประกบหรือไม่
สมุนรอบข้างพกพาอาวุธหรือไม่
ไปทำเรื่องสุจริตหรือเปล่า
เพราะสิ่งที่ “นักโทษชายทักษิณ” ทำอยู่ในขณะนี้ มันเกินสถานะนักโทษที่ได้รับการพักโทษ
วันที่ไปเชียงใหม่ แจ้งว่าไปไหน ตรวจสอบกันบ้างหรือเปล่า
ได้แจ้งหรือเปล่าว่า ไปคุยกับตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์จากเมียนมา
ถ้าไม่แจ้งถือว่าผิดเงื่อนไขหรือไม่
หากผิด กรมราชทัณฑ์เคยคิดจะตามตัวกลับเข้าเรือนจำหรือเปล่า
ประกอบอาชีพโดยสุจริต หากตีความอย่างกว้าง “นักโทษชายทักษิณ” ไม่มีสถานะใดๆ ที่จะไปเจรจาความเมืองกับคนต่างชาติ แต่กลับไปแสดงว่าตัวเองมีบารมี ข้ามหัวรัฐบาล เรียกกลุ่มชาติพันธุ์มาเจรจาสงบศึก
คนที่หลงงมงายอยู่กับนักโทษคดีโกง พากันเชียร์ว่านายใหญ่เก่ง เป็นผู้กว้างขวาง คนรู้จักเยอะ การมาช่วยรัฐบาลก็ไม่เห็นจะเป็นไร
ตรรกะนรกแบบนี้คือหนทางสู่ความหายนะ
คิดกลับกัน ลองนักการเมืองฝ่ายค้านไปแอบคุยแบบที่ “นักโทษชายทักษิณ” ทำ รัฐบาลจะชื่นชมอย่างนั้นหรือ
ความผิดเพี้ยนในการบริหารราชการแผ่นดิน นับวันยิ่งหนักหนาสาหัส
หลังปรับคณะรัฐมนตรีมา มีรัฐมนตรีลาออกไปแล้ว ๒ คน มันสะท้อนถึงความเปราะบางในพรรคเพื่อไทยเอง
เริ่มมีคนรู้สึกได้ถึงการใช้อำนาจที่ไม่ตรงไปตรงมา และถูกครอบงำโดย “นักโทษชายทักษิณ”
ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเองก็เริ่มเห็นรอยปริ
แม้จะยังไม่มาก เพราะยังรักษารูปมวยกันอยู่
แต่อนาคตอันใกล้ อาจถึงจุดแตกหัก
นิสัยดั้งเดิมของ “นักโทษชายทักษิณ” คือ ไม่ชอบการท้าทายจากพรรคร่วมรัฐบาล
พรรคที่มีเสียงน้อยกว่า
จับชีพจรวันสองวันที่ผ่านมาเริ่มเห็นความผิดปกติกับนโยบายกัญชาเสรีที่เป็นผลงานของพรรคภูมิใจไทยในรัฐบาลก่อน
มาวันนี้ไม่ต่างจากถูกจับเป็นตัวประกัน
ในการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม นายกฯ เศรษฐาสั่งรื้อนโยบายใหม่
“…เรื่องกัญชา ขอมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประเภท ๕ และเร่งออกกฎกระทรวง อนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น โดยกำหนดไทม์ไลน์การดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ขอให้ทุกท่านทำงานให้หนักขึ้น และมีการปราบปราม ยึดทรัพย์และบำบัดให้ทั่วถึง ขอให้มีความชัดเจนและมีความคืบหน้าภายใน ๙๐ วัน…”
มันไม่ใช่ความคิดนายกฯ เศรษฐาหรอกครับ เพราะอยู่มาตั้ง ๘-๙ เดือนไม่เคยพูด
แต่ “นักโทษชายทักษิณ” ต่างหาก ที่ด่าพรรคภูมิใจไทยอย่างเจ็บแสบมาแล้วก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา
๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ “โทนี่ วู้ดซัม” พูดเรื่องกัญชาไว้เยอะครับ
“…ตอนฝิ่นออกมาใหม่ๆ ก็บอกมีสรรพคุณทางยาเยอะ ถ้าว่ามีมั้ย มีจริง แต่สุดท้ายก็มีการเสพติดกันเยอะ กัญชาก็เหมือนกัน มีสารเสพติดอยู่ในตัว และมีสรรพคุณทางยาด้วย แต่ต้องสกัดให้ถูกต้องตามหลักการที่ถูกต้อง ฉะนั้นการเตือนกับเยาวชนต้องมาพร้อมกันกับการให้เสรี เรื่องนี้ต้องดูให้ครบวงจร ไม่ใช่อยากหาเสียงว่าปลูกกัญชาได้แล้ว บอกว่าชนะแล้ว เห็นวันนี้มีการใช้ ใส่แม้กระทั่งในไข่เจียว ผม มันเพี้ยนกันใหญ่ เรื่องนี้อย่าทำเป็นเล่นไป และอย่าลืมว่ามันมีสารเสพติดอยู่ในตัว ทุกอย่างมีโทษและประโยชน์ จึงต้องสกัดให้ถูกหลักการ…”
ทำไมถึงมาเล่นเรื่องกัญชากันในช่วงนี้ จะเกี่ยวกับท่าทีของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ต่อนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่
เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง “อนุทิน” ย้ำอีกครั้งว่า…
“…หากจะทำนโยบายนี้ให้เกิดผลสำเร็จ ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลักสำคัญของเรื่องนี้ถูกพิสูจน์ได้ด้วยการได้รับการยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล หรือจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตรงนี้รัฐบาลก็ต้องให้การสนับสนุน…”
อนาคต กัญชาเสรี จะเป็นอย่างไรก็ว่ากันต่อไป แต่ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มจะวางหมากการเมืองของตัวเองแล้ว
อยู่ที่ไพ่ใครเหนือกว่า
แต่สถานการณ์ขณะนี้ “นักโทษชายทักษิณ” คือตัวถ่วงอายุของรัฐบาล
นายกฯ เศรษฐาจะรอดไปตัดริบบิ้นแจกเงินดิจิทัลหรือเปล่า
กินข้าว ๑๐ ปีนั่งลุ้นไปได้เลย
