เปลว สีเงิน
รัฐบาลนี้….
ในจำนวนรัฐมนตรีทั้งหมด ๓๓-๓๔ คน
มี “ใหญ่จริง” ที่ได้รับการซูฮกยกเป็น “บิ๊ก” มีอยู่คนเดียว
คือ “บิ๊กทิน”
“นายสุทิน คลังแสง” จากครูบ้านนอก มาเป็น “รัฐมนตรีกลาโหม” จากนั่งรถบุโรทั่ง เป็นนั่งรถถังหุ้มเกราะ
ไปไหน-มาไหน มีแม่ทัพ-นายกอง ตะเบ๊ะพรึ่บพรั่บ
เพราะอย่างนี้กระมัง ถึงมีข่าว “นายกฯเศรษฐา” จะดีดบิ๊กทินออกไป แล้วตัวเองจะย้ายก้นจากคลัง ไปนั่งควบกลาโหมแทน
เพื่อจะได้เป็น “บิ๊ก” เต็มตัว-เต็มตูด “อย่างบิ๊กทินมั่ง
แต่ผมว่า ถึงใจรัก แต่ชื่อมันไม่ให้นะ
เป็นนายกฯ อยากควบอะไรก็ควบไป แต่การไปควบกลาโหม แล้วคนเรียก “บิ๊กเศรษฐ” มันฟังปุเลี่ยนๆ
“บิ๊กทิน”ฟังปุ๊บ พอเก็ต ว่าผู้ยิ่งใหญ่ของ ๓ เหล่าทัพ
แต่พอเรียก “บิ๊กเศรษฐ”
ฟังแล้ว มันให้ภาพเหมือน “เศษขยะชิ้นใหญ่” มากกว่าภาพ “ผู้ยิ่งใหญ่” จริงมั้ย
แต่เอาเหอะ จะปรับใครเข้า-ใครออก หรือออกเอง-เข้าเอง ก็เอาตามที่ “หัวหน้าคอกใหญ่” เขากระตุกโซ่เถอะ
การปรับครม.ผมเห็นควรด้วยอยู่เรื่องเดียว
คือเรื่องที่นายกฯ เศรษฐา “จะเลิกควบเก้าอี้รัฐมนตรีคลัง” นั่นเท่านั้นแหละ
ได้เซ็นชื่อลง “ธนบัตรไทย” ในฐานะรมว.คลัง เป็นเกียรติประวัติวงศ์ตระกูลรึยังล่ะ เซ็นแล้ว ก็รีบไปๆ ซะ
ก่อนที่ชาวบ้านจะจับไต๋ได้ ว่าการที่มานั่ง “ควบคลัง” แต่แรก คงด้วยเหตุผลเดียว
คือ นึกว่า เมื่อเป็นรัฐมนตรีคลังแล้ว
ด้วยตำแหน่ง ทุกอย่างที่วาดหวัง มันจะหวานหมู
เช่น หมายมั่นจะกู้ “๕.๖ แสนล้าน” ให้ประชาชนใช้หนี้ ส่วนเนื้อ เพื่อไทยเอามาเป็นกระสุนใช้ “ยิงนัดเดียว” ได้นก ๓ ตัว
ตัวแรก แจกชาวบ้านตามสัญญาว่าจะให้ตอนหาเสียง
ตัวที่สอง ใช้เงินหลวง “ตกเขียว” ให้พรรคล่วงหน้า และ
ตัวที่สาม กู้เอาเงินสดๆ ซิงๆ ๕.๖ แสนล้าน มาเล่นแร่-แปรธาตุเป็น “โทเคน ดิจิทัล” เล่นซะต่อแรก
แจกแล้ว ร้านค้าเอาเงินดิจิทัลมาแลกกลับ ก็ล่อซะอีกต่อ
เรียกว่า เอา “ทั้งขึ้น-ทั่งล่อง” นอกจากเพื่อไทยไม่ต้องควักกระเป๋าซักสลึงแล้ว
กลวิธี “ถ่ายน้ำในถ้วย” ไป-มา น้ำที่พร่อง ระเหิดไปอยู่ในปากหรือในกระเป๋าใครก็ไม่รู้?!
แทงบัญชีแจกครบ ๕๐ ล้านคน แต่ทั้ง ๕๐ ล้าน จะมีทั้งได้รับแจกจริงมั่ง ไม่ได้รับแจกมั่ง
เพราะทั้ง ๕๐ คน นั้น ทำงานอยู่ต่างท้องที่บ้าง ต่างประเทศบ้าง อยู่ในคุกบ้าง ไปบวชเป็นพระ เป็นชีบ้าง เป็นโจร หนีคดีบ้าง
รวมแล้วเป็นล้านคน ที่อายุเกิน ๑๖ มีสิทธิ์ได้รับ แต่จะไม่ได้รับจริง
แล้วเงินส่วนนี้ เมื่อแทงบัญชีแจกไปแล้ว
ใครจะตรวจสอบได้ว่าไอ้ “ซูเปอร์ด๊อก” ที่จะมาในคราบ “ซูเปอร์แอป” ที่ต้องใช้เงินเป็นหมื่นล้านทำขึ้นใหม่แทน “แอปเป๋าตัง” นั้น
มันจะไม่แฮปเอาไปกิน!?
นอกจากแฮปเอาไปกินแล้ว ไอ้ซูเปอร์แอป ระบบบล็อกเชน ซึ่ง “ไร้ตัวกลาง” ก็ไม่ต่าง “ฆ่าตัดตอน” ในการตรวจสอบ
ที่สำคัญ ข้อมูลส่วนบุคคล ๕๐ ล้านคน ถูกแฮปไปเป็นข้อมูลของพรรคการเมือง เพื่อพรรคการเมือง โดยพรรคการเมือง “พรรคเดียว” เรียบร้อยไปแล้ว!
โลกทุกวันนี้ “รบด้วยอาวุธ” ไม่แพ้-ชนะกันหรอก
“จะแพ้-จะชนะ” มันอยู่ตรง “ข้อมูล” ว่าใครจะเหนือกว่าใคร เป็นตัวชี้ขาด
คนไทยที่ตาบอด ถูกเสือแม้วจับกินไปกว่า ๑๐ ล้านคนก็จริง แต่ยังมีอีก ๔๐-๕๐ ล้านคน ที่ “รู้ทันเสือแม้ว”
จึงเอะอะมะเทิ่งกับกลวิธี “ซ่อนโกง” ในการ “เอาเงินกู-มาแจกกู” แล้วมึง “ได้หน้า-ได้เสียง”
แถมพวกกูยังต้องเป็นฝ่ายใช้หนี้เงิน ๕ แลนล้านนั้น “ทั้งต้น-ทั้งดอก”….มันอิหยังวะ!
เมื่อถูกจับไต๋ กูเปิดตูดบ๊าย..บาย เก้าอี้คลังดีกว่า ขืนอยู่ต่อ “เสียคน-เสียหมา” ยังพอทำเนา
แต่จำต้องเซ็นอะไรในฐานะ “รัฐมนตรีคลัง” ที่ต้องหักคอ บีบเงินนั่น-เค้นเงินนี่ให้ครบ ๕ แสนล้านมาแจก นี่ซี
คุกนะ…กูหนาวววว!
ด้วยความเป็นนกรู้ งั้น กู…เผ่นก่อนดีกว่า ขืนอยู่ อาจเจอ “ภาคบังคับ” ตามตำแหน่ง ซึ่งเลี่ยงไม่ได้
แบบนั้น มันเสี่ยง “ช่องหมาลอด”
ปีหน้า เขาประกาศแล้ว จะมีคนนวยนาดกลับมาฉลองสงกรานต์ด้วยแล้ว หนีไป…เหงาตายห่ะ
งั้นย้ายก้นจากคลัง ไปนั่งรถถังกลาโหมดีกว่า!
เห็น “บิ๊กทิน” แถลง จะแก้กฎหมายกลาโหม “บิ๊กไหนคิดรัฐประหาร” ให้นายกฯ มีอำนาจ “สั่งพักราชการ” ได้ทันที
เออ…แบบนี้ เข้าท่าแฮะ
“สมอลนายกฯ” ไปควบเป็น “บิ๊กเศรษฐ” ที่กลาโหม
ควบ ๒ อำนาจ ได้กลิ่นรัฐประหารปุ๊บ สั่งพักราชการปั๊บ
เข้าท่า…เข้าท่า
ทหารเนี่ย นายกฯ อย่าหลงเข้าใจนะว่า เล่นกอล์ฟ เตะบอล ดวดไวน์ สังสรร-เฮฮา กับทุกระดับบิ๊กผบ.ได้สนิทสนมกลมกลืน
แล้ว “ทุกเรื่อง” เกี่ยวกับความมั่นคง เกี่ยวกับกิจการภายในกองทัพ และเกี่ยวกับสถาบัน
พวกบิ๊กๆ ในเรื่อง “ซีเครียด” เขาจะกลมกลืน ลื่นคอด้วยเหมือนดื่มไวน์!
“บิ๊กทิน” นี่ เห็นงั้นเถอะ อย่านึกว่าครูบ้านนอกจะตื้น ดูให้ดีเถอะ
ร้ายนี้…ลึกนัก!
ดอกนี้ “แก้กฎหมายป้องกันรัฐประหาร” ของบิ๊กทิน เรียกว่า “หมัดจาก” ไม่ต่างวางยา
เรียกว่าเรียกเสียงฮาได้รอบวง ทั้งวงแดง-วงส้ม-วงเขียว-วงเหลือง
มีกฎหมายที่ไหนในโลกบอกให้ทหาร “ปฎิวัติ-รัฐประหาร” ได้ หือ?
ไม่มี
เมื่อไม่มีอนุญาตให้ทำได้ ก็เท่ากับ การทำ “ปฎิวัติ-รัฐประหาร” มันผิดกฎหมายอยู่ในตัวมันเองแล้ว
ดังนั้น การไปออกกฎหมายห้าม ในเรื่องที่กฎหมายไม่ได้บอกว่าทำได้ ฟังดูเท่ เก๋ไก๋ อย่างน้อยก็ได้ใจ ได้เสียงเชียร์ ท่านสส.โรมไปเต็มๆ คนนึงละ
แต่ทหาร ทั้งไซส์ S ไซส์ M ไซส์ L และ ไซส์ XXXXL เขาอมยิ้ม ขานรับกันพรึ่บพรั่บ
“ฝนจะตก-ขี้จะแตก-พระจะสึก-ลูกจะออก” เป็นเรื่องของธรรมชาติ ใครห้ามได้ ก็ห้าม “ปฎิวัติ-รัฐประหาร” ได้
ถามคำ แทนการอธิบายให้เมื่อย
การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ “สมบูรณาญาสิทธิราช” ไปเป็นระบอบ “ประชาธิปไตย” โดยคณะราษฎร เมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
ที่หลอกทหารว่า “เกิดการกบฏ” ขึ้นในกรุงเทพฯ ให้ยกกำลังพร้อมอาวุธมารวมตัวที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อปราบกบฎ
ทหารก็ยกกำลังมาหวังปราบกบฎให้แผ่นดิน นั้น
แท้จริง “คณะราษฎร” นั่นแหละ “ตัวกบฎ”
เมื่อทหารออกมา ก็ตกอยู่ใต้กลเกม “พวกกบฎคณะราษฎร”
เพราะ “คณะราษฎร” ฉวยโกาสแถลงการณ์ทันที
“บัดนี้ คณะราษฎร อันประกอบด้วย ข้าราชการฝ่ายทหารบก ทหารเรือ พลเรือน และราษฎร
ได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินและเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” เป็น”ระบอบประชาธิปไตย” เรียบร้อยแล้ว”
จากนั้น ก็ไล่จับเจ้า จับพระบรมวงศานุวงศ์ไปขังคุก ยึดวัง ยึดสมบัติแบบ “วัดครึ่ง-กรรมการครึ่ง”
บั้นท้ายของพวกตัวการ ด้วยกรรมโฉด ที่ทำกับเจ้า ที่ทรงก่อร่างสร้างชาติ-สร้างแผ่นดินไทย ก็ทรยศหักหลัง ฆ่ากันเอง แย่งชิงอำนาจ-ชิงสมบัติกันเอง
ไม่มีใครตายดีซักคน!
จากกบฎ “ยึดอำนาจพระมหากษัตริย์” ถ่ายอำนาจพระมหากษัตริย์ ไปเป็นอำนาจในมือคณะราษฎรกันเอง แล้วอ้าง “ประชาธิปไตย” บังหน้า ลวงประชาชนให้หลงเชื่อ
ก่อการนั้น “สำเร็จ”
เมื่อสำเร็จ “คณะราษฎร” จากกบฎ จึงกลายเป็น “ผู้อภิวัฒน์สยาม”
ถ้าวันนั้น “ไม่สำเร็จ” ละก็….
“คณะราษฎร” จากผู้อภิวัฒน์สยามก็คือ “คณะกบฎ” ปล้นราชบัลลังก์ดีๆ นี่เอง!
นี่คือตัวอย่างแทนคำอธิบายว่า จะต้องไปเมื่อยตุ้มเขียนกฎหมาย “ห้ามปฎิวัติ-รัฐประหาร” ให้ดูเหมือน “ตลกคาเฟ่” ไปเพื่ออะไร
“ปล้นพระราชอำนาจ” พระมหากษัตริย์ ไม่ร้ายกว่าปฎิวัติ-รัฐประหาร ในเจตนาแก้โกง-ล้างคนเลวหรือ?
เรื่องเช่นนี้ มันมีคำสรุปสั้นๆอยู่วลีเดียวแทนการอธิบายให้ยาวความ
“ชนะ-เป็นเจ้า, แพ้-เป็นโจร”
เท่านี้จบ!
ใครจะห้ามใครปฎิวัติ-รัฐประหารได้ ถ้าทำสำเร็จ แค่พรบ.กลาโหม มันขี้ประติ๋ว
ฉีกรัฐธรรมนูญ “กฎหมายแม่” ฉบับเดียวทิ้ง ทุกอย่าง “จบหมด”
แต่ถ้าทำแล้วแพ้ ก็เป็นโจร เป็นกบฎแผ่นดิน ไม่ยิงเป้า ก็เข้าคุก หรือโทษฐานกรุณา
ด้วยอำนาจองค์รัฐาธิปัตย์ เนรเทศไปอยู่ดูไบ ลอนดอน เซอร์เบีย มอนเตเนโกร พอใจที่ไหน เลือกเอา
ฉะนั้น เรื่องอย่างนี้ แค่ “ตลกคั่นเวลา “ป่วยการเปล่าที่จะเอามาเป็นเรื่องใส่หัวกบาล
“ใครทำ-คนนั้นรับผิดชอบ” นี่คือกฎตายตัวของคนทำรัฐประหาร
กฎหมายน่ะ ไม่ใช่ยาเศษ ที่มีแล้วใช้แก้ปัญหาได้จริง
เอาง่ายๆ “รัฐธรรมนูญ” ฉบับปัจจุบัน ชื่อว่า “รัฐธรรมนูญปราบโกง”
แล้วนี่ ตั้งท่า “โกง” กันมา ๗ เดือนแล้ว
“เศรษฐา” ใช้อำนาจนายกฯ “สั่งพักราชการ” มันทีซิ!
เปลว สีเงิน
๒๒ เมษายน ๒๕๖๗
