เปลว สีเงิน
ทำไป-ทำมา……
ปัญหาชายแดนไทย-เขมรซึ่งเป็นเรื่อง ”ทวิภาคี” ที่ไทยกับเขมรจะตกลงกันเอง
ตอนนี้ กลายพันธุ์เป็นเรื่อง “จตุภาคี” ไปแล้ว
เพราะเขมรไปดึงสหรัฐฯมาเป็น “ทูตสันติภาพ” ช่วยหย่าศึก ก่อนที่จะถูกไทยกระทืบสั่งสอน
เมื่อสหรัฐฯ เข้ามา แถมประกาศ “งานนี้ต้องไม่มีจีน”!
เท่านั้นแหละ จีน-โดยเอกอัครราชทูตจีนประจำเขมร “รู้ทันเกมทรัมป์” โพสต์เฟซทันที
Wang Wenbin Chinese Ambassador to the Kingdom of Cambodia 汪文斌
“จีนสนับสนุนกัมพูชาอย่างมั่นคงในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงและการพัฒนาของชาติ
และจะเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ในการพัฒนาของกัมพูชา”
คนไทยอ่านถึงกับร้องไอ๋หย๋า…พี่จีนแอบเป็นกิ๊กกับเขมรแบบนี้เองนี่หว่า แล้วคอมเมนต์ตัดพ้อต่อว่าจากคนไทยก็ทะลัก-ทลายไปที่สถานทูตจีนในเขมร
เช่น….โอเค ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นผู้จัดหาอาวุธให้กับชาวเขมร เป็นต้น!
นี่เป็น “หน้าฉาก” ดูพื้นๆ ก็ต้องบอกว่า สหรัฐฯ ก็ไม่รักไทย จีนก็ไม่รักไทย ทั้งจีน ทั้งสหรัฐฯ ต่างไปรุมรัก “เข้าข้าง” เขมรหมดเลย!
ฮือๆๆๆๆ ไทยน้อยใจจนน้ำตาไหล….
เขมรกลายเป็น “ไข่ในหิน” ที่สองมหาอำนาจโลก ต่างแย่งกันฟูมฟัก ทิ้งไทยอกหักกับรักลวง ฮือๆๆ พรืดดดๆๆ (เสียงสั่งขี้มูกน่ะ)!
อยากบอกว่า มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก
เป็นลีลาหึงหวงของ ๒ หนุ่ม ที่จีบหญิงคนเดียวกัน บังเอิญเขมรปันใจ “ยกฐานทัพเรือเรียม” ให้จีน
นั่นเท่ากับจีนได้คุมยุทธศาสตร์เดินเรือ เชื่อม ๒ มหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้ ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก
ยุทธศาสตร์ “อินโด-แปซิฟิก” ของสหรัฐฯ เท่ากับถูกจีนเตะตัดขาล้มหงายท้องไม่มีท่า!
มากะลิ้มกะเหลี่ยขอใช้พื้นที่ของไทยแถวๆ พังงาตั้งฐานทัพประจัญหน้ากับจีน แต่ไทยเราไม่เล่นด้วย
ก็มันเรื่องอะไรล่ะ ที่อยู่ดีๆ จะให้บ้านเราต้องกลายเป็นสมรภูมิให้มังกรกับอินทรีมาตบตีกัน!
สหรัฐฯ จึงต้องหมายปองเขมรต่อ พะเน้า-พะนอ เขมรอยากได้อะไร-แบบไหน ทรัมป์ต้องเอาอก-เอาใจทำให้ทันที
ด้วยหวังเป่า “ถ่านไฟรักเก่า” ให้คุโชนใหม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า ฐานทัพเรียมนี้ เคยเป็นของสหรัฐฯ ไอ้ขวัญคนนี้มาก่อน
หรือไม่อีกที สหรัฐฯ รู้ดีว่า….
เขมรใจง่าย ใครเอาของถูกใจมาล่อ ก็พร้อมไปเข้าหอกับคนนั้น บางครั้ง แบะท่าเป็น “๑ หญิง ๒ ชาย” ในเวลาเดียวกันด้วยซ้ำ
ยามนี้ เป็นชายที่ ๒ ของเขมร ก็ยังดีวะ!
ดังนั้น เมื่อฮุนเซนจนแต้ม ไปขอร้องให้ทรัมป์มาเป็นตัวกลางหย่าศึกไทย-เขมร
ทรัมป์ ขมีขมันทันที….
ถ้าทำได้สำเร็จ เกมนี้ อาจพิชิตใจเขมรนางกากีจากอกจีนให้กลับมาซบอกสหรัฐฯ ก็มีทางเป็นไปได้
แต่จีนรู้ทันเกม เอกอัครราชทูตจีนประจำเขมร จึงแสดงบทหึงเต็มพิกัด “กากีนางนี้ของข้า ใครก็อย่ามาแตะ”!
ขึงขัง จริงจัง เต็มปาก-เต็มคำ และเต็มตัว ในบท “จีนผู้พิทักษ์เขมร” แสดงให้สหรัฐฯ รู้ว่า…นี่หญิงของข้า เอ็งอย่ามาเกาะแกะ
ขณะดียวกัน เตือนสำนึกนางสำส่อนไปในตัว…อยู่กับอั้วแล้วลื้ออย่าไปซี้ซั้วกะสหรัฐฯ อีกเชียวนะ ไม่งั้น…ฮึ่ม…!
เนี่ย….
“สองมหาอำนาจ” เขาเบ่งกล้ามใส่กันในเกม “ชิงนางสำส่อน” เป้าหมายเดิมพันอยู่ที่ “ฐานทัพเรือเรียม”
ฉะนั้น เราไม่ต้องไปน้อยอก-น้อยใจ ไม่ต้องไปคอมเมนต์ตัดพ้ออะไรเขาหรอก มันเป็นเกมน่ะ รู้จักคำว่าเกมมั้ย ?
สรุป เรื่องแอกชั่นของจีน เขาต้องการสื่อไปถึงสหรัฐฯ ไม่ได้หมายถึงอยู่เบื้องหลังให้อาวุธมาถล่มไทยหรอก เราเจี้ยมๆจ๋อๆ ไว้ดีกว่า แล้วดีเอง เชื่อเหอะ
เอ้า….มาถึงวันที่รอคอยกันบ้าง
“๑๐ ตุลา.” วันเฉดหัวไอ้พวกเนรคุณให้พ้นจากแผ่นดินไทย ที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว
ถึงเวลาแสดงจริง จะจริงตามราคาคุยหรือไม่ ตอนนี้ ก็น่าจะได้รู้-ได้เห็นกันแล้ว
ทำไมกองทัพต้องมีฝ่าย “เสนาธิการ” รู้มั้ย?
ฝ่ายเสนาธิการ คือศูนย์รวม การวางแผน, การวางกำลัง, การจัดยุทธภัณฑ์, การประสานงาน, การข่าวกรอง และการกำกับดูแลงาน
ดังนั้น ทุกยุทธการ จะทำไปตามหน้างาน หรือตามสัญชาตญานของทหารในพื้นที่ โดยไม่มีแผนปฎิบติการรองรับเป็นขั้น-เป็นตอน แบบนั้นไม่ได้
อย่างวันนี้ ๑๐ ตุลา.ที่กองทัพภาค ที่ ๑ จะปฎิบัติการผลักดันเขมรที่รุกล้ำอธิปไตยไทยออกไปจาก “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว”
มันจะไม่เหมือนในหนังที่เราดูกันหรอก ที่เอะอะก็ใช้กำลัง-ใช้อาวุธบุกตะลุยใส่กันเลยแบบนั้นหรอก
ต้องมีแผนเป็นชั้น-เป็นเชิง และเป็นขั้น-เป็นตอน ที่ละเมียดละไม แต่ “ไส้ใน” ยัดไว้ด้วย “พริกขี้หนู” ทั้งกำมือ
ดังนั้น “วันสุกดิบ” ที่ ๙ ตุลา.
“กองกำลังบูรพา” (กกล.บูรพา) กองทัพภาคที่ ๑ ทำหนังสือ
ด่วนมาก ถึงเขมรว่า จะเข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิด ที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว ในวันที่ ๑๐ ต.ค.
……………………………………..
ด่วนมาก
ที่ กห 0482.2/602 กองกำลังบูรพา ตำบลห้วยโจด อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2568 เรื่อง การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว
ถึง ผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 51
โดยอ้างถึง จากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568
โดยในที่ประชุมทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินมาตรการเพื่อความร่วมมือในทางปฏิบัติ การเดินหน้าการเก็บกู้ระเบิดเพื่อมนุษยธรรม
โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทาง เศรษฐกิจและสังคม และเพื่อการคุ้มครองชีวิตพลเรือน เพื่อให้เป็นการปฏิบัติตามความเห็นชอบจากการประชุมและเกิดความปลอดภัยต่อประชาชนในพื้นที่
กองกำลังบูรพา ขอแจ้งว่า จะเข้าดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น
และบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ในวันที่ 10 ตุลาคม 2568
จึงแจ้งท่านเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด กองกำลังบูรพาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความร่วมมือจากท่านเป็นอย่างดี
นี่คือวิธีการถือสิทธิ์ในฐานะเจ้าของแผ่นดิน นำกำลังเข้าไปในพื้นที่ไข่แดง “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” โดยไม่จำเป็นต้องเกรงคนที่เราให้ที่ซุกหัว
มันไม่ใช่การขออนุญาต หากแต่เป็นการ “แจ้งให้ทราบ” ว่า ไทยจะเข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในแผ่นดินของไทยเอง
พวกมึงไม่มีสิทธิที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรือขัดขืนด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะตรงนี้ “แผ่นดินไทย” พวกมึงบุกรุก ถ้าไม่ออกหรือขัดขืน จะต้องถูกจับไปดำเนินคดี ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและกระทำผิดพรบ.ป่าไม้
นอกจากนี้ “กองทัพภาคที่ ๑” ยังโพสต์ข้อความย้ำต่อเนื่องว่า
การเก็บกู้ทุ่นระเบิดดังกล่าว เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ “อธิปไตยของฝ่ายไทย”
เพื่อให้เกิดความเกื้อกูลต่อการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการรักษาอธิปไตย และความสงบสุขของพี่น้องประชาชนชาวไทย
อีกทั้งการแจ้งฝ่ายกัมพูชาให้รับทราบในห้วงวันและเวลาดังกล่าว เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดหรือนำไปบิดเบือนข้อมูลได้
โพสต์ต่อมาของ “กองทัพภาคที่ ๑” มีข้อความว่า
ขอเรียนชี้แจงภารกิจปกป้องอธิปไตยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว โดยในห้วงที่ผ่านมา
กกล.บูรพาและหน่วยทหารในพื้นที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่
ในการเตรียมความพร้อมการปฎิบัติในทุกมิติ เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
“กองทัพภาคที่ ๑”จะเข้าดำเนินการเด็ดขาดกับพื้นที่ที่มีการรุกล้ำอธิปไตยของไทยในห้วงวันเวลาที่ได้เปรียบ
โดยคำนึงถึงผลสำเร็จทางยุทธวิธีของหน่วยปฏิบัติและความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดนเป็นสำคัญ
ตลอดจนลดความสูญเสียหรือผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย
จากการระดมมวลชนของฝั่งตรงข้ามจำนวนมาก อันจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้ายขึ้น
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ ๑ ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า
กองทัพภาคที่ ๑ มีความพร้อมต่อการปฏิบัติในทุกห้วงเวลา และจะยืนหยัดทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มความสามารถในทุกวิถีทาง
เพื่อพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินไทยด้วยความชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย
และขอให้มั่นใจว่ากองทัพภาคที่ ๑ จะอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือประชาชนให้พ้นวิกฤตการณ์นี้อย่างดีที่สุด
“ชัด-ครบ-จบทุกเรื่อง” จากกองทัพ ไม่จำเป็น “ต้องถาม-ต้องตอบ” อะไรกันอีก
แต่แถมนิด เรื่องทรัมป์จะมาเป็นตัวกลาง “สันติภาพไทย-เขมร” นายกฯ อนุทิน ตอบนักข่าวที่ถามได้ ชนิดที่ทรัมป์ฟังแล้วเหมือนได้ดื่มน้ำผึ้งเดือน ๕ แช่ใบมีดโกน
“ผมได้เขียนหนังสือตอบกลับเพื่อขอบคุณในความปรารถนาดี ที่อยากจะเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ …..”
“แสดงว่าไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธที่ทรัมป์จะมาเป็นตัวกลางใช่มั้ย?”
นายกฯ ตอบว่า “ถูกต้อง”
เพราะข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้แล้วระบุชัดว่า “แต่ละประเทศต้องปฏิบัติอย่างไร” โดยย้ำข้อตกลง ๔ ข้อ คือ
๑.ถอนอาวุธหนัก ๒.ถอนทุ่นระเบิด ๓.จัดการกับสแกมเมอร์ ๔.บริหารพื้นที่ที่อยู่ในประเทศไทยให้ถูกต้องตามกฎหมาย
นี่คือ “ท่าทีของรัฐบาลไทย” ผู้ที่เสนอตัวมาเป็นคนกลางและไทย-เขมร จะต้องดำเนินการตามนี้ด้วย ไม่งั้น…ไม่ตกลง
กรณีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเขมร ที่ประกาศ “พร้อมสนับสนุนเขมรในการปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่” นั้น
นายกฯ อนุทิน “แปลงศาสตราเป็นแพรพรรณ” ได้สวยงามว่า
“ทูตจีนประจำไทย ก็ระบุว่าสนับสนุนประเทศไทยเช่นกัน คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดี เพราะทั้งไทยและกัมพูชาต่างมีประเทศอื่นที่มีความปรารถนาดี อยากเห็นสถานการณ์ไม่บานปลายหรือรุนแรงมากกว่านี้”
นายกฯ คนนี้ นับวัน “เขี้ยวคม” ขึ้นทุกวัน น่าสนใจ..น่าสนใจ!
เปลว สีเงิน
๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๘
