ปรับ ครม. แค่ปรับ “นายกเศรษฐา” ออกคนเดียวพอ เพราะผลงานน้อยกว่ารัฐมนตรี

19 เมษายน 2567 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรีค่อนข้างร้อนแรง สะท้อนว่าการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 แม้จะไม่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ ก็สามารถสร้างความสั่นสะเทือน ทำให้รัฐบาลรู้ตัวถึงความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นหนึ่งในความสำเร็จในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และตัวผมเองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนในการอภิปรายครั้งนี้

ผมเห็นด้วยครับว่า ถึงเวลาที่ต้องปรับ ครม. ได้แล้ว เพราะผ่านมาถึง 7 เดือนในการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ เศรษฐกิจก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ค่าครองชีพยังสูงลิบ ปากท้องของพี่น้องมีแต่ย่ำแย่ไปตาม ๆ กัน

ที่โชคดีบุญหล่นทับหัวแม่เท้าก็คงเรื่องราคายางที่ได้จังหวะขาดแคลนของตลาดโลกพอดี ซึ่งคนในวงการยางรู้ดีว่าจะเป็นวงรอบแบบนี้ประมาณทุกสิบปี ใครมาเป็นก็พอได้เคลมหน่อย แต่ผลงานอื่นแทบไม่มีเลย

แม้แต่ผลงานที่หาเสียงไว้ก็ทำไม่ได้ หรือไม่ก็ทำแบบกันโดนด่าอย่างเงินดิจิทัลที่ยังลูกผีลูกคน ไม่รู้พอถึงไตรมาส 4 จะเลื่อนอีกหรือไม่ ส่วนรูปแบบที่แถลงออกมาก็ดูกลายพันธุ์ไปมาก จากเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก กลายเป็นเหมือนดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อให้กลุ่มทุนใหญ่ได้เงินแสนล้านไปนอนกินสบาย ๆ ส่วนรายย่อยคงได้แต่เศษเงินตก ๆ หล่นมาบ้างนิดหน่อย

ขอวกกลับมาเข้าเรื่องกันที่การปรับ ครม. กันต่อครับ ข้อเสนอของผมง่ายมาก รับรองไม่มีข้อครหาว่าต่อรองรอเป็นพรรคอะไหล่แน่นอน เพราะผมคิดว่า รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ อยู่ไปเถอะ สามารถทำงานกันได้ แต่ตัวปัญหามีคนเดียวที่ไม่มีความเหมาะสมและไม่มีความสามารถพอสำหรับตำแหน่งนี้ก็คือ ‘นายเศรษฐา ทวีสิน’ คนเดียวเท่านั้นครับ

เพราะผมมองว่านี่คือบุคคลที่ไม่มีผลงานมากที่สุด ยิ่งหากประเมินจากการอภิปราย 152 ก็ยิ่งชัดเจน ตอบอะไรไม่ได้เลย นอกจากการยอกย้อนตีโวหาร ขณะที่แทบทุกการอภิปรายของฝ่ายค้านทุกคนเน้นไปที่รายละเอียดและข้อมูลแน่น ๆ เนื่องจากล้วนมองเห็นปัญหาของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันทั้งนั้น

เรื่องผลงาน ผมพูดไปบ้างแล้ว นั่นคือแแม้แต่นโยบายเรือธงก็ทำให้อยู่ในหลักการที่หาเสียงไม่ได้ มีแต่เปิดช่องให้ทุนใหญ่และเครือข่ายพวกพ้องมาหาประโยชน์ แล้วทิ้งหนี้มหาศาลไว้ให้ลูกหลานรับกรรมกันต่อไป

ส่วนความสำเร็จของสงกรานต์ซึ่งเป็นเทศกาลระดับโลกด้วยตัวเองอยู่แล้ว อยากอวยตัวเองก็คงทำไม่ได้อีก เพราะเป็นการทำงานของภาคเอกชนล้วน ๆ เช่นเดียวกับการแก้ปัญหา PM2.5 ห้ามนำเข้าสินค้าจากการเผา ไม่ว่าอ้อยหรือข้าวโพด ก็ต้องให้ผู้มีบารมีพูดถึงจะกล้าขยับ ทั้งที่ตัวเองอยู่มา 7 เดือน พี่น้องชาวเหนือทุกข์ร้อนแสนสาหัส กลับทำดีที่สุดได้เพียงไปปั่นจักรยานยิ้มแย้มแล้วบอกอากาศดี มีแต่อีเว้นต์ไปวัน ๆ ผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

ดังนั้น การปรับ ครม. ครั้งนี้ นอกจากจะได้เห็นภาพคำพังเพย “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” แบบชัด ๆ แล้ว ยังทำให้ได้มองเห็นเงาสะท้อนของ ‘ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล’ ยิ่งชัดเจนขึ้น

ทำให้ท่านเศรษฐา เป็นได้เพียงนายกรัฐมนตรี แค่บริหารผ่านทวีต หรือโซเชียลไปวัน ๆ เปลี่ยนคนเดียวก็พอครับ รัฐมนตรีอื่น ๆ อยู่ครบ ผมว่าบ้านเมืองก็พอไปได้

Written By
More from pp
0 replies on “ปรับ ครม. แค่ปรับ “นายกเศรษฐา” ออกคนเดียวพอ เพราะผลงานน้อยกว่ารัฐมนตรี”