นายกฯ พบผู้แทนภาคเอกชนนิวซีแลนด์ มุ่งผลักดันการเจรจาการค้าร่วมกัน สร้างมูลค่าการค้าใน 4 สาขาศักยภาพ การเกษตร – พลังงาน – การศึกษา – การท่องเที่ยว

17 เมษายน 2567  เวลา 11.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ นำคณะผู้แทนภาคเอกชนนิวซีแลนด์ เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมีผู้แทนระดับสูงของภาครัฐนิวซีแลนด์ พร้อมด้วยผู้แทนจากภาคเอกชนนิวซีแลนด์ จำนวน 8 บริษัท/หน่วยงาน ใน 4 สาขา ได้แก่ การเกษตรและอาหาร พลังงาน บริการและการศึกษา และเรือยนต์และการบิน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับคณะผู้แทนภาคเอกชนฯ โดยเชื่อมั่นว่าการเยือนครั้งนี้ ทุกฝ่ายจะได้หารือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างไทย – นิวซีแลนด์ โดยรัฐบาลได้ผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายประการ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และการปฏิรูปโครงสร้างระยะยาวเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย

ด้านนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ชื่นชมนายกรัฐมนตรีของไทยที่มีบทบาทกระตุ้นความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ เป็นโอกาสสำคัญที่ได้นำผู้แทนจากภาคธุรกิจชั้นนำของนิวซีแลนด์ ในภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต ซึ่งนิวซีแลนด์เชื่อมั่นว่าการบูรณาการความร่วมมือด้านการเกษตรจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้

ด้านการเกษตร บริษัท Fonterra สหกรณ์โคนมที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เห็นพ้องถึงการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย หรือฟาร์มขนาดเล็ก การสร้างแหล่งทรัพยากรน้ำให้เพียงพอ และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการเกษตร เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างเท่าเทียมกัน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าหลักการสำคัญควรคำนึงถึงการสร้างความไว้วางใจ และการเพิ่มบทบาทให้กับเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรได้รับผลประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ บริษัท Fonterra ได้แนะนำถึงการทำงานร่วมกับบริษัทผลิตภัณฑ์นมขนาดใหญ่ในระดับโลกเพื่อสร้างตลาดและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผ่านการรวมกลุ่มสหกรณ์รายย่อยทั้งหมด สู่สหกรณ์โคนมที่ใหญ่ระดับชาติเพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปยังต่างประเทศ

ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เห็นพ้องถึงแนวทางการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคเกษตรกรรม โดยไทยตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งการทำนาข้าวของไทย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดก๊าซมีเทนด้วย ขณะที่นิวซีแลนด์กล่าวถึงการมี AgriZero NZ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล และเกษตรกร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากภาคปศุสัตว์ด้วยการสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพต่าง ๆ เช่น การตัดต่อพันธุกรรมของหญ้าที่มีอัตราการปล่อยก๊าซต่ำ ซึ่งสามารถขายเชิงพาณิชย์ได้ โดยไทยพร้อมแลกเปลี่ยนแนวทางทั้งในด้านนวัตกรรมการเกษตรและการศึกษาวิจัย

ด้านพลังงานทดแทนและอุตสาหกรรม EV ไทยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและต้องการครอบคลุมระบบนิเวศทั้งหมด (Ecosystem) ทั้งการเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ แบตเตอรี่ และอื่น ๆ ที่สามารถผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่นได้ ขณะที่บริษัทจากนิวซีแลนด์ เช่น บริษัท Morrison ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ให้ความสนใจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน การลงทุนในพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่ในไทย บริษัท Hiringa Energy Ltd. บริษัทด้านพลังงานสีเขียวแบบครบวงจร ยินดีที่จะสนับสนุนบริษัทในไทยที่ต้องการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนในประเทศ

ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายพร้อมผลักดันให้เกิดเที่ยวบินตรงระหว่างไทย – นิวซีแลนด์อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างกันได้ทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและการค้า โดย บริษัท Air New Zealand เห็นถึงขีดความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศต่างเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวระหว่างกัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในปี 2567 นี้จะเป็นปีแห่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ซึ่งมีทั้งเทศกาล คอนเสิร์ต และกิจกรรมด้านวัฒนธรรมไทยต่าง ๆ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวได้อีกมาก

ด้านการศึกษา ทั้งสองฝ่ายหารือถึงการจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติในไทย รวมไปถึงการจัดหลักสูตรและความร่วมมือทางสาขาวิชาชีพ การฝึกอบรมต่าง ๆ ทั้งในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษา และมหาวิทยาลัย ซึ่งสำนักงานการศึกษานิวซีแลนด์พร้อมแลกเปลี่ยนความร่วมมือ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักเรียนแลกเปลี่ยนของทั้งสองประเทศด้วย

Written By
More from pp
“จักรพล” ติง รัฐบาลประกาศราคาประกันข้าวช้าทำชาวนาน้ำตาตก แนะเร่งบูรณาการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นระบบ
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีมติอนุมัติดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ในโครงการประกันรายได้ปี 2563/64 ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมา ส.ส. พรรคเพื่อไทยในหลายพื้นที่ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งข้าวและผู้ปลูกข้าวเหนียว
Read More
0 replies on “นายกฯ พบผู้แทนภาคเอกชนนิวซีแลนด์ มุ่งผลักดันการเจรจาการค้าร่วมกัน สร้างมูลค่าการค้าใน 4 สาขาศักยภาพ การเกษตร – พลังงาน – การศึกษา – การท่องเที่ยว”