แลนด์มาร์กการปรุงอาหารอินเดียแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ ร่วมสัมผัสความสุนทรีย์ ของมรดกตกทอดทางด้านอาหาร ค้นพบอินเดียที่ไม่มีใครรู้จัก ในทุกคำที่คุณสัมผัส “Tapori” ขอเชิญร่วม “เดินทาง” ไปกับเรา จากถนนในมุมไบ ไปจนสิ้นสุดการเดินทางที่เทือกเขาหิมาลัย

จากถนนในมุมไบไปจนถึงเทือกเขาหิมาลัย ร้านอาหาร Tapori บนถนนสุขุมวิท 47 นำเสนอเมนูอาหารที่มากกว่าอาหารอินเดียทั่วไป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมรดกตกทอดทางด้านอาหารของประเทศนี้ได้อย่างสมบูรณ์

Tapori ร้านอาหารอินเดียแห่งใหม่ เปิดให้บริการบนถนนสุขุมวิท 47 บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น “เชฟโรหิต ชาร์มา” เชฟเจ้าของร้าน พร้อมพานักชิมทุกท่าน ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ทั่วประเทศอินเดีย ผ่านอาหารจานต่อจาน ที่รสชาติหลากหลายจากทั่วทุกมุมของประเทศ

Tapori มีความหมายในภาษาฮินดีว่า “นักเดินทาง” หรือเป็นคำสแลงหมายถึงคนที่น่ารัก ร่าเริง และมีประสบการณ์ คำนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเดินทางของเชฟเจ้าของร้าน เพื่อรวบรวมตำรับอาหารจากทั่วประเทศอินเดีย ที่หลายคนยังไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชาวอินเดียหรือชาวต่างชาติที่ชอบรับประทานอาหารอินเดียก็ตาม

ภูมิทัศน์อันกว้างใหญ่ของอินเดียไม่เพียงแต่มีความหลากหลายอันน่าทึ่งเท่านั้น ทั้ง 28 รัฐ และ 8 ดินแดนสหภาพ แต่ละภูมิภาคยังมีวัฒนธรรม ภาษา และประเพณีการทำอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

อาหารในอินเดียมีความหลายหลากอย่างไม่น่าเชื่อ และมีความเฉพาะเจาะจงไปตามภูมิภาค อีกทั้งยังได้รับการหล่อหลอมจากประวัติศาสตร์การยึดครอง การเชื่อมโยงทางการค้า ตลอดจนการปฏิบัติทางศาสนาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของประชากรในแต่ละภูมิภาค

เป็นเวลานานแล้วที่ร้านอาหารอินเดียทั่วโลกพึ่งพาตำราอาหารแบบโมกุล-ปัญจาบ ส่งผลให้มีการนำเสนอมรดกทางอาหารที่หลากหลายของประเทศในแบบที่ซ้ำซากจำเจ ร้านอาหาร Tapori วางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น ดังนั้นโปรดคาดหวังในสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนได้เลย

เมนูของ Tapori บ่งบอกถึงภาพรวมของทัศนียภาพอาหารที่หลากหลายของอินเดีย เป็นผลลัพธ์จากการเดินทางและการวิจัยอย่างกว้างขวาง เพื่อเชิญชวนนักชิมให้สำรวจขุมทรัพย์ของอินเดียที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก

สูตรอาหารดั้งเดิมเหล่านี้คัดสรรมาจากทุกภูมิภาคหรือชุมชน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ บนจานอาหารของคุณ โดยแต่ละเมนูแสดงถึงรสชาติและเครื่องเทศที่ซับซ้อนของประเทศได้อย่างมีชีวิตชีวา

เมนูที่แบ่งออกเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารจานหลักได้รับการรังสรรค์มาเพื่อการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างพิถีพิถัน ผู้ที่มารับประทานอาหารสามารถสั่งอาหารผสมกันแบบใดก็ได้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เหมือนกับการรับประทานที่โต๊ะอาหารค่ำสำหรับครอบครัว

ที่นี่ไม่มีพื้นที่สำหรับอาหารทั่วๆ ไปอย่าง dal makhani, butter chicken หรือ idli-sambar เพราะเมนูของ Tapori ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อผู้ที่ต้องการลิ้มลองอาหารอินเดียซึ่งไม่เป็นที่รู้จัก

อาหารเรียกน้ำย่อยนั้นมีให้เลือกมากมาย เช่น

Kala Chana Ghugni หรือข้าวเม่า (ข้าวชนิดแบน) และถั่วชิกพีดำจากรัฐพิหาร,

Siddu (เกี๊ยวยัดไส้) จากรัฐหิมาจัลประเทศ,

ปลาหมึกปรุงสไตล์อานธร,

เซวิเชหอยเชลล์จากรัฐกัว,

Tabak Maas (ซี่โครงแกะติดเนื้อ) จากแคชเมียร์,

Kheema Ghotala (เนื้อบดในเครื่องเทศ) จากมุมไบ

และ Wahan Mosdeng สลัดเนื้อหมูของรัฐตริปุระ

สำหรับเมนูอาหารจานหลักนำเสนอรสชาติของอาหารประจำภูมิภาค เช่น

Natukozhi Pulusu ไก่หมักจากรัฐเตลังคานา,

Masur Tenga (แกงปลา) รสเปรี้ยวของรัฐอัสสัม,

เนื้อผัดพริกสไตล์รัฐเกรละอันโด่งดัง,

Lobster Assad จากปุฑุเจรี

และ Jadoh ข้าวหมกเนื้อหมู ซึ่งเป็นอาหารเช้าของชาวกาสีทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

Tapori ไม่นำเสนอเมนูมังสวิรัติแบบ “ง่ายๆ” ที่เพียงแทนอาหารประเภทเนื้อสัตว์ด้วยทางเลือกแบบมังสวิรัติ แต่กลับเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติในแบบดั้งเดิม เช่น

ผักหัวรวมมิตรปรุงสไตล์คุชราต,

Undhiyu เสิร์ฟพร้อมขนมปังแฟลตเบรดเมล็ดลูกซัดและข้าวฟ่าง,

Mochar Chop มันฝรั่งบดสอดไส้หัวปลีทอดจากรัฐเบงกอลตะวันตก,

Gobhi Musallam (กะหล่ำดอกย่าง) จากรัฐอุตตรประเทศ

และ Bajra Khichda โจ๊กถั่วเลนทิลและข้าวฟ่างจากรัฐราชสถานแสนอร่อย

และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของทัวร์ชิมอาหารที่ผู้มาเยือนทุกคนสามารถออกแบบได้ด้วยตนเอง

ของหวานนับเป็นผลงานสร้างสรรค์ชิ้นพิเศษของพาสทรีเชฟ ยกตัวอย่างเช่น ไอศกรีม Bun-Maska ขนมอันเป็นเอกลักษณ์ประจำร้านกาแฟสไตล์อิหร่านในมุมไบ คาเฟ่เหล่านี้มีชื่อเสียงขึ้นมาจากขนมปังทาเนยที่รับประทานคู่กับชา ซึ่งเป็นเมนูที่เรียบง่าย แต่โดดเด่น

ไอศกรีมของ Tapori ถ้วยนี้มอบประสบการณ์น่าอภิรมย์ด้วยส่วนผสมหวานกลมกล่อมจากครีมและรสชาติเข้มข้นของเนยที่สามารถสัมผัสได้ถึงความอร่อยในทุกคำ

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Lonavala Chocolate Fudge ขนมซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเส้นทางแห่งความทรงจำบนสถานีเนินเขาของ Lonavala ที่ขึ้นชื่อในเรื่องชิกกิ (ขนมถั่วลิสงตัด) และช็อกโกแลตฟัดจ์ ที่ร้าน Tapori มีทาร์ตรสชาติเยี่ยมสอดไส้ช็อกโกแลตอัลมอนด์ฟัดจ์สูตรโบราณ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาแบบโฮมเมดให้ทุกคนได้ลิ้มลอง

ผู้นำในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจนี้คือ โรหิต ชาร์มา นักเล่าเรื่องด้านการทำอาหารและเชฟเจ้าของร้าน ด้วยประสบการณ์ด้านการบริการ เขาได้สร้างสรรค์โปรเจ็กต์เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มโดยใช้ระบบ R4 Hospitality ของเขามาแล้วมากกว่า 100 โครงการ

ซึ่งรวมถึงร้านยอดนิยมอย่าง Maroon Room และ Freemasons Brew Works ในเมืองคุวาหาฏี (รัฐอัสสัม) และคาเฟ่ที่เขาร่วมทุนด้วยในคุรุคราม (Delhi NCR) โรหิตวางแนวความคิดเกี่ยวกับร้านอาหารตั้งแต่ต้นจนจบ โดยดูแลไม่เพียงแต่แนวคิดริเริ่มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกแบบและการตกแต่ง และแน่นอนว่าการสร้างสรรค์เมนูด้วย โปรเจ็กต์ของเขาสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและอาหารอินเดียที่หลากหลาย

Tapori โปรเจกต์ร้านอาหารล่าสุดของเขา ทำให้ความฝันเกี่ยวกับอาหารของเขาเป็นจริง แนวคิดที่สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลและความรู้อันลึกซึ้งเกี่ยวกับอาหารอินเดีย ผสมผสานความรักในประเพณีและนวัตกรรมที่งดงาม เพื่อพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับร้านอาหารแห่งนี้

การวิจัยจึงเริ่มต้นจากการท่องไปทั่วประเทศอินเดียเพื่อค้นหาสูตรอาหารแบบดั้งเดิมมาสร้างสรรค์เป็นเมนูที่สามารถมอบประสบการณ์การเดินทางทั่วประเทศของ “นักเดินทาง” ภารกิจการค้นคว้านี้ทำให้มีฐานข้อมูลรายการอาหารที่มีค่ามากถึง 300 จาน โดย 29 รายการเป็นเมนูที่ทำขึ้นเป็นครั้งแรก

“ศิลปะแห่งการปรุงอาหารไม่ใช่แค่การทำอาหารเพียงเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการบอกเล่าเรื่องราวที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณ” ชาร์มากล่าว

“ที่ Tapori เราเดินทางข้ามอินเดีย เพื่อช่วยเหลือบรรดาคุณยายและคุณแม่ ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ประเพณีการทำครัวของเรา เราสำรวจรสชาติที่บ่งบอกถึงมรดกของเราสำหรับเมนูที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสูตรอาหารต้นตำรับซึ่งสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

อาหารแต่ละจานเป็นตัวแทนของรัฐหรือชุมชนแห่งหนึ่งของอินเดีย และเป็นบทหนึ่งในเรื่องราวของวัฒนธรรมอาหารของอินเดีย ในทุกคำที่คุณสัมผัส เราขอเชิญชวนให้คุณค้นพบอินเดียที่ไม่มีใครรู้จัก ยังไม่เคยผ่านการสำรวจ และน่าประทับใจไม่รู้ลืม”

ผู้ที่ช่วยให้โรหิตสานฝันได้สำเร็จคือ เชฟอนิรบาน ชอว์ดรี เชฟฝ่ายวิจัยและพัฒนาจากระบบ R4 Hospitality ซึ่งทำงานอยู่ในเดลี และพาสทรีเชฟ ซวาติ ฮาร์ชา ผู้สร้างสรรค์รายการของหวานสำหรับเมนูของ Tapori

ความมุ่งมั่นของร้านอาหารที่เน้นการบ่งบอกถึงความหลากหลายและความมีชีวิตชีวาของอินเดีย ไม่ได้ครอบคลุมเพียงแค่เรื่องอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการตกแต่งร้านด้วย การตกแต่งภายในสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเจ้าของร้าน ที่ผสมผสานองค์ประกอบสมัยใหม่เข้ากับลวดลายสไตล์อินเดียซึ่งเป็นที่นิยมได้อย่างลงตัว สร้างบรรยากาศที่หรูหราและอบอุ่น พร้อมให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวและทันสมัยสวยงาม

การตกแต่งภายในได้รับการออกแบบตามวิสัยทัศน์ของเจ้าของร้าน ที่ผสมผสานองค์ประกอบสมัยใหม่เข้ากับลวดลายสไตล์อินเดีย เพื่อสร้างบรรยากาศที่หรูหราและอบอุ่น ทั้งยังเป็นส่วนตัวและดูทันสมัย ประตูไม้โบราณอายุ 200 ปี นำเข้าจากรัฐราชสถานเพื่อมาใช้ตกแต่งภายในร้าน

การตกแต่งนี้เป็นการแสดงความเคารพต่อมรดกทางศิลปะอันมั่งคั่งของอินเดีย พร้อมกันนั้นยังมีคอลเลกชันงานศิลปะที่นำมาจากประเพณีทางวัฒนธรรมอันกว้างขวางของประเทศ พื้นสีดำและขาวที่แข็งแรงเป็นรากฐานที่โดดเด่น สอดคล้องกับโทนอบอุ่นของเก้าอี้หนังทอและโต๊ะลายหินอ่อนที่เปล่งประกายน่าดึงดูดจากภายใน เสาสีแดงชาดสูงตระหง่านชวนให้นึกถึงเครื่องเทศอินเดีย ในขณะที่ขบวนพาเหรดช้างอินเดียหลากสีสันช่วยเติมเต็มความงดงามของรูปแบบการตกแต่งได้อย่างมีสไตล์

จากลวดลายเรขาคณิตของศิลปะวารลี และลวดลายชนเผ่าของบาสตาร์ ไปจนถึงการเล่าเรื่องโดยละเอียดของศิลปะแบบมธุบานี และความมีชีวิตชีวาของศิลปะแบบ Pichwai งานศิลปะแต่ละรูปแบบนี้มีความสำคัญและนำเสนอภาษาภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของอินเดีย ภาพโมเสกกระจกตัดด้วยมือรูปนกยูงสูงตระหง่าน และภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบรูปผืนน้ำของรัฐเกรละซึ่งมีความยาว 32 ฟุต ทำให้พื้นที่ในร้านดูมีชีวิตชีวาและเชื่อมต่อช่องว่างระหว่างการออกแบบร่วมสมัยและศิลปะแบบดั้งเดิมได้อย่างกลมกลืน

ระเบียงด้านนอกเป็นสถานที่พักผ่อนในการรับประทานอาหารอันเงียบสงบ ผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างไม่มีรอยต่อด้วยฉากหลังของจิตรกรรมฝาผนังที่รวบรวมแก่นแท้ของการเล่าเรื่องอินเดียผ่านสีสันและลวดลายที่สดใส

Tapori เป็นมากกว่าจุดหมายปลายทางแห่งการรับประทานอาหาร ณ ที่แห่งนี้ คือการเดินทางข้ามประเทศอินเดีย โดยนำเสนอประสบการณ์ลึกซึ้งเกี่ยวกับความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและมรดกตกทอดของอินเดียผ่านรสชาติอาหารและการออกแบบที่หลากหลาย

ร้าน Tapori บริการมื้อเย็น ระหว่างเวลา 17.00-23.00 น. สำรองที่นั่งได้แล้ววันนี้ ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ โทร.06-4569-3798 หรืออีเมล [email protected] Instagram: @taporibkk Facebook: taporibkk

Written By
More from pp
ไข้หูดับ ภัยเงียบที่ป้องกันได้ เพียงงดหมูดิบ และแยกอุปกรณ์สุก-ดิบ
สัตวแพทย์ ม.มหิดล แนะผู้บริโภคสายชาบู หมูกระทะ ตระหนักเรื่องการใช้อุปกรณ์แยกเนื้อหมูสุกและดิบ พร้อมขอผู้ประกอบการให้มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค เตรียมอุปกรณ์คีบเนื้อหมูดิบโดยเฉพาะ เพื่อลดความเสี่ยงโรคไข้หูดับ
Read More
0 replies on “แลนด์มาร์กการปรุงอาหารอินเดียแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ ร่วมสัมผัสความสุนทรีย์ ของมรดกตกทอดทางด้านอาหาร ค้นพบอินเดียที่ไม่มีใครรู้จัก ในทุกคำที่คุณสัมผัส “Tapori” ขอเชิญร่วม “เดินทาง” ไปกับเรา จากถนนในมุมไบ ไปจนสิ้นสุดการเดินทางที่เทือกเขาหิมาลัย”