‘เศรษฐา’ สาหัสกว่า ‘ยิ่งลักษณ์’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ตามหาคนหายครับ…

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ใครเห็น “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” บ้าง

ข่าวคราวครั้งสุดท้าย “อุ๊งอิ๊ง” โพสต์ข้อความในโซเชียลเมื่อ ๕ วันที่แล้ว เรื่องที่ไปเปิดงานอภิมหาสงกรานต์รางน้ำ (Rangnam’s Songkran Festival 2024) ที่ซอยรางน้ำ

แถมยังอวยพรให้คนไทยทุกคนพบกับความสุขกายสบายใจตลอดทั้งปี ใครที่เดินทางกลับบ้าน ขอให้เดินทางอย่างปลอดภัย ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ

จากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก

มีเพียงรูปครอบครัวพ่อแม่ลูกใน IG ingshin21 จำนวน ๓ รูป ไม่ทราบถ่ายที่ไหน เมื่อไหร่ ก่อนหรือหลัง ๕ วันที่แล้ว

ไม่พบว่า “อุ๊งอิ๊ง” ไปปรากฏตัวต่อสาธารณชน อย่างที่ควรจะเป็นในฐานะนักการเมือง

บวกกับมีข่าวมาก่อนหน้าว่า “อุ๊งอิ๊ง” จะหอบลูกหอบผัว ไปเที่ยวฮ่องกงช่วงสงกรานต์ แต่ดันเชิญชวนชาวโลกมาสาดน้ำที่ไทย

ครับ…ตั้งข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ เพราะมีคนบ่นว่า “อุ๊งอิ๊ง” เจ้าแม่ซอฟต์พาวเวอร์ ไปไม่สุดกับเทศกาลสงกรานต์

ทั้งที่อดตาหลับขับตานอน ปั้นเดือนเมษายนทั้งเดือนเป็นเทศกาลสงกรานต์ แต่พอถึงเวลา แม่งานกลับล่องหน

ถามว่าปกติไหม

ก็ไม่ปกติหรอกครับ เพราะเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาทองในการเรียกคะแนนนิยม เราจึงเห็นนักการเมืองปรากฏตัวไปทั่ว

ขนาด “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ตัวตึง พรรคก้าวไกล ยังสุดเหวี่ยง ไปดิ้นพราดๆ ในงานวันไหล อำเภอสอยดาว จันทบุรี

ได้คะแนนไปโขเลยครับ!

นายกฯ เศรษฐา ก็ใช่ย่อย

โน้นเลยครับ เดินก้มหัวเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ขอพรจาก “นักโทษชายทักษิณ” อย่างภาคภูมิใจ

ในมุมของ นายกฯ เศรษฐา ว่าอะไรท่านไม่ได้หรอกครับ

มีวันนี้เพราะนายใหญ่ให้

ก็ต้องกตัญญูเป็นธรรมดา

แต่ภาพที่ออกมามันฟ้องว่า เหนือนายกรัฐมนตรีไทย คือ นักโทษชาย

หรือแม้กระทั่งคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ เศรษฐา ก็ฟ้องอย่างชัดเจนว่าใครอยู่บนสุดของโครงสร้างระบอบทักษิณ

“…อย่าไปคิดอะไรมากเลยกับการที่ผมมาเยี่ยม ท่านทักษิณวันนี้ เพราะท่านเองเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นผู้ใหญ่ ที่ทุกคนในบ้านเมืองให้ความเคารพ เป็นคนที่มีความรู้

จึงเป็นธรรมดาที่ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ ก็ต้องมาขอคำแนะนำและพูดคุยถึงปัญหาบ้านเมือง รวมทั้งเล่าให้ฟังว่าทำอะไรอยู่บ้างหรือเป็นเรื่องธรรมดา

ผมเจอกับผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองก็ขอคำปรึกษา และก็ทำงานอยู่แล้ว ไม่มีอะไร…”

นายกฯ เศรษฐาเข้าสู่การเมืองตัวเปล่า ไม่มีฐาน สส.ให้การสนับสนุนแม้แต่คนเดียว ที่อยู่ได้ในตอนนี้เพราะคนของ “นักโทษชายทักษิณ” ที่รายล้อมทั้งสิ้่น

ฉะนั้นเมื่อ “นักโทษชาย” คุยเรื่องการบ้านการเมือง ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาแก่ “นายกรัฐมนตรี” ความน่าวิตกกังวลจึงบังเกิด

จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร ในเมื่อ “นักโทษชายทักษิณ” เพิ่งจะแสดงอิทธิฤทธิ์ ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ทำลายกระบวนการยุติธรรมเสียย่อยยับ

ฟังนายกฯ พูดเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี ยิ่งแล้วใหญ่

นักข่าวถามว่ามาพบกับทักษิณคุยเรื่องปรับ ครม.หรือเปล่า?

คำตอบคือ…

“…เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองธรรมดา ปัญหาเรื่องข้าวโพด ปัญหาเรื่องการเผาป่า ในเรื่องของความสะอาดของบ้านเมือง เป็นเรื่องธรรมดา รวมทั้งเรื่องของเมียนมาก็ได้มีการพูดคุยกัน…”

“..ถ้าเกิดต้องการความช่วยเหลืออะไร ท่านก็บอกว่าสามารถโทรศัพท์มาหาได้ทุกเมื่อ พร้อมให้คำแนะนำ…”

สรุปว่าคุยครับ!

ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะ “นักโทษชายทักษิณ” คือผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล

นายกฯ เศรษฐาโกหกไม่เนียน ปัญหาเผาป่า ข้าวโพด น่าจะพูดกันมาหลายรอบแล้ว เพราะทุกครั้งที่ถูกถามก็ได้รับคำตอบว่า เผาป่า ข้าวโพด

มีการพูดคุยเรื่องปรับ ครม. แต่จะระดับไหนไม่ทราบ

รู้เพียงว่า นายกฯ เศรษฐา ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าใครจะอยู่ ใครจะไป

ท่อนที่นักข่าวถามว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ทำไมมีกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะไปนั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นายกฯ เศรษฐา ตอบว่า…

“…เรื่องนี้ไม่ทราบเลย แต่คงเป็นเรื่องที่ผมได้ไปเยี่ยมทหารและบ้านพักของข้าราชการทหาร รวมทั้งเรื่องที่ผมมีความสนิทสนมส่วนตัวกับ ผบ.ทบ.และ ผบ.สส. มีการยกหูพูดคุยกันได้

เป็นหน้าที่อยู่แล้วในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ได้ขอท่านไปว่าอยากให้ท่านช่วยดูแลเรื่องชายแดน พื้นที่ทำกินของราษฎร ซึ่งท่านก็ตอบสนองได้ดี

แต่ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง หรือตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะสถาบันทหารเองทุกคนก็มีความเป็นมืออาชีพ มีวินัย ถ้าเผื่อนายกรัฐมนตรีขออะไรไปและเป็นเรื่องที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ก็เชื่อว่าทุกคนพร้อมจะทำให้อยู่แล้ว…”

ถ้าเป็นนายกฯ ที่มีอำนาจเต็มในการปรับ ครม. จะไม่ตอบคำถามแบบนี้

แต่นายกฯ เศรษฐาตอบเหมือนมีคนอื่นจัดโผ ครม.ให้

ขนาดพูดถึงตัวเองยังพาซื่อ ว่า ถ้าปรับไปนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย คงเพราะเป็นเรื่องที่ได้ไปเยี่ยมทหารและบ้านพักของข้าราชการทหาร

รวมทั้งเรื่องที่มีความสนิทสนมส่วนตัวกับ ผบ.ทบ.และ ผบ.สส.

พูดไม่เหมือนคนที่มีอำนาจปรับ ครม.จริงๆ

และความจริงก็คงเป็นเช่นนั้น

สุดท้ายแล้วรัฐบาลเศรษฐา จะถูกแทรกแซงมากกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์

จะไม่มีคำว่า “คนแดนไกล”

เพราะศูนย์อำนาจย้ายจากดูไบกลับมาอยู่จันทร์ส่องหล้าแล้วนั่นเอง

Written By
More from pp
ส่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฝีมือ ‘บิ๊กตู่’ เน้นฟังเสียงประชาชน สู้วิกฤติไวรัสโควิด-19
อุณหภูมิการเมืองร้อนกำลังร้อนแรง หลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา ‘นายกฯบิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถูกจับตาและถูกพาดพิงในหลายวาระ...
Read More
0 replies on “‘เศรษฐา’ สาหัสกว่า ‘ยิ่งลักษณ์’ – ผักกาดหอม”