รายงานลับชั้น 14 – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

วินาทีนี้คงต้องยอมเขาล่ะ

ไม่น่าจะมีครอบครัวไหนมีความสุขเท่าครอบครัว “ชินวัตร” อีกแล้ว

เห็นถามกันดีนัก ไหนว่ากลับมาเลี้ยงหลาน วานนี้ (๘ เมษายน) “นักโทษชายทักษิณ” ลงทุนแก้ผ้าแก้ผ่อน กระโดดลงสระน้ำ เลี้ยงหลาน โชว์ซะเลย

“อุ๊งอิ๊ง” ถ่ายรูปโชว์ใน อินสตาแกรม @ingshin21 พร้อมข้อความ “วันหยุด ณ บ้าน ตาตา สนุกสนานไม่อยากกลับกันเลยยย #babytitarnandhergrandpa #babythasinandgrandpa #mmdpskids”

เด็กก็สนุนสนานตามประสาเด็ก ซึ่งเป็นเรื่องดี

ส่วนผู้ใหญ่จะสนุกสนานหรือไม่ บางทีดูจากสีหน้าท่าทางใช่ว่าจะมองออก ไม่เหมือนเด็ก รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น

“นักโทษชายทักษิณ” คงมีความสุขกับการเลี้ยงหลาน เพราะก่อนกลับไทย บอกว่าจะกลับมาเลี้ยงหลานจนแผ่นเสียงตกร่อง

แต่ทันทีที่เหยียบแผ่นดินไทย กลายเป็นว่าสมุนทุกคนคือหลาน

บทบาททางการเมืองของ “นักโทษชายทักษิณ” เริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

ชัดจนบางคนคิดไปไกลแล้วครับ

“ปิยบุตร แสงกนกกุล” เห็นอนาคตอันน่าขนลุกของ “นักโทษชายทักษิณ” แล้ว และเขียนถึงความเชื่อที่ว่า พรรคก้าวไกลจะรอดจากการยุบพรรค

“…พรรคก้าวไกลในทางการเมือง คนจะบอกว่า ต้องโดนล่อแน่นอน ต้องโดนจัดการแน่นอน ต้องโดนเด็ดหัวแน่นอน

แต่มันก็มีอีกมิติหนึ่ง อีกแง่มุมหนึ่งว่า กลุ่มผู้มีอำนาจชนชั้นนำในประเทศนี้ อาจจะคิดคำนวณแล้ว พอสมควรเอาเท่านี้ดีกว่ามั้ย เพราะยังเห็นประโยชน์ว่าระบบแบบนี้ ระบบรัฐสภาภายใต้ การชี้นำของกลุ่มอีลิท ซึ่งมีพรรคตีกันไปตีกันมาในระบบรัฐสภา มันก็ควรมีพรรคแบบนี้เพื่อจะถ่วงดุลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่

ผมเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มฉุกคิดประเด็นนี้แล้ว ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย พรรคอื่นข้ามขั้วกันไปมาเต็มไปหมด ก้าวไกลไม่มีทางได้เป็นรัฐบาลในรอบนี้ รอบหน้าไม่รู้จะได้เป็นหรือเปล่า อันนี้มันก็สมูทในแบบของเขาแล้ว จัดการไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาลได้แล้ว

แต่ขณะเดียวกันเขาก็กังวลว่าถ้าพรรคเพื่อไทยใหญ่มีอำนาจมากไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันคล้ายๆ ช่วงปี ๔๔ ๔๕ ๔๖ ๔๗ ๔๘ ๔๙ อะไรแบบนี้มั้ย

ฉะนั้นคนกลุ่มนี้เริ่มจะขบคิดว่า เอ้ย อย่ากระนั้นเลย มันก็ต้องมีพรรคหนึ่งคอยถ่วงดุลหรือเปล่า

นี่อาจจะเป็นเหตุผลในทางการเมืองก็ได้ว่า ต้องเก็บพรรคก้าวไกลเอาไว้ต่อสู้ในสนามการเมืองแบบนี้ต่อ นี่มองการเมืองนะ ไม่มองเรื่องผิดกฎหมายไม่ผิดกฎหมาย เรื่องการเมืองล้วนๆ…”

ฟังแล้วอึ้งไปหลายสิบตลบ!

ในมุมการเมืองมันเป็นแบบนี้จริงหรือ?

เป็นไปได้ที่ระบอบทักษิณจะเติบใหญ่

จะเกิดระบอบเผด็จการรัฐสภาขึ้นมาอีกครั้ง

แต่พรรคก้าวไกลซึ่งมีปัญหาด้านทัศนคติทางการเมือง และกำลังจะถูกยุบพรรคจากคดีล้มล้างการปกครอง จะรอดเพราะกลุ่มอีลิตที่ “ปิยบุตร” อ้างถึง เพื่อใช้พรรคก้าวไกลถ่วงดุลกับระบอบทักษิณ

เกาหัวแกรกๆ สิครับ!

เอาเรื่องคดีความ เรื่องกฎหมายออกไปก่อน ถ้าเป็นไปตามตรรกะนี้ “ผู้มีอำนาจ” ตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ไม่มีหลักประกันใดๆ เลยว่าสุดท้ายแล้ว พรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล จะจับมือกันเพื่อล้มกลุ่มอีลิต

เพราะหากเชื่อว่า ระบอบทักษิณ จะกลับมาผงาด ไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น เช่นในอดีตที่ “นักโทษชายทักษิณ” บอกว่า “ให้ในหลวงกระซิบข้างหูแล้วจะลาออก” ก็มีแนวโน้มว่า ๒ พรรคการเมืองนี้จะร่วมกิจกรรมทางการเมืองด้วยกันในอนาคต

เมื่อจับคดีความเข้ามาใส่ นั่นก็คือ “ล้มล้างการปกครอง” แนวคิดการใช้พรรคก้าวไกลถ่วงดุลพรรคเพื่อไทยแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย

และในความเป็นจริง การถ่วงดุล “ระบอบทักษิณ” ใช่ว่าจะต้องพึ่งพาพรรคการเมืองเสมอไป เพราะการกลับมาครั้งนี้ของ “นักโทษชายทักษิณ” ทิ้งร่องรอยไว้มากเกินไป

เพราะการ “เลี้ยงแกะ” แทน “เลี้ยงหลาน” นี่แหละครับ เรื่องราวมันถึงได้ นัวเนีย พันตู กันไปหมด

โพสต์ล่าสุดของ “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” มือปราบระบอบทักษิณ เรื่อง “รายงานลับ นักโทษชั้น ๑๔” ขึ้นศาลกันเมื่อไหร่ มีหวังได้เลี้ยงหลานผ่านคุก!

เนื้อหาโดยสรุปมีดังนี้…

“…จะพบว่าการส่งตัวของกรมราชทัณฑ์จากข้อเท็จจริง เหตุผลนี้มาจาก ‘เพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งมีผลต่อชีวิตผู้ต้องขัง’ แสดงว่าเป็นการส่งตัวผู้ต้องขังไป รพ.ตำรวจ ‘เพื่อป้องกันความเสี่ยง’ ไม่ใช่เป็นการเจ็บป่วยจริง ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อ ๒ ของกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ…”

“…โรงพยาบาลตำรวจได้รับข้อมูลมาว่า ผู้ต้องขังรายนี้ มีอาการวิกฤตฉุกเฉิน เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ซึ่งควรได้รับการรักษาใน ICU (จะพบว่าข้อมูลนี้ขัดแย้งกับ ข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ที่รายงานว่า ส่งมาเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งแสดงว่ายังไม่ได้ป่วยจริง แต่มาถึงโรงพยาบาลตำรวจกลับอ้างข้อมูลว่าผู้ต้องขัง มีอาการวิกฤตฉุกเฉิน)…”

“…กล้องวงจรปิดได้รับการชี้แจงว่า ชั้นนี้เสีย และกล้องวงจรปิดเสียทั้งอาคาร เนื่องจากงบประมาณได้รับไม่เพียงพอ (ปกติทุกโรงพยาบาลจะมีเงินบำรุง ที่ผู้อำนวยการสามารถใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมได้ มีเจตนาพิเศษแอบแฝงหรือไม่ ที่ไม่มีการซ่อมแซม)…”

“…ประเด็นเรื่องห้องวีไอพี จากการแสวงหาข้อเท็จจริง พบว่า ป้ายหน้าลิฟต์ชั้น ๑๔ ปรากฏข้อความสั้นๆ เพียงว่า หอผู้ป่วยพิเศษเท่านั้น (ก็เป็นการยืนยันว่า ผู้ต้องขังพักที่ห้องพิเศษจริง ซึ่งขัดกับกฎกระทรวง ที่ห้ามพักห้องพิเศษ)…”

“…แพทยสภาเคยได้รับเรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของแพทย์ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปฏิบัติตัวกับผู้ต้องขัง ในลักษณะเอื้อประโยชน์ เลือกปฏิบัติ ขณะนี้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนจริยธรรม อยู่ระหว่างการพิจารณาของอนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพ…”

จะเห็นว่าร่องรอยที่เกิดจากกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ไม่จำเป็นต้องใช้พรรคก้าวไกลเป็นตัวช่วยแต่อย่างใด

ของมันมีอยู่แล้ว

แค่จะเอาออกมาใช้ตอนไหนเท่านั้นเอง

นี่คือมุมการเมืองที่ “ปิยบุตร” ไม่ได้มอง

ในส่วนคดีความ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยไปตามหลักฐานเอกสารที่ปรากฏ ซึ่งต่อเนื่องมาจากคดีแก้ ม.๑๑๒

ถ้าพรรคก้าวไกลจะรอดก็มีกรณีเดียว คือเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา มาตรา ๔๙ ที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” อยากให้เป็น

คือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทําดังกล่าว

แต่กลับไปดูคำร้องดีๆ ที่ให้ยุบพรรคก้าวไกล เพราะมีการทำผิดและศาลวินิจฉัยไปแล้วว่า “เซาะ กร่อน บ่อนทำลาย”

จุดไฟไหม้วายวอดไปแล้ว ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว จะให้เลิกการกระทำได้อย่างไร

0 replies on “รายงานลับชั้น 14 – ผักกาดหอม”