ผักกาดหอม
คงได้ความสะใจไปนอนกอด
แต่ก็ชั่วข้ามคืนกระแสตีกลับ
สะใจแล้วไงต่อ
เสียงจากผู้เจริญแล้วที่พูดถึง พิธี “อัญเชิญพระเกี้ยว” ของกลุ่มนิสิตจุฬาฯ ว่า ในเมื่อไม่เชื่อ ไม่เคารพ ก็ไม่ควรเอาไปลบหลู่ ด้อยค่า
ฉะนั้นปีหน้าฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ทางฝั่งจุฬาฯ ควรตัดการอัญเชิญพระเกี้ยวออกไป
ดูจะเป็นการกระทำของผู้ที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์ที่สุดแล้ว
อย่านำ “พระเกี้ยว” มาจุดชนวนสร้างความขัดแย้งระหว่างประชาชนในสังคมเลยครับ
เพราะคนคิดต่างมันมากมายมหาศาล!
ชาวจุฬาฯ จึงต้องคุยกันให้ตกฟากว่าจะเอาไง
เพราะจุฬาฯ ไม่ได้มีแค่กลุ่มนิสิตที่ทำก่อนคิด ยังมีนิสิต อาจารย์ บุคลากรอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ได้รับผลกระทบจากการดูแคลน “พระเกี้ยว” นี้ด้วยเช่นกัน
ณ วันนี้ เว็บไซต์จุฬาฯ ยังเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “พระเกี้ยว” อยู่
และยกให้เป็น “อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย” อยู่
“…พระเกี้ยว เป็นสัญลักษณ์ที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภูมิใจ สืบเนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัยได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัยนี้
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดให้พระเกี้ยวเป็นพิจิตรเรขาประจำรัชกาลของพระองค์
เมื่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดข้าราชการพลเรือนหรือโรงเรียนมหาดเล็ก จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระเกี้ยว เป็นเครื่องหมายหน้าหมวกของนักเรียนมหาดเล็ก และได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้พระเกี้ยวเป็นเครื่องหมายของโรงเรียน
เมื่อโรงเรียนมหาดเล็กได้วิวัฒน์ขึ้นเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้บริหารได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เปลี่ยนข้อความใต้พระเกี้ยวตามชื่อซึ่งได้รับพระราชทานใหม่ตลอดมา
พระเกี้ยวองค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตึกจักรพงษ์ เป็นพระเกี้ยวซึ่งมหาวิทยาลัยได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อสร้างจำลองจากพระเกี้ยวจริงที่ประดิษฐานอยู่ในพระคลังมหาสมบัติในพระบรมมหาราชวัง และได้พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยต่อหน้าประชาคมจุฬาฯ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรประจำปีการศึกษา ๒๕๓๑ เมื่อ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๒
‘พระเกี้ยว’ เป็นศิราภรณ์ประดับพระเกศาหรือพระเศียรของพระราชโอรสและพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ คำว่า เกี้ยว ถ้าเป็นคำนามแปลว่าเครื่องประดับศีรษะหรือเครื่องสวมจุก ถ้าเป็นคำกริยาแปลว่าผูกรัดหรือพัน
‘จุฬาลงกรณ์’ แปลว่า เครื่องประดับศีรษะหรือจุลมงกุฎ
‘จุลมงกุฎ’ หมายถึง พระราชโอรสของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ หรือ พระจอมเกล้าน้อย อันเกี่ยวโยงถึงพระปรมาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนามาภิไธยเดิม คือสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎฯ…”
นั่นคือที่มาที่ไปของ “พระเกี้ยว” และ “จุฬาลงกรณ์” ที่เว็บไซต์จุฬาฯ ยังคงเผยแพร่ต่อสาธารณะอยู่
แต่หากนิสิตกลุ่มที่ปักใจเชื่อว่าสิ่งที่ปฏิบัติมาจนเรียกว่าประเพณี คือการกดขี่ เหลื่อมล้ำ ก็ควรเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยเสียด้วย
เป็นมหาวิทยาลัยสามนิ้วเสียก็ได้
อย่าใช้ “จุฬาลงกรณ์” อีกต่อไปเลยครับ
มันอิหลักอิเหลื่อ!
ภายภาคหน้านักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษา จะได้เบนเข็มถูก ว่าจะทุ่มเทอ่านหนังสือเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยสามนิ้วหรือไม่
เป็นบทเรียนสำหรับคนรุ่นใหม่ ทำอะไรเน้นเอามัน ไม่คิดอะไรให้รอบคอบ แยกแยะไม่เป็น สิ่งที่นำเสนอจึงกลายเป็นชนวนไปสู่ความขัดแย้ง
อ่านโพสต์ในโซเชียลของ “ม.จ.จุลเจิม ยุคล” ดูครับ
ขอตราพระเกี้ยวยั่งยืนยง
ผมไม่ใช่นิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ได้มีรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่ได้เรียน และจบที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อได้เห็นแล้วก็อดหดหู่หัวใจ แทนนิสิตจุฬาฯ รุ่นพี่ รุ่นปู่ รุ่นย่า รุ่นตา รุ่นยาย ที่ได้เห็นภาพเช่นนี้ื พวกท่านๆ จะรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ
ผลงานดังกล่าว คือการเทิดทูนพระเกียรติ พระเกี้ยว โดยการตั้งวางไว้บนหลังคารถกอล์ฟ แทนที่จะมีขบวนแห่อย่างสมพระเกียรติ แบบที่ผ่านๆ มา หรือนี่มันแค่เป็นการ หลู่เกียรติพระเกี้ยว กันแน่
หากผู้จัดงานครั้งนี้ ไม่เต็มใจที่จะเทิดทูนพระเกียรติ พระเกี้ยว ก็ไม่ต้องอัญเชิญพระเกี้ยวออกมา ตั้งบนหลังคารถกอล์ฟ อวดไปทั่วประเทศ ให้เป็นที่อุจาดตา
ใคร่ขอบอกอย่างหนึ่ง ถ้าไม่รู้จริงว่า พระเกี้ยวคือของสูง เป็นศิราภรณ์ที่ประดับบนพระเกศา ของพระมหากษัตริย์ และตราสัญลักษณ์ของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเครื่องประดับบนพระเกศาของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ที่พระราชทานให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำมาเป็นสัญลักษณ์ เพื่อที่จะรำลึกถึงพระองค์เป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยนี้
เมื่อภาพออกมาเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องการเมือง หรือสิทธิเสรีภาพ ไม่รักไม่เคารพก็อย่าลบหลู่เกียรติ เนื่องจากพระเกี้ยวเป็นเครื่องสูง การอัญเชิญจึงต้องใช้เสลี่ยง ไม่ใช่อัญเชิญบนหลังคารถกอล์ฟ
นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกคนต้องมีความภาคภูมิใจ ไม่ใช่เรื่องการเมือง หรือสิทธิเสรีภาพ
ไม่รัก ไม่เคารพก็อย่าลบหลู่เกียรติ ในสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย
หากไม่รัก ไม่ภูมิใจ ก็ถวายคืน หรือถ้าไม่ถวายคืนก็เอาตราเกี้ยวใส่ตู้กระจก ตั้งไว้ในพิพิธภัณฑ์ จะดีกว่า
ขอตราพระเกี้ยวยั้งยืนยง
นิสิตประสงค์เป็นธงชัย
ถาวรยศอยู่คู่ไทย เชิดไชย ชโย
***ผมไม่ใช่ศิษย์เก่าครับ แต่ขอพูด ขอเขียนเพราะ หดหู่หัวใจแทนศิษย์เก่าทั้งหลายของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยอมรับว่าเสือก***
โพสต์นี้คงจะเตือนสติน้องๆ ที่มีความคลาดเคลื่อนทางความคิดได้บ้าง
แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า ลัทธิความเชื่อที่สืบเนื่องจากการบิดเบือนของพรรคการเมือง ได้สร้างปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะความเข้าใจในสถาบันพระมหากษัตริย์
การบิดเบือนเพื่อล้มล้าง ทุกอย่างจึงถูกมองเป็นภาพลบ
ลบแม้กระทั่งการก่อเกิดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไม่อยากใช้คำว่า “ทรยศ” หรือ “เนรคุณ” กับคน เพราะขนาด “สุนัข” ยังรู้จักคำนี้เป็นอย่างดี
หากไม่พอใจเรื่องที่มาของ “พระเกี้ยว” และ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ก็อย่าอ้างเรื่องการกดขี่ เหลื่อมล้ำ เลยครับ
รู้จักให้เกียรติผู้อื่นให้ได้ก่อน เพราะนี่เป็นคุณสมบัติแรกของความเป็นมนุษย์
ถ้าหลุดจากนี้คือ เลว ระยำ อัปรีย์ จัญไร ครับ