ผักกาดหอม
จะเอาจริงๆ เหรอ….
วานนี้ (๒๘ มีนาคม) นายกฯ เศรษฐา พูดถึงร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร ฟังดูแล้ว กาสิโนน่าจะเกิดในรัฐบาลนี้
“…คิดว่าตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องกฎหมายกาสิโน แต่ให้มองเป็นเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะรวบรวมหลายส่วน
และเราทราบกันดี ต้องการจะยกเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนพื้นให้หมด จะได้ควบคุมกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัย ความเหมาะสม และเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งเห็นด้วยเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ…”
พ่อค้าขายบ้านหาญกล้าท้าทายสังคมไทยด้วยการเปิดกาสิโนอย่างนั้นหรือ
หรือเป็นความคิดใครกันแน่
ย้อนกลับไป รัฐบาลทักษิณมีการโยนหินถามทางหลายครั้งเรื่องจะเกิดกาสิโน แต่เสียงต่อต้านมากเกินไป “ทักษิณ” จึงเก็บเข้าลิ้นชักไปก่อน
กระทั่งรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช โฆษณาชวนเชื่อข้อดีของการมีกาสิโนกันยกใหญ่
อวยกันแบบสำลัก!
“สมัคร” บอกว่า สมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี ๒๕๒๐ ได้เดินทางไปดูงานการตั้งกาสิโนที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่ขณะนั้นอยู่ระหว่างการทดลองให้มีกาสิโน โดยได้นำเรือโดยสารลำใหญ่มากที่ไม่ใช้แล้วมาจอดในอ่าวมะนิลา และจัดเป็นเรือกาสิโนขนาดใหญ่ มีทหารเป็นผู้เฝ้า และให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเล่น โดยแสดงพาสปอร์ตก็สามารถเข้าไปเล่นได้เลย ส่วนคนฟิลิปปินส์ก็ซื้อบัตรผ่านเข้าไปในราคาประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาทต่อปี และมีรูปติดอยู่ในบัตรด้วย แต่เมื่อรายงานให้นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นทราบ ก็ต้องถูกเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อน
หลังจากนั้น ๒ ปี เมื่อปี ๒๕๒๒ ฟิลิปปินส์ก็เปิดกาสิโนของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ มี ๑๐ แห่งทั่วประเทศ อยู่ในกรุงมะนิลา ๕ แห่ง และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ อีก ๕ แห่ง ถือเป็นธุรกิจที่รัฐบาลทำเอง และที่มาเลเซียในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีอยู่ ๕ แห่ง อยู่บนยอดเขา
สมมติตัวเลขให้เห็นว่า รายได้ที่จะเข้ารัฐได้คนละ ๕๐,๐๐๐ บาท ๑๐ คนก็ ๕ แสนบาท ๑๐๐ คนก็ ๕ ล้านบาท ๑,๐๐๐ คนก็ ๕๐ ล้านบาท ๑๐,๐๐๐ คน ๕๐๐ ล้านบาท ถ้า ๒๐,๐๐๐ คน ๑,๐๐๐ ล้านบาท อย่างนี้รัฐบาลจะเอามาทำอะไรก็ได้ เช่น ช่วยทหาร ตำรวจ ที่บาดเจ็บตามแนวชายแดน หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสาธารณกุศล…”
สมัครบอกว่า “…เรื่องนี้ยังมีเวลา เพราะรัฐบาลนี้จะอยู่ ๔ ปี และจะคิดต่อ พูดต่อ และจะทำตามนั้น…”
สุดท้ายไปก่อนกำหนดเพราะชิมไปบ่นไป
มาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลิ่นก็โชยมาอีกครั้ง
จู่ๆ ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งฯ เตรียมเสนอรัฐบาลพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.๒๕๑๗ เพื่อออกสลากหลากหลายรูปแบบ และเปิดทางตั้ง Entertainment Complex รวมแหล่งท่องเที่ยว-บันเทิง-กาสิโน เพื่อดึงรายได้เข้าประเทศ หลังสูญเสียรายได้ดังกล่าวไปให้ประเทศเพื่อนบ้าน
แต่ “ยิ่งลักษณ์” อิดออด เพราะสถานการณ์ของรัฐบาลตอนนั้นลูกผีลูกคน ความวัวยังไม่ทันหายคงไม่อยากให้ความควายเข้ามาแทรก
เพราะ กาสิโน เป็นประเด็นร้อนเกินไป!
จะเห็นว่ามีความพยายามตลอดนับแต่รัฐบาลทักษิณ สมัคร มาถึงยิ่งลักษณ์ เพียงแต่สถานการณ์ไม่อำนวย
และแล้วรัฐบาลเศรษฐา มีท่าทีเอาจริง
แล้วมันโผล่มาได้ไง
พนันถูกกฎหมาย ไม่มีอยู่ในนโยบายของรัฐบาล แต่กลับมีการทำเรื่องนี้แบบไม่ค่อยเป็นข่าวนัก
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ “ช่วยคลัง-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” เป็นประธานกรรมาธิการฯ ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เพื่อเสนอประกอบรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร
ต้นเรื่องมาจากพรรคเพื่อไทย
ส่วนใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องเดา
ก็คนที่เริ่มต้นนั่นแหละครับ
ผลการศึกษาบอกว่า พื้นที่ที่จะเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ต้องอยู่ห่างจากสนามบินในรัศมีไม่เกิน ๑๐๐ กิโลเมตร จากสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา
และต้องครอบคลุม ๑๗ จังหวัด ภาคกลางและภาคตะวันออก
จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ๒๒ จังหวัด รวมทั้งพื้นที่ตามแนวชายแดนรวม ๒๒ จังหวัด
องค์ประกอบของการจัดตั้ง Entertainment Complex ครบวงจรขนาดใหญ่ ถ้าใช้พื้นที่ขนาด ๑๐-๓๐ ล้านตารางเมตร เงินลงทุนประมาณ ๒๘๐,๐๐๐ ล้านบาท มีการจ้างงานที่ ๓๐,๐๐๐ คน
หากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ประมาณ ๒๐ ล้านคนต่อปี
จะทำให้มีการเก็บภาษีรายได้ภาษีสรรพสามิต ภาษีการเปิดสถานบริการต่างๆ เช่น อาบอบนวด สนามกอล์ฟ สนามม้า ฯลฯ ประมาณ ๕๙,๕๐๐-๘๔,๐๐๐ ล้านบาท
อาจส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น!
สำหรับสิ่งที่จะเกิดในเชิงบวกจากการทำบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย คือ การสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว การสร้างงาน เพิ่มรายได้จากภาษีการพัฒนาเมือง สร้างความนิยมและชื่อเสียง
ผลการศึกษาฉบับนี้รายงานผลกระทบเชิงลบที่เลี่ยงไม่ได้อยู่เหมือนกัน แต่น้อยไปหน่อย เช่น เกิดปัญหาอาชญากรรม การโยกย้ายของแรงงานต่างถิ่น และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ไทม์ไลน์ที่วางไว้ คณะรัฐมนตรีน่าจะหยิบร่างกฎหมายฉบับนี้มาพิจารณาเดือนหน้าอย่างแน่นอน
ถ้าไฟเขียว ก็เข้าสภา
หลักการและเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คร่าวๆ กำหนดให้มีการประมูลใบอนุญาตยาว ๒๐ ปี และต่อใบอนุญาตได้คราวละไม่เกิน ๕ ปี
สถานบันเทิงครบวงจรอนุญาตให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย กำหนดไว้ ๑๒ ประเภท เช่น ห้างสรรพสินค้าครบวงจร โรงแรมระดับ ๕ ดาว ร้านอาหารและบาร์ ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ ศูนย์สุขภาพครบวงจร สนามกีฬา ยอชต์และครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
ครับ…นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่าง ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
แล้วคิดกันรอบคอบหรือยังว่า ธุรกิจการพนันจะปราศจากความเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมและการทุจริตได้อย่างไร
ข้อเสียที่มากมายมหาศาลนั้น รัฐบาลมีแนวทางจะจัดการอย่างไร จะเสนอเป็นร่างกฎหมายเพิ่มเติมว่ากันไปในคราวเดียวกันเลยหรือไม่ เพื่อจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
เป็นแหล่งฟอกเงิน
การกู้ยืมเงินนอกระบบ
การค้ายาเสพติด
การค้ามนุษย์
ปัญหาเหล่านี้หาทางแก้กันหรือยัง เพราะล้วนเป็นบ่อเกิดการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น
เห็น “บิ๊กตำรวจ” ทะเลาะกันก็น่าจะรู้นะครับว่าความเน่าในนั้นน่าสยดสยองแค่ไหน
นี่ยังไม่นับปัญหาทางจริยธรรมที่เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองสอบตกมาตลอด
เลิกเถอะครับกับการหาเงินสกปรก
เพราะสิ่งที่ได้จะไม่เท่าสิ่งที่เสียไป