เปลว สีเงิน
ดูเรื่อง “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ทางคดีแล้ว เกิดมุมสะท้อนว่า
เมื่อตำรวจตกเป็นผู้ต้องหา
ทำไมมันถึงยาก-ถึงเย็นในการนำตัวเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ยิ่งกว่าต้อนควายเข้าคอกซะอีก…หือ?
เป็นคุณ “ระเบียดจัด-ปลัดเคร่ง” กันขึ้นมาทั้งระบบทันที
อ้างขั้นตอนเป็นอย่างนั้น กฎหมายว่าอย่างนี้
แต่ทีกับชาวบ้าน แค่ “เสียหวย-เมายา” แล้วพาล “เตะหมา-ซ้อมเมีย”
ยกกันมาเป็นโขยง อาวุธครบมือ
ล็อกคอ จับคว่ำหน้ากับพื้น เข่ากดคอ จับมือไขว้หลัง สวมกุญแจมือ หนักยิ่งกว่าจับโจร ๕๐๐ ปล้นชาติ แถวๆ เกียกกายซะอีก!
เรื่องระยำเมืองที่ชาวบ้านอยากถุยใส่หน้าตอนนี้ ก็เรื่องตำรวจเป็น “โจรปล้นโจร” ซะเองนั่นแหละ
เก็บสารพัดส่วย ทั้งเว็บพนัน-บัญชีม้า-ฟอกเงิน อะไรๆ ทั้งหลายแหล่
เมื่อฉาวโฉ่ มีพยาน-หลักฐาน สู่ขั้นตอนดำเนินคดี
“ตำรวจกับปปช.” ออกอาการเหมือนมูลนิธิเก็บผีแย่งศพ!
ฝ่ายตำรวจจะดำเนินคดีอาญา ในคดีใหม่ แต่เชื่อมโยงคดีเก่าอยู่บ้าง
ฝ่ายปปช.ก็ยกหลักการว่า เมื่อเป็นเจ้าพนักงานทำผิดต่อหน้าที่ ตามมาตรา ๑๕๗ ก็ต้องให้ปปช.จัดการทั้งหมด
เมื่อดูคดีมินนี่ในมือปปช.กับคดีใหม่ “เว็บพนันออนไลน์ BNK Master” ที่สน.เตาปูน มันก็มีเจ้าพนักงานรวมอยู่ด้วยเหมือนๆ กัน
แต่คดีที่สน.เตาปูน เมื่อบิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหา กลับคล้ายมีการ “คัดเกรด” เกิดขึ้นในการแยกคดี
ยกแง่กฎหมายขึ้นมายักเงี่ยงใส่กัน ฝ่ายตำรวจก็ว่าเป็นคดีใหม่อีกตะหาก ผิดฐานสมคบฟอกเงิน
ฝ่ายผู้ต้องหา “บิ๊กโจ๊ก” ก็อ้าง ตำรวจไม่มีสิทธิทำคดี ต้องโอนให้ปปช.ทำ เพราะเป็นคดีเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่ ตามมาตรา ๑๕๗
กฎหมายทำไมหลายมาตรฐานนัก (วะ) ชาวบ้านเป็นงง!
คนนี้..นายตำรวจใหญ่ เกรด A
ต้องโอนคดีให้ปปช.พิจารณา ตำรวจท้องที่ไม่เกี่ยว
ส่วน คนโน้น ตำรวจ เกรด B เกรด C ให้ตำรวจท้องที่จัดการ
ทำไมอยากให้ ปปช.ทำคดี?
ก็ถ้าคดีไปปปช.ตามขั้นตอนพิจารณาก่อนชี้มูลว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูล ก็โน่น…ใส่โหลดองไว้ ๔-๕ ปีก่อน เป็นอย่างน้อย
ถ้าให้ตำรวจดำเนินคดี
แค่ถูกจับปั๊มมือเป็นผู้ต้องหา ก็ซวยแล้ว แถมคดีจะเร็วกว่ากับที่อยู่ในกระบวนการปปช.
แต่นั่น ไม่สำคัญเท่า ว่าเมื่อตกเป็นผู้ต้องหา ระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาไปทางใด-ทางหนึ่ง
มันมีผลทางวินัยเป็นเงาตามตัว และเงานั้น มัน “ปิดทาง” สู่เก้าอี้ผบ.ตร.มืดมิดไปจนกว่า คดีดำจะเป็นคดีแดง!
เรื่องของเรื่อง มันก็อยู่ตรงนี้แหละ ประเด็นใหญ่!
ฉะนั้น เราจึงเห็น ระดับลูกมือ-ลูกตีนนาย ทั้งที่ตำรวจเหมือนกัน แต่คดีอยู่โรงพัก ไม่มีใครแย้ง?!
นี่…ผมพูดทางด้านทัศนคติตอบสนอง”มาตรฐาน”ที่กระบวนการกฎหมายในบ้านเมืองไทยเขาทำกัน
แม้กระทั่ง “หมายเรียก” ทั้งรู้ว่ามีหมายเรียกมาถึงบ้าน ก็เลี่ยงไม่รับ แล้วอ้างไม่รู้ได้
แต่ทีกับชาวบ้าน มึงจะรับ-ไม่รับ กูไม่รู้ กูเอาชื่อมึงเข้าทะเบียนประวัติอาชญากรไว้ก่อนแล้ว
จะลากคอมึงมาเข้าตะรางก่อน ฐานเป็นผู้ต้องหาหนีหมายวันไหนก็ได้!
เห็นมั้ย..มาตรฐานปฎิบัติตำรวจ ไม่ใช่ผมนั่งผายลมอยู่กับที่แล้วใส่ความ มันเป็นอย่างนี้จริงๆ เพราะมันเคยเกิดกับตัวผมเองมาแล้ว
กรณี “บิ๊กโจ๊ก” เรื่องเว็บพนัน เรื่องฟอกเงิน ผิด-ถูก เป็นอีกเรื่อง แต่เรื่อง “เลี่ยงหมายจับ” แล้วอ้างกฎหมาย ตัวเองไม่ได้เซ็นรับ ถือว่าหมายนั้นยังไม่มีผล
มันทุเรศว่ะ บอกตรงๆ!
ผม “ไม่รัก-ไม่เกลียด” บิ๊กโจ๊ก แต่ให้เกียรติกับสถานะตำรวจที่เขาเป็น
เมื่อเป็นนายตำรวจ ใหญ่ระดับตูดเรี่ยๆ เก้าอี้ผบ.ตร.กลับเป็น “ตัวอย่างเลว” ในทางเป็นประชาชนที่ต้องเคารพกฎหมาย
ต่อไป…ชาวบ้านทั่วไป เมื่อเขาตกเป็นผู้ต้องหา
มีหมายมา ก็อ้างแบบนี้บ้าง ….
บิ๊กโจ๊กรับรองทางกฎหมายให้เขาได้มั้ย ว่า “ไม่รับ…คือไม่ตกเป็นผู้ต้องหา”?
คุณเป็นผู้รักษากฎหมาย กลับ “ยักเงี่ยง” ในทางเล่นแง่กฎหมาย
คุณเป็นผู้ชาย เป็นบิ๊กตำรวจ พกปืน ๒ กระบอกคาดเอว ดวลโจรเพื่อพิทักษ์ประชาได้
ผมยกนิ้วให้ ………
ทั้งที่ไม่เคยเห็น กระทั่งในทุกบรรทัดประวัติงาน ผมก็ไม่เคยอ่านผ่านตาว่ามีอย่างนั้นหรือไม่
นอกจากจับคดีใหญ่ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” แต่ถึงศาล “ยกฟ้องหมด” ทั้ง ๓ ศาล เพราะหลักฐานห่วย นั่นก็ช่างเถอะ
แต่ที่ต้องพูด…….
การที่คุณใช้กฎหมายจัดการคนอื่นมาตลอด ครั้นตัวเองถูกกฎหมายจัดการเข้าบ้าง
กลับทำตัวเป็น “นางตำรวจ”
ก็อยากบอกตรงนี้ ให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทราบว่า
วานซืน กฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” เขาผ่านสภาแล้วนะ!
เห็นข่าวว่า เมื่อวาน (๒๘ มีค.๖๗)
คณะพนักงานสอบสวนในคดีเว็บพนันออนไลน์ “BNK Master” ลงมติว่า
ให้ออกหมายเรียกบิ๊กโจ๊กไปรับทราบข้อหาสมคบฟอกเงินเป็นครั้งสุดท้าย คือ “ครั้งที่ ๓” แล้ว
เส้นตาย “วันที่ ๑ เมษา.” ต้องไปรับทราบที่กองบังคับการตำรวจนครบาล ๒ (บก.น.๒)
ถ้าบิ๊กโจ๊กไม่ไปอีก
พนักงานสอบสวน จะเสนอศาล เพื่อขออนุมัติ “ออกหมายจับ”!
เอ้า…ก็ตามดูกัน ระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ผู้ท้าทายกฎหมาย
กับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้รักษากฎหมาย
ใครจะแน่กว่ากัน?!
แค่ต้องออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ ๓ นี่ก็ต้องบอกว่า
บารมี “เหนือกฎหมาย” น้องๆ รอง “นักโทษเทวดา” แล้วหละ
ปกติ หมายเรียก ๒ หน ไม่ไป หนที่ ๓ เป็นหมายจับแล้ว แต่บิ๊กโจ๊ก นับเป็น “ผู้ต้องหาอภิสิทธิ์ชน” ตัวอย่าง!
วันที่ ๑ เมษา.นักโทษเทวดา มีหมายไปตรวจราชการที่ไหนหรือเปล่า
หรือไม่ก็ นายกฯ หุ่นเชิด จะเดินสายไปกระฉูดไอเดียสร้างชาติ ที่จังหวัดไหน?
บิ๊กโจ๊ก จะได้อ้าง ติดภารกิจไปอำนวยการในการรักษาความปลอดภัยให้นักโทษหรือนายกฯ ในคอก แล้วรีบไปบอกทางสน.เตาปูนเขาล่วงหน้า
ไม่งั้น เขานำหมายจับมาจับตัวรองผบ.ตร.ใส่กุญแจมือไปโรงพัก แล้วจะว่า อุตส่าห์ปล่อยเต่า-ปล่อยปลา แล้วยังถูกหมาต๋าจับ ไม่ได้นะ!
ผมก็บอกแล้ว สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ เหมือนม้าแข่งเข้าโค้งวัดเบญจะฯ ใกล้ตะปบเข้าเส้นชัย
ต้องโก่งตูด ตาดู ปากตะโกนเชียร์กันหน่อย
ดาราเล็ก-ดาราใหญ่ ระดับนิ้วโปงตีนซ้าย-ขวา ที่บิดตูดหนีไป ทะยอยตามกันกลับเข้ามาเป็นแถวๆ ยังกะหนังเรื่องหอแต๋วแตก
ดีแล้ว….ดีมากๆ
ค่อยๆ ตะล่อมให้เข้าโพงพางพร้อมๆ กันให้หมด
“ทีเดียว” จะได้สิ้นซากไงล่ะ!
เปลว สีเงิน
๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗