ผักกาดหอม
อยากเห็นพรรคก้าวไกลได้เป็นแกนนำรัฐบาล
อยากเห็นนายกฯ ชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”
เพราะอยากรู้ว่า ที่พูดกันมาตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ ยันก้าวไกล จะทำได้สักกี่เรื่อง
กี่เรื่องที่ทำแล้วประเทศฉิบหาย
ไม่ได้ประชดครับ อยากเห็นจริงๆ
อย่าไปแปลกใจที่พรรคก้าวไกลยังได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งจะสนใจการบ้านการเมือง รวมถึงคนที่ผิดหวังจากการเมืองแบบเก่า
เป็นเพราะพรรคก้าวไกลยังไม่เคยเป็นรัฐบาล
พูดง่ายๆ ความดีในฐานะรัฐบาลยังไม่มี ความชั่วยังไม่ปรากฏ
การแยกแยะรัฐบาลดี รัฐบาลชั่ว จึงยังมองเห็นไม่ชัด
ฉะนั้นเลือกตั้งครั้งถัดไป หากชนะแบบถล่มทลายเกือบครึ่งหรือเกินครึ่ง พรรคก้าวไกล คงได้เป็นรัฐบาลสมใจ
แต่หากสูสีคู่คี่เหมือนเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็ต้องดูท่าทีว่า พรรคก้าวไกลจะยังยึดอุดมการณ์อันกล้าแกร่ง ดันทุรังแก้ ม.๑๑๒ ที่มีผลลัพธ์เท่ากับยกเลิก ม.๑๑๒ อยู่หรือไม่
หากพรรคก้าวไกลยึดถือคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ห้ามแก้ ม.๑๑๒ ตามแบบฉบับของพรรคก้าวไกล คือซ่อนเร้นเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ประกาศตัวตนใหม่ เว้นวรรค หรือยกเลิกแนวคิด แก้ ม.๑๑๒ ไว้ก่อน โอกาสเป็นรัฐบาลสูงมากทีเดียว
และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้นเพราะ พรรคก้าวไกล ลบนโยบาย แก้ ม.๑๑๒ ออกจากเว็บไซต์ของพรรคไปแล้ว
ที่อยากเห็น “พิธา” เป็นนายกฯ สืบเนื่องจากวันเสาร์ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลยกโขยงไปจังหวัดอุดรธานี เป้าหมายหลักคือเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ที่จะมีขึ้นราวๆ ต้นปีหน้า
ประเด็นหาเสียงที่ตกเขียวไว้นับว่าแหลมคมทีเดียว
“…เป็นเรื่องสิทธิในที่ดินทำกิน ผมต้องแจ้งให้กับพี่น้องให้ฟังว่า ในประเทศไทยเป็นที่ดินของรัฐบาลเยอะ เป็นที่ดินของราชการเยอะ ในประเทศไทยมี ๓๒๐ ล้านไร่ ๖๐% เป็นของรัฐบาล ๔๐% เป็นที่ของประชาชน ซึ่งมีแค่กำมือเดียวเท่านั้น
ถ้าอยากเห็นประเทศพัฒนาเจริญขึ้น ไม่ต้องเป็นหนี้สิน เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบ จะต้องมีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ เพราะคำว่าสิทธิ์ที่ดินแปลได้หลายอย่าง เป็นสิทธิในการทำกิน ให้เป็นสิทธิในการเช่า เป็นสิทธิในการบริหารจัดการก็ได้…
….ป่าสงวนที่เคยเป็นป่า แต่ตอนนี้เป็นป่าเสื่อมโทรม มีที่ทำการของรัฐ มีอนามัย มีโรงเรียน ก็ไม่น่าจะเป็นป่าแล้ว
และที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ควรจะดึงกลับมา ไม่ว่าจะนำมาเป็นป่าหรือที่ดินทำกินให้กับประชาชน ที่สำคัญคือสัดส่วนการครอบครองที่ดินที่เหมาะสม ควรจะเป็นรัฐบาลถือ ๔๐ เอกชนถือ ๖๐ และไปลดเรื่องของความเหลื่อมล้ำในฝั่งของเอกชนด้วย
น่าจะเป็นกระดุมเม็ดแรกในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานราก…”
เอาเรื่องที่ดินทำกินมาล่อ น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นพอควรทีเดียว
ครับ…ในมิติการเมือง “พิธา” ไม่มีความคิดอะไรใหม่ๆ
ยังคงใช้ความโลภแสวงหาความนิยม
จริงอยู่ครับประชาชนมีปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน และคาราคาซังมานาน หากแก้ปัญหาด้วยการแจกที่ดินก็คงต้องแจกไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
ที่สำคัญประชาชนไม่ได้เป็นคนดี คนซื่อ ไปเสียทุกคน
การที่ “พิธา” พูดถึงป่าที่เคยเป็นป่า แต่กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม มันไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
แต่เป็นฝีมือของมนุษย์
แก๊งทำลายป่าเพื่อให้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม แล้วฉวยโอกาสเข้าไปครอบครอง มีตัวตนอยู่จริง และเป็นสาเหตุให้ประเทศเสียพื้นที่ป่ามาเยอะแล้ว
ก็ชาวบ้านที่เป็นคนไม่ดีนั่นแหละครับ
รวมหัวกับนายทุน หรือไม่ก็รับจ้างนายทุน ทำลายป่าที่เป็นทรัพย์สินของคนไทยทุกคน
อย่าไปส่งเสริมยกป่าเสื่อมโทรมให้เป็นที่ทำกิน
เพราะมันจะมีป่าเสื่อมโทรมเกิดขึ้นเรื่อยๆ
หากกระดุมเม็ดแรกของ “พิธา” มองแค่มิติเดียว เช่นนี้ หายนะมันจะเกิดทุกหย่อมหญ้า
ไม่ทราบว่า “พิธา” มีแนวคิดฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม ให้กลับเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์บ้างหรือไม่
หรือไม่ต้องคิดเพราะใช้หาเสียงไม่ได้
ถึงอยากเห็นว่า หาก “พิธา” ได้เป็นนายกฯ จะทำตามที่พูดได้หรือไม่
แจกป่าเสื่อมโทรม
ยึดที่รัฐมาแจกประชาชน
ครับ…เป็นการตั้งข้อสังเกตผ่านประเด็นเรื่องที่ทำกิน หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะสามารถจัดการได้ตามที่โม้ไว้หรือไม่
ที่จริงมีเรื่องตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบที่พรรคก้าวไกลบอกกับ ด้อมส้ม ว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะกลัดกระดุมเม็ดแรกอย่างไร
ก็เห็นใจกองเชียร์ครับ เพราะไม่เคยเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จึงตั้งความหวังไว้มากว่าจะสามารถแก้ไขทุกปัญหาให้ลุล่วงได้
ถึงได้อยากเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล “พิธา” เป็นนายกฯ สักครั้ง
จากนั้นจะเกิดปรากฏการณ์ส้มเปลี่ยนสี
ที่เชื่อแบบนี้เพราะ เมื่อย้อนกลับไปดูการแก้ปัญหา สส.บ้ากาม พรรคก้าวไกลหันรีหันขวาง กว่าจะตั้งหลักได้ ด้อมส้ม เปลี่ยนใจไปพอควร
วานนี้ (๓ มีนาคม) “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง กับผู้น่าเห็นใจทางการเมือง”
ร้อยละ ๔๒.๙๐ ระบุว่าเป็น ทักษิณ ชินวัตร
ร้อยละ ๒๑.๙๑ ระบุว่าเป็น เศรษฐา ทวีสิน
ร้อยละ ๑๗.๔๐ ระบุว่าเป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนคิดว่าเป็นผู้ที่น่าเห็นใจทางการเมือง
ร้อยละ ๔๖.๗๙ ระบุว่าเป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ร้อยละ ๑๗.๘๖ ระบุว่า ไม่มีใครที่น่าเห็นใจทางการเมือง
ร้อยละ ๑๑.๔๕ ระบุว่าเป็น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ผลโพลออกมาแบบนี้ใครที่อยากให้ “พิธา” เป็นนายกฯ ถือว่าได้ลุ้นครับ
คะแนนสงสารนี่แหละครับจะทำให้พรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล
แต่ธรรมชาติของคะแนนสงสารคืออยู่ได้ไม่นาน เมื่อทำงานไม่ได้ดั่งใจ จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นคะแนนเกลียดชัง
พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคที่สามารถทำงานร่วมกับพรรคการเมืองอื่นได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย
ดูบทบาทในฐานะฝ่ายค้านเป็นตัวอย่าง
กับประชาธิปัตย์ยังเหมือนปลาคนละน้ำ
จะซักฟอกรัฐบาลยังกล้าๆ กลัวๆ
บริหารราชการแผ่นดินเป็นงานใหญ่ ใครเป็นรัฐบาลต้องแก้ทุกปัญหาที่ขวางหน้า
แต่อีกมุมจะกลายเป็นเครื่องจักรสังหารรัฐบาล หากรัฐบาลนั้นไร้ประสิทธิภาพ
ก็อยากให้ “พิธา” ได้ลอง