ผักกาดหอม
ได้พรรคใหม่เป็นที่เรียบร้อย…
อดีต ๒ สส.พรรคก้าวไกลที่ถูกขับพ้นพรรค หาพรรคใหม่จนเจอ
จากเส้นตายวันที่ ๗ ธันวาคม ทั้งคู่ต้องหาพรรคสังกัดให้ได้
ฉะนั้นทั้ง ๒ ยังถือเป็นท่านผู้แทนราษฎรเต็มตัว
“สส.แจ้ วุฒิพงศ์ ทองเหลา” เลขประจำตัวสมาชิก ๓๕๖ เป็น สส.ปราจีนบุรี เขต ๒ สังกัดพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.)
ส่วน “สส.ปูอัด ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์” เลขประจำตัวสมาชิก ๑๑๐ เป็น สส.กรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง สังกัดพรรคไทยก้าวหน้า (ทกน.)
ทั้ง ๒ พรรคนี้นับว่ากล้าทีเดียว ที่รับ สส.มีเรื่องอื้อฉาวคุกคามทางเพศซึ่งถูกขับออกมาจากพรรคการเมืองอื่น เข้าพรรคตัวเอง
เพราะสิ่งที่ตาม ๒ สส.ไปด้วยคือ ข้อหาคุกคามทางเพศ นับเป็นเรื่องใหญ่ ในฐานะ สส. หากมีกรณีอื้อฉาวเช่นนี้ มันเป็นเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรง
พรรคการเมืองที่รับเข้าไปได้คำนึงถึงหรือไม่
ต่างจากพรรคเป็นธรรมที่รับ “รองอ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา” เข้าพรรค แม้จะถูกขับจากพรรคก้าวไกลเหมือนกัน แต่สาเหตุแตกต่างกันออกไป
กรณี “รองอ๋อง” ขับเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง
เป็นเกมการเมืองสกปรกที่พรรคก้าวไกลพาตัวเองเข้าไปคลุกเต็มตัว
แต่ทั้ง ๓ กรณี เป็นผลจากมาตรฐานการเมืองพรรคก้าวไกล
ในแง่อุดมการณ์ทางการเมือง พรรคก้าวไกล จะต้องสะสางกรณี สส.ปูอัด และ สส.แจ้ ให้จบกระบวนการ
พรรคก้าวไกลมีนโยบายสร้างความเท่าเทียมทางเพศที่ชัดเจนมาก
ชัดเจนกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องที่ชื่นชมจนเกินไป
เพราะแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกมองข้ามมานาน พรรคก้าวไกลก็บรรจุในนโยบายสร้างความเท่าเทียมทางเพศ
พรรคก้าวไกลมองว่า ถึงแม้ทุกวันนี้สิทธิหลายอย่างของผู้หญิงจะดูเหมือนเท่าเทียมกับผู้ชาย แต่เรายังเห็นการจำกัดโอกาสจำแลง (Glass Ceiling) ที่ทำให้ต้นทุนชีวิตผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย เช่น ต้นทุนค่าใช้จ่ายผ้าอนามัย
พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบายเกี่ยวกับผ้าอนามัยโดยเฉพาะ
นั่นคือ ผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน
๑.ยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในสินค้าหมวดหมู่ผ้าอนามัยและของใช้สิ้นเปลืองสำหรับวัยเจริญพันธุ์
๒.แจกผ้าอนามัยฟรีในสถานศึกษาและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนผ้าอนามัยและความจนประจำเดือน (Period Poverty) โดยเฉพาะสำหรับผู้มีประจำเดือนในวัย ๑๐-๒๕ ปี
ฉะนั้นนโยบายสำหรับสตรีชัดเจน และลงลึกขนาดนี้ พรรคก้าวไกลต้องไม่ปล่อยให้ ๒ สส.ที่ตัวเองขับออกจากพรรคมีที่ยืนในสภาผู้แทนราษฎร
ต้องขัดขวางไม่ให้ทำหน้าที่ในสภาอีกต่อไป
ต้องสางให้จบ
มิติความเท่าเทียมทางเพศของพรรคก้าวไกลถือว่าลึกมาก มีความก้าวหน้ามากที่สุด
มากแค่ไหน?
นโยบายพรรคก้าวไกลเขียนไว้ชัดเจนว่า โอกาสในการเติบโตในหน้าที่การงานของผู้หญิงที่ถูกจำกัดจากการต้องใช้เวลาดูแลลูก รวมถึงมิติความเท่าเทียมทางเพศอื่นๆ ที่ไม่ใช่กดทับเฉพาะแค่ผู้หญิง
เช่น สิทธิในการแต่งงาน รวมถึงเงื่อนไขในทางเศรษฐกิจ การเข้าถึงการศึกษา และความเหลื่อมล้ำ ที่ยิ่งทวีความรุนแรงของความเหลื่อมล้ำทางเพศให้เพิ่มขึ้น
ภายใต้อุดมการณ์ที่ต้องการสร้างสังคมที่ “คนเท่ากัน” พรรคก้าวไกลตระหนักดีว่าการสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม ไม่ใช่แค่การออกมารณรงค์สร้างการรับรู้
แต่เราต้องมีนโยบายแก้ปัญหาต้นตอความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้คนทุกเพศ “มีความเท่าเทียมกัน” อย่างเสมอหน้าในสังคมนี้
อดีต สส.ของพรรคก้าวไกล มีพรรคใหม่สังกัด ได้เป็นสส.ต่อไป
ขณะที่สตรีผู้เสียหายจากการล่วงละเมิดของทั้ง ๒ สส. หลังจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร
ด้วยอุดมการณ์ สร้างสังคมที่ “คนเท่ากัน” พรรคก้าวไกลต้องเดินหน้าต่อครับ
อย่าคิดว่าขับออกจากพรรคแล้วก็จบกันไป
เพราะการไม่ทำอะไรต่อ ก็เท่ากับลอยแพสตรีที่ถูกล่วงละเมิด
อยากได้ยินเสียง สส.หญิงในพรรคก้าวไกล ว่าจะมีมาตรการอะไรหลังจากนี้
อยากได้ยิน “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ตัวตึงก้าวไกล ออกมาแสดงท่าทีขึงขัง ปานจะกินเลือดกินเนื้อ ๒ สส.
และอยากเห็น “รังสิมันต์ โรม” งัดตั๋วย้ายพรรคออกมาโชว์ ให้สังคมได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังหาพรรคสังกัดใหม่ในครั้งนี้
ทั้งหมดนี้ต้องทำครับ!
เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่คนเท่ากัน
เอาแบบนี้ก็ได้
ในเมื่อพรรคก้าวไกลมีนโยบาย สร้างความเท่าเทียมทางเพศที่ลึกซึ้ง ซึ่้งแนวทางที่พรรคก้าวไกลนำเสนอคือปรับปรุงกฎหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ
ประกอบด้วย แก้ประมวลกฎหมายอาญา และกฎ ก.พ. เพื่อกำหนดนิยามของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ การกระทำอนาจาร และการกระทำชำเราเสียใหม่
เพื่ออุดช่องว่างของกฎหมายให้ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้น
ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องเพศและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เรื่องเพศแก่หน่วยงานราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม
กำหนดให้หน่วยงานรัฐในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศ/ล่วงละเมิดทางเพศ มีการเก็บข้อมูล จัดทำข้อมูลสำรวจ และจัดทำรายงานปัญหาดังกล่าวทุกปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาแนวนโยบายให้สอดคล้องกับทิศทางและพฤติกรรมของคนในสังคม
ที่ทำได้ทันทีคือเสนอแก้กฎหมายครับ
เห็นขึงขังรื้อรัฐธรรมนูญ แก้ ม.๑๑๒ ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็ควรพ่วงกฎหมายนิยามการล่วงละเมิดทางเพศ คุกคามทางเพศเสียใหม่ ไปด้วย
เชื่อเถอะครับ โอกาสแก้ไขกฎหมายสำเร็จมีเยอะมาก
มากกว่าแก้รัฐธรรมนูญ ม.๑๑๒ และนิรโทษกรรม เป็นไหนๆ
รีบทำเถอะครับ เพื่อ “คนเท่ากัน”