เปลว สีเงิน
ผมว่านะ….
ช่วงพักโทษนี้ คุณทักษิณ Low Profile ไว้ก่อน
จะเป็นคุณกับตัวเองที่สุด
ขืนทำตัวให้เป็นคนเด่นในข่าวเหนือประเทศทุกวัน ระวัง ที่ High Profit กระแสจะตีกลับเป็น High Loss!
ยิ่งคนในคอกเพื่อไทย เสนอหน้า “สอพลอข่าว” แก้ต่างโน่น-นี่ เหมือนตัวเอง “ได้พิสูจน์-ได้เห็น” กับตาด้วยแล้ว
ยิ่งเพิ่มกระแสหมั่นไส้ให้สังคมที่ไม่พอใจเป็นทุนเดิม ให้เกิดปฎิกริยาเชิงลบกับทักษิณหนักขึ้น
อย่างขณะนี้ ตีฟองกระแสให้เห็นถึงสถานะ “จันทร์ส่องหล้า” ประหนึ่ง “ทำเนียบเหนือรัฐบาล” ด้วยแล้ว
“สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน” ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา
บินจากกัมพูชามาเยี่ยมถึงจันทร์ส่องหล้า อันเป็นพื้นที่ควบคุมการพักโทษทักษิณ
ซึ่งต้องไม่ลืมว่า ทักษิณยังเป็นนักโทษ แต่อยู่ในช่วงโปรโมชั่นจากราชทัณฑ์ให้ “พักโทษ”
ดังนั้น การเปิด “จันทร์ส่องหล้า” รับแขกระดับ “ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา” พร้อมเลี้ยงอาหารมื้อเที่ยงเป็นการต้อนรับ
มันให้ภาพ ทักษิณคือ “ผู้ยิ่งใหญ่” ที่คนระดับประธานคณะองคมนตรีของประเทศหนึ่ง ยังต้องบินมาคารวะยินดี
คิดดูซิ ประเทศนี้…ใครจะยิ่งใหญ่เท่าทักษิณบ้าง?
รัฐบาลนี้ ก็ของกู สั่งได้
นายกฯ ก็ น้องสาวกู สั่งได้
กฎหมายก็ของกู ใช้บังคับกูไม่ได้
คุกก็ของกู ชื่อติด แต่ตัวไม่ติดก็ได้
จัดงานเลี้ยงในสถานที่กักกันบริเวณก็ได้
และใครจะยืนยันได้ว่า ในงานเลี้ยงรับรอง จะไม่มีการชนแก้วไวน์ อวยพรและกอดกันให้โลกอิจฉา
เรื่องสุรา ยาเมา นั้น ต้องไม่ลืมว่า เป็น ๑ ใน ๘ เงื่อนไขต้องห้ามสำหรับนักโทษที่อยู่ระหว่างพักโทษ!?
ตำแหน่ง “สมเด็จฮุนเซน” เวลานี้ ควรรู้กันไว้ ท่านอยู่ในสถานะ ตัวสำรอง “กษัตริย์กัมพูชา”
การมาของคนระดับนี้ ผ่านการรับรู้ดูแลของรัฐบาลขนาดไหนหรือไม่ กรมราชทัณฑ์ต้องรับทราบและมีการปฏิบัติเป็นพิเศษอย่างไรหรือไม่?
ตรงนี้ ผมไม่ทราบ และหวังจะได้ทราบจากรัฐบาล เพื่อประดับความรู้-ความเข้าใจเหมือนกัน
หรือถือว่า “มาส่วนตัว” ระบบราชการงานทูตไม่ต้อง?
หรือทักษิณ “เหนือในแผ่นดินนี้”….
ใครไป-ใครมา แค่บอก “แขกทักษิณ” ตั้งแต่กระไดเครื่องบินยันหัวบันไดจันทร์ส่องหล้า
อย่าว่าแต่เจ้าหน้าที่เลย ตลอดถึงหมา-แมว ยังต้องหมอบแต้ ตาแป๋ว ทั้งนั้น!
นี่ขนาดประเทศไทยเป็น “ราชอาณาจักร” นะ
ถ้าเป็น “สาธารณรัฐ” อย่างที่เขากัดกร่อนบ่อนเซาะกันอยู่ละก็ มันจะขนาดไหน!?
พูดถึง “ราชอาณาจักรไทย”….
เมื่อวาน คนรุ่นใหม่วัยเฒ่า “ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” อดีตอธิการบดี ธรรมศาสตร์ และศาสดาส้ม-สามนิ้วก้าวไกล เขาโพสต์ข้อความเก๋
Charnvit Kasetsiri
หรือว่าจะต้องสู้รบกันไป ให้อวสานให้จบ และปิดฉากงิ๊วไทย เรื่องนี้เสียที
นี่เข้าตำรา เรียนเสียเปล่า แต่ง่าวเท่าอายุ!
เป็นถึงศาสตราจารย์ อธิการบดี แค่คำว่า “งิ้ว” ยังเขียนผิด แล้วชาญวิทย์จะสอนศิษย์ก้าวไกลให้รู้ถูกได้อย่างไร?
จึงไม่แปลก….
ที่รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง แต่อดเป็นรัฐบาลทุกครั้ง!
แต่แหม…เห็น “งิ๊ว” ของชาญวิทย์แล้ว อยากกิน “ผัดซีอิ๊ว” ใส่ไข่ ขึ้นมาติดหมัด!
เอาหละ อยากถามเฒ่าวัย ๘๓ ท่านนี้หน่อย เรียนมามากระดับดอกเตอร์ ระดับศาสตราจารย์ ช่วยบอกซิว่า
ตำราสอนอย่างไร ว่าคนวัย ๘๐ ปีขึ้นไปแล้ว เวลาปัสสาวะจะไม่รดไข่ตัวเอง?
ถ้าท่านศาสตราจารย์สามนิ้วตอบได้ เชิญจานนำหน้าทัพออกรบเลย เอาให้มันอวสาน เอาให้มันจบในรุ่นเรา-เฒ่าไข่ยานนี่แหละ
จะได้ปิดฉาก “งิ้วไทย” เรื่องนี้ซะที ผมก็เอือมเต็มแก่เหมือนกัน!
เออ..แต่ว่า ไอ้ “งิ้วไทย” ของจาน มันหมายถึงอะไร จะให้ตามดุ่ม “สุ่มสี่-สุ้มห้า” ออกไปสู้รบด้วย มันจะกลายเป็น “ศิษย์โง่เท่าอาจารย์” ดูไม่เหมาะสมนะ
ฉะนั้น จานพูดให้ชัดซิ…
ปลุกระดม เป่าตูดสาวกส้ม-สามนิ้วไปรบกับใคร รบกับฝายเผด็จการหรือ แต่นี่ ก็เป็นยุค “ฝ่ายประชาธิปไตย” แล้วนะ
หรือจะให้ไปรบกับทักษิณ สกัดปลุกแดงมากินส้ม?
แต่ทักษิณเข้านิยาม “งิ้วไทย” ตรงไหน ไงก็…พูดให้มันเก็ทหน่อยซิ!
จานอย่าพูดแบบ “อารมณ์ซ่อนเร้น” ผมตามไม่ทัน
ย้อนกลับไปดูอีก ๒ โพสต์ที่เฒ่าชาญวิทย์โพสต์ไว้ก่อนหน้า จากลีลา ส่อว่า ไม่กล้าโพสต์ อย่างที่ซ่อนคิดไว้ภายใน
แน่จริง ก็กล้าๆ กว่านี้หน่อยซี้…
ไม่งั้น เปลี่ยนเอากางเกงไปให้ “แบม-ตะวัน” นุ่งแทน แล้วจานเอาผ้าถุงของ “แบม-ตะวัน” มาใส่ จะได้สอดคล้องกับความกล้า-ความกลัว
เนี่ย…จานโพสต์ก่อนหน้าไว้ว่า
Charnvit Kasetsiri
“Romance of the Thai Kingdoms โลกของคนชั้นสูงไทยๆ เรานี้เป็นงิ้ว มากกว่าโขนละคอน
The Romance of the Thai Kingdoms ท่านคิดว่าสองก๊กแรก จะดีลกับก๊กหลังได้หรือไม่
ดูเหมือนว่า ณ วันนี้ มีสองก๊ก ที่ตกลงกันได้แล้ว ดีลสำเร็จลุล่วงไปแล้ว ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งก๊ก
แล้ว “สันติประชาธรรม” ของป๋วย อึ๊งภากรณ์ จะบังเกิดขึ้นในสยามประเทศไทย ได้ไหม?
เอ้า….ไปดึง “อาจารย์ป๋วย” มาโหนอีก!
“สันติประชาธรรม” ตามที่ท่านอาจารย์ป๋วยกล่าวไว้ มันคนละนัย-คนละเจตนาในการกระทำอย่างที่ชาญวิทย์วิปริต-วิปลาสคิดและทำ ที่หลอกใช้เด็กออกหน้าทางมุ่งล้มสถาบัน
ชาญวิทย์นำชื่ออาจารย์ป๋วยมาอ้างอิงแบบนี้
รุ่นใหม่ที่เรียนประวัติศาสตร์ไม่เกิน ๘ บรรทัดจากมือถือ ก็จะหลงทึกทักว่า แนวทาง “ส้ม-สามนิ้ว” รับจ้างฝรั่ง “ล่มชาติ-ล่มสถาบัน”
คือทางไปสู่ “สันติประชาธรรม” ตามแนวท่านอาจารย์ป๋วย!
ซึ่งมันไม่ใช่ มันไปคนละเรื่อง-คนละโลก กับที่เฒ่าชาญวิทย์หลอกเด็ก
ไหน…ชาญวิทย์ กล้าๆ ให้สมเป็นอดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์ แล้วบอกหน่อยซิ
“Romance of the Thai Kingdoms โลกของคนชั้นสูงไทยๆ” ที่โพสต์นั่นน่ะ
คุณเจตนาสื่อกระแทกถึงใคร?
และถ้าแน่จริง พูดให้สมความเป็นชายซิว่า “โลกของคนชั้นสูงไทยๆ” ที่ว่านั่น ต้องการให้เข้าใจประเด็นไหน?
ยังมี “สองก๊ก” ที่ตกลงกันได้แล้ว ดีลสำเร็จลุล่วงไปแล้ว ยังเหลืออยู่อีก “หนึ่งก๊ก”
“อ้อมค้อม-อ้อมโลก” กวนโอ๊ยเปล่าๆ ปลี้ๆ ไปทำไม
“สองก๊ก” ที่ดีลสำเร็จลุล่วง ก๊กไหนกับก๊กไหน ดีลเรื่องอะไร ที่ว่าสำเร็จลุล่วงนั่นน่ะ
อีกก๊กที่ว่ายังเหลือ หมายถึงยังดีลกันไม่ได้ ก๊กอะไร “ก๊กเฮง-ทองแถม” ตลกหน้าม่านยุคก่อน หรือก๊กไอ้แก่ลืมชาติ?
เฒ่าเอ้ยยยย….
ริจะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ “กัดกร่อนบ่อนเซาะ” ทำลายชาติกะเขาซักที
แทนที่กล้าจะสวมเกราะ ถือทวนออกหน้า
กลับสวมตะปิ้ง วี๊ดว๊าย ซ่อนหน้า หลอกใช้เด็กออกไปรบให้อวสาน!
อวสานน่ะ…อวสานแน่
แต่เป็นอวสาน “ไอ้แก่หลอกเด็ก “นั่นแหละ!
เปลว สีเงิน
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗