ขู่ ‘ต้มยำกุ้ง’ รอบสอง – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

สงสัยจะเกินเยียวยา

วานนี้ (๒ กุมภาพันธ์) “ภูมิธรรม เวชยชัย” ให้สัมภาษณ์เรื่องแจกเงินดิจิทัลฟังดูแล้ว นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด เพื่อให้เข้าทางรัฐบาล

ยึดหลักกูเป็นหลัก ขยี้หลักการทิ้งอย่างไม่ไยดี

“…วันนี้สิ่งที่เห็นแตกต่างคือ ส่วนที่เห็นว่าไม่ควรทำ อะไรเป็นส่วนที่บอกว่าไม่วิกฤต

ส่วนที่อยากทำคือส่วนที่เข้าใจว่าวิกฤตคือวิกฤต

และที่รัฐบาลกำลังทำครั้งนี้คือยืนยันว่าดิจิทัลวอลเล็ตเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ในการที่จะทำให้ประเทศที่กำลังวิกฤตอยู่ได้รับการแก้ไข

แม้หลายคนจะบอกว่าไม่วิกฤต แต่ผมมองว่าเราเลยคำว่าวิกฤตหรือไม่วิกฤตไปแล้วจริงๆ

วันนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือวิกฤตทางการเงิน ซึ่งมาเรื่อยๆ

แต่สิ่งที่เขาได้เตือนไว้ก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงใย

อย่างไรก็ตาม มีนักเศรษฐศาสตร์ตระกูลหนึ่งเคยระบุไว้ว่า หากวันนี้ไม่ทำอะไรที่ลงแรงและไปเพิ่มกำลังซื้อ ไปทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งเหมือนปี ๒๕๔๐ จะกลับมา

หากพูดเช่นนี้เราก็ต้องรีบกลับมาทบทวน และคนที่เห็นว่ายังไม่วิกฤต แล้วหากประเทศเกิดวิกฤตขึ้นมาในอีก ๒-๓ ปีข้างหน้าเหมือนต้มยำกุ้ง ต้องไม่ใช่แค่วิจารณ์

ถามหาความรับผิดชอบด้วย

ฉะนั้น วันนี้รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ชัดเจนเรียบร้อยแล้ว และได้หาเสียงกับประชาชนแล้ว ควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงาน เดินไป และเรารับผิดชอบต่อนโยบายของเราอยู่แล้ว

จึงอยากฝากให้เป็นแง่คิดกับทุกคน

ทั้งนี้ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้จะไปอะไรกับใคร แต่เป็นอีกหนึ่งความเห็นที่อยากให้ทุกคนได้พิจารณา ที่จะทำให้ประเทศเกิดประโยชน์และเดินหน้าต่อไปได้…”

ถึงกับเอาต้มยำกุ้งมาขู่กันเลยหรือ?

ถ้าคิดว่าประเทศจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ ก็รีบๆ แจกไปสิครับ รออะไรอยู่

รัฐบาลมีอำนาจเต็ม ทำไมไม่ออกพระราชกำหนดกู้เงินในวันสองวันนี้เลย

มาบ่นหาหอก หาพระแสงอะไร!

ยิ่งพูดก็ยิ่งย้อนแย้งกับที่รัฐบาลจะกระทำ

“ภูมิธรรม” อ่านหนังสือไม่ออกหรืออย่างไร กฎหมายวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. ๒๕๖๑ เพียง ๒ มาตราก็สรุปได้แล้วว่ารัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติกู้เงินได้หรือไม่

มาตรา ๕๓ ระบุว่า การกู้เงินของรัฐบาลนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทำได้ โดยต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ตราขึ้นเป็นการเฉพาะ และเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน และอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน

กฎหมายที่ตราขึ้นตามวรรคหนึ่ง ต้องระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้นั้น

เงินที่ได้รับจากการกู้เงิน ให้กระทรวงการคลังเก็บรักษาไว้เพื่อให้หน่วยงานของรัฐเบิกไปใช้จ่ายตามแผนงาน หรือโครงการตามที่กฎหมายกําหนดได้โดยไม่ต้องนําส่งคลัง เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา ๕๗ การกู้เงินตามมาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๖ จะทำได้แต่เฉพาะเพื่อใช้จ่ายตามแผนงาน หรือโครงการที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือสังคม และเมื่อหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นเจ้าของแผนงานหรือโครงการมีความพร้อมที่จะดำเนินการตามแผนงาน หรือโครงการที่จะใช้จ่ายเงินกู้นั้นแล้ว

ค่อยๆ อ่าน ๒ มาตรานี้บอกชักเจนอยู่แล้ว ว่าหากรัฐบาลจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ต้องทำอย่างไร

ที่สำคัญอย่าตีความคำว่า “วิกฤตเศรษฐกิจ” ด้วยจินตนาการส่วนตัว

“ภูมิธรรม” ไปไกลมากจริงๆ ครับ

ถ้ารู้ว่าอีก ๒-๓ ปีข้างหน้าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งรอบสอง สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือกู้เงิน ๕ แสนล้านบาทมาแจกประชาชนล่วงหน้าอย่างนั้นหรือ

คิดได้ไง?

แทนที่จะเร่งสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจ ด้วยการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน กลับไปสร้างหนี้เพิ่มอีก ๕ แสนล้าน

มันจะไม่ยิ่งฉิบหายกันไปใหญ่หรือ

นี่หรือคือแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล

ไม่ทราบว่า “ภูมิธรรม” ต้องการล้มนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือเปล่า ถึงได้ออกมาแสดงความเห็นเลอะเทอะเช่นนี้

สิ่งที่สื่อออกมาคือ “ไม่จำเป็นเร่งด่วน” เพราะวิกฤตจะเกิดในอีก ๒-๓ ปีข้างหน้า แต่ดันจะออกเป็นพระราชบัญญัติ ที่หัวใจของกฎหมายบอกว่า ออกได้เฉพาะมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น

มันย้อนแย้งกันไปหมด

หาก “ภูมิธรรม” ยังยืนยันว่า อีก ๒-๓ ปีข้างหน้าประเทศต้องเจอวิกฤตต้มยำกุ้งรอบ ๒ แน่ๆ ก็ต้องบวกเวลานับแต่ที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวนโยบาย แจกเงินดิจิทัล จนถึงวันนี้เข้าไปด้วย

ก็จะกลายเป็นว่ารัฐบาลรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดต้มยำกุ้งรอบ ๒ ตั้ง ๓-๔ ปี

จะเก่งเกินไปหรือเปล่า?

และเป็นความคิดที่เฮงซวยที่สุดที่รัฐบาลถามหาความรับผิดชอบจากคนที่วิจารณ์นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล

ความคิดแบบนี้มาจากพื้นฐานความคิดเผด็จการชัดๆ

การวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่สักแต่พูด หรือใช้จินตนาการส่วนตัว มาตัดสินว่าควรหรือไม่ควรทำ

แต่เป็นการวิจารณ์บนพื้นฐานตัวเลขเศรษฐกิจ และกฎหมาย

แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ กฤษฎีกา ป.ป.ช. เขาเตือนรัฐบาลด้วยความอิจฉาตาร้อนอย่างนั้นหรือ

ถ้าขณะนี้หรือภายในปีนี้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจจริง ตัวเลขมันต้องบ่งบอกชัดเจน

รัฐบาลไม่มีเวลาพอไปออกพระราชบัญญัติหรอกครับ

ต้องออกพระราชกำหนดเท่านั้นถึงจะทันการณ์

ฉะนั้นใครที่รอเงินดิจิทัลวอลเล็ต มองให้ขาดนะครับ

สิ่งที่รัฐบาลกล่าวอ้าง กับความเป็นจริงนั้น มันสวนทางกัน

เหมือนมีเจตนาอะไรบางอย่าง

กฎหมายบอกว่ากรณีจำเป็นเร่งด่วนให้ออกเป็นพระราชกำหนด แต่รัฐบาลกู้เงินเอาไว้รับมือวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอีก ๒-๓ ปีข้างหน้า

มันมีวิธีการอีกเยอะครับที่รัฐบาลจะเตรียมการเพื่อรับมือหากวิกฤตต้มยำกุ้งจะกลับมาจริง

รัฐบาลที่ดีและฉลาดต้องทำให้ประเทศและประชาชนปลอดภัย

มีแต่รัฐบาลโง่และไร้ความรับผิดชอบเท่านั้นแหละครับ ที่จะสร้างหนี้เพิ่มโดยประเทศไม่ได้อะไรกลับมาเป็นชิ้นเป็นอัน ก่อนที่ประเทศจะเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ

หรือต้องโดน ม.๑๕๗ ยกเข่งกันอีกสักคณะ

Written By
More from pp
“แฮส” อะโวคาโด ออสเตรเลีย เกรดพรีเมียม เปิดตลาดในไทยเป็นครั้งแรก เนื้อเข้มข้น รสมันเนย อร่อย มีประโยชน์และคุณค่าอาหารมาก สายเฮลตี้ต้องไม่พลาด
ไทยไฟเขียวนำเข้าอะโวคาโด จากรัฐเวสเทิร์น ประเทศออสเตรเลีย ผ่านการทูต กระชับความสัมพันธ์ทางการค้าด้านสินค้าเกษตร อะโวคาโดพันธุ์แฮส (Hass) จากออสเตรเลีย ได้รับการอนุญาตนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
Read More
0 replies on “ขู่ ‘ต้มยำกุ้ง’ รอบสอง – ผักกาดหอม”