ผักกาดหอม
เต้นผางกันเลยทีเดียว
ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือหลอกเมื่อ รัสเซีย ตีกลับสงครามข่าวสารบ้าง หลังโดนมาหลายดอก
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ยืนยัน เจ้าหน้าที่ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ได้ทำลายจุลชีพก่อโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต และเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการหลายแห่ง ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐ
ข่าวนี้ไม่ได้โผล่มาลอยๆ แต่มีการแถลงกันอย่างเป็นทางการ โดย มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย
ระบุว่า ได้รับเอกสารจากพนักงานห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาของยูเครน ยืนยันว่ามีการทำลายจุลชีพก่อโรคอันตราย
เช่น กาฬโรค, แอนแทร็กซ์, ทูลารีเมีย, อหิวาตกโรค และโรคร้ายแรงอื่นๆ อย่างเร่งด่วนเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
มีการยืนยันว่าห้องปฏิบัติการเหล่านี้ ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาวุธชีวภาพ
มาตรา ๑ ของอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธชีวภาพแห่งสหประชาชาติ (United Nations Biological Weapons Convention) อาวุธชีวภาพ เป็นสิ่งต้องห้าม
ฉะนั้นจุลชีพก่อโรคอันตรายได้ถูกทำลายในทันที เพื่อซ่อนหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสหรัฐและยูเครน ละเมิดมาตรา ๑ ของอนุสัญญาที่ว่านี้
แต่ทางรัสเซียยังไม่ได้โชว์หลักฐานที่ว่า ส่วนอเมริกาขึงขัง ได้ทีขี่แพะไล่ ให้เอาหลักฐานมากาง
สื่อฝั่งตะวันตกให้ความสำคัญประเด็นนี้กันมาก เพราะเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่สามารถพลิกสถานการณ์ของสงครามได้ในพริบตาเดียว
มีการวิเคราะห์ไปในเชิงที่ว่ารัสเซียต้องการสร้างสถานการณ์
เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐ แถลงข่าวตอบโต้ทางรัสเซีย
“…การที่รัสเซียออกมากล่าวหาว่าสหรัฐว่ามีห้องทดลองอาวุธชีวภาพและอาวุธเคมีในยูเครน เป็นกับดักที่รัสเซียงวางเอาไว้ จัดฉากสร้างสถานการณ์เพื่อใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม
การกระทำเช่นนี้เป็นแบบแผนที่ชัดเจนและเคยใช้มาก่อนแล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายคอยระแวดระวัง…”
ประเด็นนี้ ตามกันเยอะครับ
ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA ไปขุดมาจากทวิตเตอร์ของ Glenn Greenwald นักข่าวอเมริกัน ที่ทวีตข้อความ จากการประชุมคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา วอชิงตัน ดี.ซี. เกี่ยวกับยูเครนเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม มาโพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก Warat Karuchit
“…ได้ยินข่าวที่ทหารรัสเซียเข้ายึดแล็บชีวภาพในยูเครน ที่สนับสนุนโดยสหรัฐใช่ไหมครับ (ซึ่งมีหลายแห่งเลย ไม่ใช่ที่เดียว) พอ ส.ว.ถาม กต.อเมริกาว่าเรื่องเป็นมายังไง กต.อเมริกาก็ยอมรับว่ามีจริง แต่หากเกิดการโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพขึ้น เชื่อได้เลยว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย ๑๐๐% แหมนะ รีบออกตัวก่อนเลย…”
ครับ…ประเด็นมันคือ “วิกตอเรีย นูแลนด์” ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ รับผิดชอบด้านกิจการการเมือง บอกกับคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาว่า
“รัฐบาลวอชิงตันจำเป็นต้อง ปกป้อง ห้องปฏิบัติการทางชีวภาพในยูเครน ไม่ให้ตกไปอยู่ในเมืองของกองทัพรัสเซีย”
แล้วมันจะหมายความเป็นอื่นได้อย่างไร
บทความของ Glenn Greenwald อธิบายเรื่องนี้ว่า
…การอ้างว่าปัจจุบันยูเครนมีห้องปฏิบัติการอาวุธชีวภาพที่เป็นอันตรายมาจากรัสเซียและจีน กระทรวงการต่างประเทศจีนในเดือนนี้อ้างว่า “สหรัฐมีห้องปฏิบัติการ ๓๓๖ แห่งใน ๓๐ ประเทศ ภายใต้การควบคุมของตน รวมถึง ๒๖ แห่งในยูเครน”
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยืนยันว่า “รัสเซียได้รับเอกสารที่พิสูจน์ว่าห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาของยูเครนที่ตั้งอยู่ใกล้กับพรมแดนของรัสเซียทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาส่วนประกอบของอาวุธชีวภาพ”
การยืนยันดังกล่าวสมควรได้รับความสงสัยในระดับเดียวกับการปฏิเสธของสหรัฐ กล่าวคือ ไม่ควรเชื่อว่าสิ่งใดเป็นหลักฐานจริงหรือเท็จ ทว่า ผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของสหรัฐเข้าข้างรัฐบาลสหรัฐอย่างตรงไปตรงมา และสะท้อนกลับเพื่อประกาศว่าคำกล่าวอ้างดังกล่าวเป็น “ข้อมูลเท็จ” และเพื่อเยาะเย้ยพวกเขาว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดของ QAnon (ทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายนิยมขวาจัด)…
ข้อเขียนของ Glenn Greenwald ยังระบุว่า
“….เมื่อถูกถามว่ายูเครนมี “อาวุธเคมีหรือชีวภาพ” หรือไม่ นูแลนด์ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งนี้เลย แต่หมุนปากกาแสดงความกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด และในการหยุดพูด ตรงกันข้ามกับรูปแบบการพูดที่อวดดีตามปกติของเธอ
และคำพูดของ นูแลนด์ ที่ว่า “ตอนนี้เราค่อนข้างกังวลว่ากองทหารรัสเซีย กองกำลังรัสเซีย อาจพยายาม เอ่อ เข้าควบคุม ดังนั้นเราจึงทำงานร่วมกับยูเครนเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาสามารถป้องกันไม่ให้การวิจัยเหล่านั้นตกไปอยู่ในมือของกองกำลังรัสเซีย หากพวกเขาเข้าใกล้ห้องปฏิบัติการ”
ครับ…ทั้งหมดนี้จริงเท็จประการใดมิทราบครับ
รัสเซียโดยมีจีนเป็นลูกคู่อาจจะสับขาหลอก
หรืออเมริกามีห้องปฏิบัติการอาวุธชีวภาพในยูเครนจริงก็ได้ แต่ไม่สามารถยอมรับตรงๆ ได้ เพราะผิดมาตรา ๑ ของอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธชีวภาพแห่งสหประชาชาติ
แต่ทั้งหมดมันทำให้อเมริกาหลอน
หลอนที่ว่าคือ อเมริกา เคยใช้เหตุผลเดียวกันนี้ในการโค่น ซัดดัม ฮุสเซน
สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า อเมริกา ใช้ข้อมูลเท็จ ทำลายอธิปไตยของอิรัก
ที่น่าเจ็บใจแทบอิรักคือ ทุกวันนี้ อเมริกาไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อความพินาศของอิรัก
กลับมีการนำคำว่า “ประชาธิปไตย” มาเป็นข้ออ้าง ในการปฏิบัติการทำลายประเทศอื่นอย่างซ้ำซาก ยูเครนก็กำลังเป็นหนึ่งในนั้น
ถ้าอเมริกายึดมั่น ประชาธิปไตย จริง จะไม่ทิ้งบาดแผลเอาไว้ในตะวันออกกลางอย่างมากมายแน่นอน
เพราะมันมีแต่สงคราม สงคราม และสงคราม
อธิบายกรณีอาวุธชีวภาพอิรักกันอีกที
ก่อน ซัดดัม ถูกโค่น “เคิร์ฟบอล” (Curveball) วิศวกรเคมีชาวอิรัก ให้ข้อมูลกับหน่วยข่าวกรองเยอรมนีและสหรัฐว่า อิรักมีอาวุธชีวภาพอยู่ในครอบครอง
“เคิร์ฟบอล” ยืนยันว่า อิรักมีรถบรรทุกที่ใช้เป็นยานลำเลียงอาวุธชีวภาพเคลื่อนที่ รวมทั้งยังได้สร้างโรงงานผลิตอาวุธชีวภาพลับๆ ขึ้นหลายแห่งในอิรัก
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ คอลิน พาวล์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐในขณะนั้น นำไปแจ้งกับยูเอ็น ก่อนใช้เป็นเหตุผลโค่นซัดดัม
ที่น่าเจ็บแสบคือ “เคิร์ฟบอล” บอกกับ The Guardian ว่า
“พวกเขาให้โอกาสนี้แก่ผม
ผมมีโอกาสที่จะเสกสรรปั้นแต่งอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อโค่นระบอบปกครองนั้น
ผมและบุตรชายต่างมีความภาคภูมิใจกับเรื่องนี้ และเรามีความภาคภูมิใจที่เราได้ถูกใช้เป็นเหตุผลเพื่อให้อิรักได้เป็นประชาธิปไตย
ผมต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศของผม ดังนั้นผมจึงทำเรื่องนี้ และผมพอใจมาก เพราะในอิรักไม่มีเผด็จการใดๆ อีกต่อไปแล้ว”
ไม่ต่างจากพล็อตนิยายน้ำเน่า
ปัจจุบันอิรักยังเป็นดินแดนแห่งสงคราม
ยูเครนจะมีอาวุธชีวภาพหรือไม่ โดยใคร วันหนึ่งเรื่องต้องแดงออกมาว่าใครโกหก
แต่ ยูเครน จะไม่ต่างจาก อิรัก
ประชาธิปไตยเป็นเพียงข้ออ้างในการทำสงครามเท่านั้นเอง