18 มกราคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดอุบัติเหตุรถเครนสลิงขาดกระเช้าร่วงทับคนงาน ย่านถนนพระราม 2 ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและห่วงใยผู้บาดเจ็บทุกรายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
ซึ่งทันทีที่ทราบข่าวผมได้รับรายงานจาก นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ว่าได้กำชับให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามภารกิจแล้ว
พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ทายาทครอบครัวผู้เสียชีวิตด้านสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายแรงงานในทุกมิติ พร้อมเน้นย้ำให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงานอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า จากรายงานของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันนี้ (18 ม.ค.67) เวลาประมาณ 14.00 น.ได้เกิดเหตุเครนสลิงขาดกระเช้าร่วงทับคนงานเสียชีวิต สถานที่เกิดอุบัติเหตุตั้งอยู่ในพื้นที่ถนนพระราม 2 ซอย 72 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเหตุเกิดขณะรถเครนกำลังทำงาน และจากข้อมูลเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย จากรายงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 ยังพบว่า ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงาน ได้แก่
พระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 มาตรา 8 ประกอบกฎกระทรวง กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. 2564 และกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564
ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 7 พบว่า มีคนงานเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายวิภาค พรหมประสงค์ อายุ 42 ปี และผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ทราบชื่อคือ นายธีรภัทร์ ขันนอก อายุ 24 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลพีเอ็มจี อาการแรกรับศีรษะกระแทกพื้นไม่สามารถจำเหตุการณ์ได้ ขณะเกิดเหตุหมดสติต้นแขนซ้ายผิดรูป คิ้วขวาและขาซ้ายมีแผลฉีกขาด ซึ่งมีสิทธิได้รับเงินทดแทนตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 ได้แก่ กรณีเจ็บป่วยจะได้รับค่าทดแทนกรณีหยุดพักรักษาตัว ร้อยละ 70 ของค่าจ้างไม่เกิน 1 ปี และค่าทดแทนกรณีสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะ ร้อยละ 70 ของค่าจ้างไม่เกิน 10 ปี (กรณีมีการสูญเสีย) กรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินค่าทำศพ 50,000 บาท รวมถึงค่าทดแทนกรณีเสียชีวิต ร้อยละ 70 ของค่าจ้างไม่เกิน 10 ปี และเงินทดแทนกรณีชราภาพ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลและสถานะความเป็นผู้ประกันตนของผู้เสียชีวิตเพื่อดำเนินการดูแลให้ทายาทได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายต่อไป