เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “เปิดตัวเบอร์สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502” โดยมี นายกิตติกร โล่สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันอิศรา นายกิตติ สิงหาปัด ผู้ดำเนินรายการ ข่าว 3 มิติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่โรงแรม เดอะ บาซาร์ แบงค็อก กรุงเทพฯ
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า สภาผู้บริโภค ถูกจัดตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โดยพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์การของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดให้สภาแห่งนี้ มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการ เพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ์ของผู้บริโภคในทุกด้าน
เช่น ด้านการเงินการธนาคาร การขนส่ง ยานพาหนะ อสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัย อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สุขภาพ บริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม
แต่จากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การบริโภคของประชาชน จึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามา ทำให้สามารถซื้อสินค้าง่ายมากขึ้น แต่สิ่งที่มาพร้อมกับความทันสมัย ก็คือ เกิดผลเสียได้ง่ายมากขึ้น
เช่น การถูกหลอกลวง สินค้าไม่ตรงปก ไม่ได้รับสินค้า ซ้ำร้ายกว่านั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังสามารถหลอกเอาเงินจากบัญชีไปได้อย่างง่ายดาย
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากต้องการจะได้สินค้าและบริการที่ครบถ้วน ก็ต้องร้องเรียน หรือนำเรื่องขึ้นสู่ชั้นศาล ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนและความเสียหายรุนแรง
ดังนั้น จึงต้องมี สภาผู้บริโภค เพื่อทำหน้าที่คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคในทุกด้าน พร้อมเสนอแนะนโยบายและมาตรการที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค ทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการบริโภคที่ยั่งยืน
โดยตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบงานด้านคุ้มครองผู้บริโภค ขอยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มช่องทาง “สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502” เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ดังนั้น สภาผู้บริโภคต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รับทราบ
“ที่ผ่านมา สภาผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนทั่วประเทศ จากหน่วยงานประจำจังหวัด 15 จังหวัด และศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแบบเบ็ดเสร็จ ในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 16,142 เรื่อง ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาได้ 12,837 เรื่อง มูลค่ากว่า 71 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือเยียวยาให้มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ จึงควรเพิ่ม “สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502” ตามแนวนโยบายของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
จากที่ผ่านมามีเพียงเบอร์โทรศัพท์สำนักงาน เว็บไซต์ และช่องทางออนไลน์อื่น ๆ แต่จากนี้จะทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง เพราะมีสภาผู้บริโภคช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
โดยนายสมศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า วันนี้สภาผู้บริโภค ได้เปิดสายด่วน 1502 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนให้ได้มากขึ้น ซึ่งสภาผู้บริโภค เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564 มีองค์กรสมาชิก 314 แห่ง ใน 54 จังหวัด โดยมีหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์
ซึ่งผ่านมา 2 ปี มีการร้องเรียนมา 38,500 เรื่อง โดยสามารถช่วยแก้ปัญหาได้กว่า 80% ดังนั้น ตนจึงขอเชิญชวนจังหวัดที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ก็ขอให้เข้าร่วมสภาผู้บริโภค เพราะรัฐบาล สนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ รวมถึงขอให้ประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการบริโภค ก็ให้ร้องเรียนผ่านสายด่วนผู้บริโภค เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาให้อย่างเร่งด่วน