ยกเลิกการเซนเซอร์? – สันต์ สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

ปีใหม่ 2567..กราบสวัสดี!

หวังว่าปีนี้จะเป็น “ปีทอง” ของทุกๆ ท่าน ไม่ว่าจะประกอบธุรกิจแขนงใดก็ขอให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีกำไร เป็นพนักงาน-ลูกจ้างก็ขอให้มั่นคงในอาชีพ

ข้าราชการก็ขอให้เลื่อนขั้นไปตามความรู้ ความสามารถ เป็นรัฐมนตรี-นายกฯ ก็ขอให้อยู่ครบวาระ-ครบเทอม!

ส่วนคนในแวดวงบันเทิง..ขอให้เริงร่าอย่าได้หงอยเหงา โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย แม้ปีผ่านมาจะคึกคัก เป็นปีที่ “สุดยอด” มีหนังทำเงินรายได้ 700-800 ล้านบาทก็จริง

แต่ธุรกิจภาพยนตร์ต่างกับธุรกิจอื่น ที่ต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ทุกเรื่องไป ไม่ใช่ “สัปเหร่อ” เก็บเงินได้ 700 ล้านแล้ว..

เรื่องต่อไปของผู้สร้าง-ผู้กำกับทีมเดิม-คนเดิมจะเก็บ 700 ล้าน หรือ 1,000 ล้าน หาอย่างนั้นไม่?

ฉะนั้น..ผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จในปีก่อน ก็ต้องไม่หย่อนยานในฝีมือ ส่วนผู้ที่ล้มเหลวก็อย่าได้ท้อแท้ หมดกำลังใจ!

นี่..ได้อ่านที่คุณนุชี่-อนุชา บุญยวรรธนะ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย โพสต์ก่อนจะสิ้นปีเก่า น่าจะทำให้ผู้กำกับหนังมีแรงฮึด แรงสูงและกำลังใจขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย

เธอว่า.. “ปี 2566 เป็นปีที่ดีของหนังไทย..ในปีนี้และปีต่อๆ ไป จะเริ่มมีการพัฒนาระบบนิเวศน์ของวงการภาพยนตร์ไทยที่เอื้อให้หนังทุกๆเรื่องประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นค่ะ

เช่น การร่างพรบ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่เพื่อยกเลิกการเซนเซอร์ภาพยนตร์ และการจัดตั้งองค์กรเพื่อส่งเสริมภาพยนตร์ไทยในรูปแบบต่างๆ

ทางสมาคมผู้กำกับฯ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการเหล่านี้อยู่เสมอ และมีความตั้งใจผลักดันให้รูปแบบการจัดตั้งองค์กร, การบริหาร และการตัดสินใจกำหนดนโยบายต่างๆ

ให้ความสำคัญกับ “เสียง” ของคนในวงการอุตสาหกรรม (โดยเฉพาะผู้ผลิตและสร้างสรรค์งาน) เป็นอันดับหนึ่ง

โดยให้ทางฝ่ายราชการ การเมืองเป็นผู้คอยให้การสนับสนุนด้านงบประมาณและกฏระเบียบ นักทำหนังท่านใดสนใจออกความเห็นเพื่อพัฒนาด้านต่างๆ สามารถส่งข้อความมาในเพจเลยค่ะ

สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยรอชื่นชมผลงานของทุกท่านที่กำลังจะออกสู่สายตาของผู้ชมชาวไทยและชาวโลก”

ครับ..ก็คอยดู ว่า “การพัฒนาระบบนิเวศน์ของวงการภาพยนตร์ไทยที่เอื้อให้หนังทุกๆเรื่องประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น” นั้น จะจริงแท้ทรูหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไรที่คุณนุชี่ยกตัวอย่างของการพัฒนาระบบนิเวศน์ว่า..เช่น “การร่างพรบ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่เพื่อยกเลิกการเซนเซอร์ภาพยนตร์”

คุณนุชี่พูดผิดหรือผมเข้าใจผิดไม่ทราบ แต่ที่เท่าที่รู้..การแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์พ.ศ.๒๕๕๑ โดยเฉพาะในส่วนของการตรวจพิจารณาภาพยนตร์..

ได้เปลี่ยนจากระบบการตรวจพิจารณาในระบบการ “เซ็นเซอร์” มาเป็นจัดแบ่งประเภทภาพยนตร์ตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑

ซึ่งก็หมายความว่า ประเทศไทยได้ยกเลิกการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ เป็นการกำหนดประเภท หรือ “เรตติ้ง” มาตั้งแต่ปี 2552 นู้นแล้ว!

หรือว่า “การร่างพรบ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่” ที่คุณนุชี่นำมาบอกกล่าวนี้ จะหมายถึง ไม่มีการ “กำหนดเรตติ้ง” อีกต่อไป ..

ใครจะทำ-จะสร้างหนังกันอย่างไรก็ปล่อย อิสระ เสรี ตามความต้องการของแต่ละคนกระนั้นหรือ?

ถ้าจะเอากันอย่างนั้นก็เอา ผมก็ยินดีที่จะได้เห็นเจ้าของ (ทุน) หนัง ผู้กำกับร่ำรวยกันทั่วหน้า กระนั้นผมก็ไม่มั่นใจเสียทีเดียวว่า ไม่มีเซนเซอร์-ไม่มีเรตติ้งแล้ว..

หนังไทยจะโกยเงินร้อยล้านพันล้าน (ง่ายๆ) เพราะอย่างสัปเหร่อหรือหนังไทยอีกหลายๆ 100 เรื่อง ที่เก็บเงินได้-มีกำไร..

ที่ผ่านมาก็ฉายอยู่ภายใต้พรบ.ภาพยนตร์ที่กำหนดเรตติ้งทั้งเพ ซึ่งแสดงว่าไม่ได้มีอุปสรรคต่อความสำเร็จของรายได้หนังไทยแต่อย่างใด!

เนี่ย..พูดแบบ “เสียง” ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย!

Written By
More from pp
“อัศวิน อิงคะกุล” จัดหนัก โปรฯ บุฟเฟต์มื้อเที่ยง วันวิสาขบูชา อายุ 65 ปี ทานฟรี
ดร.อัศวิน อิงคะกุล ประธานโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เห็นความสำคัญของญาติผู้ใหญ่เสมอมา 26 พฤษภาคม วิสาขบูชากำนัล 65 ปี ทานฟรีเมื่อมาพร้อมครอบครัวบุฟเฟ่ต์มื้อเที่ยง...
Read More
0 replies on “ยกเลิกการเซนเซอร์? – สันต์ สะตอแมน”