เพราะมีนักโทษชื่อ ‘ทักษิณ’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เอาล่ะสิ!

๐๙.๐๐ น. วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะบุกโรงพยาบาลตำรวจ

จะไปดูว่า “นักโทษชายทักษิณ” รักษาตัวห้องไหน ตึกไหน ขั้นตอน มาตรการควบคุมผู้ต้องขังอย่างไร

และโรงพยาบาลตำรวจปฏิบัติต่อผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังของโรงพยาบาลตำรวจอย่างไร

ถ้าโรงพยาบาลตำรวจเปิดห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ ให้คณะกรรมาธิการฯ เข้าไปดูผู้ป่วยหนักที่ชื่อ “ทักษิณ” ก็น่าจะเคลียร์ข้อข้องใจของใครหลายคนได้

แต่ไม่แน่ใจว่า คณะกรรมาธิการฯ มีอำนาจสั่งให้เปิดประตูห้องนักโทษเทวดาชั้น ๑๔ หรือไม่

คณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎร สามารถเรียกเอกสาร หรือเรียกบุคคล ชี้แจงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นต่อกรรมาธิการฯ ได้

สามารถพิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาแล้วรายงานต่อสภาได้

แต่จะไปขอดูชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจได้หรือเปล่า หากทางโรงพยาบาลไม่ยอมโดยอ้างเรื่องสิทธิของผู้ป่วย จะทำอย่างไร

คิดไว้ล่วงหน้านะครับ!

เพราะคณะกรรมาธิการฯ ไม่มีอำนาจตรวจค้น

การเอานักโทษเทวดาขึ้นไปนอนในห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ผ่านการคิด วางแผนมาอย่างรอบคอบแล้ว ฉะนั้นยากมากครับที่ “คนนอก” จะขอขึ้นไปดู

และหากมีการประกาศรายละเอียด ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.๒๕๖๖ ว่า นักโทษคนไหนมีคุณสมบัติครบบ้าง ซึ่งนักโทษชายทักษิณมีคุณสมบัติครบถ้วน สิ่งที่กรรมาธิการฯ พยายามจะทำอยู่ จะกลายเป็นอีกเรื่องในทันที

หากประกาศก่อนวันที่ ๑๒ มกราคม ก็บ้านใครบ้านมันครับ

จะไปทำอะไรได้

นักโทษชายทักษิณสามารถนอนห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ ยาว จนกว่าจะพ้นโทษ หรือกลับไปนอนบ้านก็ได้

เพราะทั้งโรงพยาบาล และบ้านจันทร์ส่องหล้า คือที่คุมขังตามระเบียบกรมราชทัณฑ์

ถ้าจะให้ลุ้นจริงๆ กรรมาธิการฯ ต้องไปก่อนปีใหม่

นี่ก็ลุ้นเหมือนกัน!

นับวันพรรคก้าวไกลฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ วานนี้ (๒๑ ธันวาคม) ในสภาจัดว่าเดือดพอควร

“ชลธิชา แจ้งเร็ว” สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้สดด้วยวาจา ถามนายกฯ เศรษฐา ว่า…

“…เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไปให้คำมั่นสัญญาต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ว่าจะสร้างความเข้มแข็งให้กับหลักนิติธรรม และหลักประกันว่ากฎหมายจะเป็นธรรม บังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาค

จึงอยากถามถึงความเป็นธรรมและการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ต้องขัง รวมทั้งสิทธิในการรับการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขัง เพราะผู้ต้องขังทุกคนต้องมีสิทธิ์เข้าถึงสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม”

เธอยกกรณีของ “นักโทษชายทักษิณ” เทียบกับกรณี “เอกชัย หงส์กังวาน” ที่ตรวจพบว่าเป็นฝีที่ตับ แต่กลับถูกส่งตัวเข้าเรือนจำระหว่างที่การรักษาไม่แล้วเสร็จ

ซึ่งแพทย์ระบุว่าเหตุของโรคมาจากความไม่ถูกสุขลักษณะภายในเรือนจำ

สรุปคือ มาตรฐานอยู่ตรงไหน

นี่คือคำถามที่คนส่วนใหญ่ตอบได้หมดครับ แต่กระทรวงยุติธรรม กับกรมราชทัณฑ์ ตอบมาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเคลียร์

กระทู้นี้ “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ตอบคำถามแทน

ฟังแล้วอึ้งกันถ้วนหน้า

“…ท่านทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่รัฐบาลเศรษฐาแถลงนโยบายวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖ กระบวนการของท่านทักษิณ รัฐบาลนี้จึงไม่ได้รับรู้ และการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลปัจจุบัน และเมื่อเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรียุติธรรม มีหน้าที่ปฏิบัติตาม

ยืนยันว่ารัฐบาลปัจจุบันยึดหลักนิติธรรมและรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ตรวจดูถึงการออกกฎหมาย เพราะถูกตราหน้าจากสังคมโลกว่า มีนักโทษล้นคุก และมีลักษณะการทรมาน ทำให้ไม่สามารถบริหารโทษผู้ต้องขังเฉพาะรายได้อย่างเหมาะสม เพราะกฎหมายไม่ให้อำนาจ

รวมถึงให้มีสถานควบคุม หรือคุมขังประเภทอื่นนอกจากเรือนจำ ทำให้การบริหารเรือนจำไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ โดยกฎหมายหลักออกมาเมื่อปี ๒๕๖๐ แต่ไม่มีผู้ออกกฎรองหรือระเบียบ เพราะกรรมการราชทัณฑ์ไม่เคยมีการประชุม จนเข้ารับตำแหน่ง…”

สรุปแล้วเป็นฝีมือรัฐบาลลุงตู่ครับ

และรัฐบาลนี้จะไม่ทำอะไรนอกจากตามน้ำ

มันก็แปลกๆ นะครับ หากคิดว่ารัฐบาลเก่าทำอะไรไว้ แล้วรัฐบาลใหม่ไม่ขอรับรู้ แต่ก็ไม่แก้ไขอะไร แล้วจะมีรัฐบาลไว้ทำอะไร

เอาเถอะครับ มันก็อ้างได้ แต่ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ลองไปคุยกับ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เพราะตอนนี้ก็อยู่ใน ครม.เดียวกัน

สิ่งที่อยากให้พรรคก้าวไกลตามไล่บี้ต่อ ไม่ใช่เรื่องช่วยพวกเดียวกันที่ติดคุกอยู่ หรือตัวเองกำลังจะติดคุก

แต่เป็นเรื่องข้อเท็จจริง

เรื่องนักโทษล้นคุก จำต้องออกระเบียบราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.๒๕๖๖ เป็นข้ออ้างที่คลุมเครือ เพราะข้อเท็จจริงเป็นอีกเรื่อง

ต้องไปดูก่อนว่า นักโทษกลุ่มไหนไม่ได้ประโยชน์จากระเบียบนี้เลย

อ้างอิงจากคำให้สัมภาษณ์ของ “สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ที่ผ่านมา มีการระบุชัดเจนว่า นักโทษจากคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง คดีค้ามนุษย์ คดีที่เกี่ยวกับชีวิตร่างกายและทรัพย์สิน คดีทางเพศ (ฆ่าข่มขืน) คดียาเสพติด และคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเป็นภัยร้ายแรงของประเทศ อาจมีการพิจารณายกเว้นไม่ให้ได้รับสิทธิประโยชน์

ตัวเลขนักโทษในคุกลดลงเรื่อยๆ ครับ

ปี ๒๕๖๒ จำนวน ๓๗๕,๗๖๓ คน

ปี ๒๕๖๓ จำนวน ๓๖๗,๙๙๓ คน

ปี ๒๕๖๔ จำนวน ๓๓๘,๘๐๖ คน

ปี ๒๕๖๕ จำนวน ๒๗๙,๘๑๒ คน

ปี ๒๕๖๖ จนถึงวันที่ ๒๐ ธันวาคม จำนวน ๒๗๐,๗๗๙ คน

แล้วจำนวนนักโทษในคดีที่จะไม่ได้รับประโยชน์จากระเบียบกรมราชทัณฑ์ มีอยู่เท่าไหร่

ณ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ สัดส่วนของผู้ต้องขังที่ต้องโทษคดียาเสพติด มีจำนวน ๒๐๗,๐๘๕ คน คิดเป็น ๗๙%

โดยค่าเฉลี่ยแต่ละปีคิดเป็น ๘๐%

รวมกับคดีฆ่าข่มขืน ค้ามนุษย์ คดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง น่าจะเกิน ๙๐%

คำถามคือ จะแก้ปัญหานักโทษล้นคุกได้อย่างไร หากนักโทษกลุ่มนี้ไม่ได้ประโยชน์จากระเบียบกรมราชทัณฑ์

นี่คือสิ่งที่รัฐบาลเศรษฐา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมชื่อ “ทวี สอดส่อง” ต้องตอบ

ไม่รับรู้ไม่ได้แล้ว

Written By
More from pp
ไทยออยล์ปักธงวางศิลาฤกษ์โครงการพลังงานสะอาด (CFP) แสดงศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จัดพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารควบคุมกระบวนการผลิตหลัก โครงการพลังงานสะอาด ( Clean Fuel Project:...
Read More
0 replies on “เพราะมีนักโทษชื่อ ‘ทักษิณ’ – ผักกาดหอม”