ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เห็นโวยวายกันมาหลายวันแล้ว
คุณศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ได้นำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วเช่นกัน
เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และเอาผิดพรรคการเมือง และหรือส.ส.ที่ย้ายพรรค!
ทั้งนี้ คุณศรีสุวรรณ มองว่า..เป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยงต่อสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน “โสเภณี” ทางการเมืองที่น่ารังเกียจ..
อีกทั้งเป็นการท้าทายและฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างไม่เกรงกลัวความผิด!
ครับ..เป็นงูเห่าก็มี เป็นลิงก็มี คราวนี้เป็น “โสเภณี” ก็ไม่รู้ว่ากว่าจะหมดเทอมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา..
จะมีนักการเมืองสายพันธุ์ไหนให้เรียกขานกันอีก?
นี่..จะว่าไปก็ให้รู้สึกเห็นใจนักการเมืองอยู่เหมือนกันนะ เพราะพรรคโดนยุบ..กติกาคือให้ส.ส.หาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 60 วัน
เมื่อกฎหมายเปิดช่องให้ แต่ละคนก็ย่อมต้องคิดตรองด้วยสมอง-ปัญญา ว่าจะไปอยู่กับพรรคไหนดี?
ถ้าอยู่ที่เดิม หมายถึงต้อง “เกาะกลุ่ม” อยู่กับส.ส.ร้อยพ่อพันแม่ที่จับพลัดจับผลูได้เข้าในนั่งในสภา โดยที่ไม่มีหัวหน้า ไม่มีเลขาพรรคที่ตัวเองชื่นชอบ-ศรัทธา..
แล้วจะมีอะไรให้ยึดเหนี่ยว และจะรู้ได้ไงว่าหัวหน้าคนใหม่จะเก่ง-ดีเท่าคนเก่า?
หรือบางคนอาจคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าที่ได้เป็นส.ส. (เขต) นั้น เพราะชาวบ้านรักและชอบจึงเลือก ไม่ได้เกี่ยวกับความนิยมของพรรค-หัวหน้าพรรคแต่อย่างใด
จะย้ายไปอยู่พรรคไหน ชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังจะเลือกให้เป็น “ผู้แทน” อยู่วันยังค่ำ หรือดี-ไม่ดีการย้ายไปอยู่กับซีกฝั่งรัฐบาล จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้มากกว่าเสียอีกด้วย
ซึ่งจะคิดผิด-คิดถูก ไม่มีใครบอกได้ จะรู้ก็โน่นแหละ มีการเลือกตั้งใหม่รอบหน้า ถ้าชาวบ้านเลือกก็คิดถูก แต่ถ้าสอบตก ก็ต้องน้อมรับ.. “ไม่น่าคิดแบบนี้เลย”!
ฉะนั้น..ที่ส.ส.ย้ายพรรค หาสังกัดใหม่ จะมองหรือจินตนาการเป็นงูเห่า เป็นลิง เป็นโสเภณี ก็เป็นสิทธิ์ที่จะคิด-มองได้
แต่การที่คุณศรีสุวรรณนำความไปยื่นกกต.เพื่อให้เอาผิดพรรคการเมือง และส.ส.นั้น ผมเห็นว่าน่าจะเป็นการโยนภาระให้กกต.ต้องเหนื่อยเปล่า
เพราะการซื้อตัว-ขายตัว หรือ “ตกเขียว” นักการเมือง พูดกันมาทุกยุคทุกสมัย..
ไม่มี“ใบเสร็จ” ก็..จบ!