“มั่นใจได้เลยว่า ไม่มีใครที่อยากจะเป็นภาวะแบบนี้หรอก ถ้าเลือกได้อยากจะมีความสุขไปตลอดชีวิตเหมือนกัน แต่ขอให้ข้อคิดในแง่ดีว่า เรื่องนี้ สิ่งนี้ โรคนี้ หรือโรคไหน คือ เครื่องพิสูจน์ว่า เรายังคงเป็นมนุษย์ผู้มีความรู้สึก ทั้งสุข ทั้งเศร้า และเหงาปนกันไป”
นี่คือคำโปรยที่อยู่บนปกของหนังสือ “4 ฤดูที่ไม่เคยหายป่วย” เรื่องจริงจากผู้ป่วยโรควิตกกังวล เจ้าของนามปากกา “ปลายนที” ทุกตัวอักษรถูกบรรจงเขียน บอกเล่าผ่านเรื่องราวในชีวิตจริง เพื่อให้ผู้คนได้เห็นและเข้าใจในความเป็นมนุษย์ ทั้งตัวคนไข้เอง ครอบครัว คนรอบข้าง รวมถึงคนในสังคมก็มีส่วนช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นวันเวลายากๆ และดีขึ้นได้
กรกมล ธีรสรเดช เจ้าของนามปากกา “ปลายนที” เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักเขียนเดิมทีเป็นคนที่รักการอ่าน ทั้งหนังสือพิมพ์ นิยายแปล รู้สึกว่าเวลาที่เราอ่านแล้วเจอถ้อยความที่รู้สึกทัชใจ ทำให้อินไปกับเรื่องราวนั้นๆ มันเป็นเหมือน Passion ให้เราอยากจะเขียนได้แบบนั้นบ้าง
หลังจบมัธยมปลายจึงตัดสินใจเข้าเรียนในหลักสูตรคอนเทนต์และสื่อดิจิทัล (ชื่อสาขาวิชาขณะนั้น) วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มาเรียนด้วยใจรัก มาด้วย Passion ว่าวันหนึ่งเราจะต้องเป็นนักเขียน เพราะการเรียนทางด้านนี้ทำให้เราได้สร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ
ทั้งงานเขียน งานคลิปวิดีโอ ซึ่งก็ตอบโจทย์มากๆ ตลอดระยะเวลา 4 ปี เราได้ทักษะด้านการสื่อสารมาอย่างครอบคลุม ฟัง พูด อ่าน เขียน หนังสือเล่มนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต่อยอดมาจากงานในโปรเจกต์จบ เขียนมาจากชีวิตจริง ในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าหนักหน่วง และเราก็สามารถก้าวผ่านมันมาได้
“ตอนที่ไปพบหมอเพื่อปรึกษาพูดคุยในภาวะที่เราเป็น หมอก็บอกว่า การที่เราได้เขียน ก็เหมือนกับการที่เราได้ระบาย แม้เราไม่ได้พูดแต่เราได้เขียน รู้ว่าอาการเป็นยังไง เหมือนเราได้มาทบทวนตัวเองว่า วันนี้เรารู้สึกอะไรอยู่ เรามีเรื่องแฮ้ปปี้ไหม หรือมีเรื่องที่เศร้าแค่ไหน ดีกว่าอยู่เฉยๆ คิดฟุ้งซ่าน
ซึ่งตลอดเวลาการรักษา คุณหมออยู่กับเรามาตลอด และก็เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เราเขียนงานชิ้นนี้ เพราะทุกวันนี้มีหลายคนเป็นแบบนี้ หนังสือเล่มนี้จะมีความ Rael เพราะบอกเล่าเรื่องราวผ่านประสบการณ์จริง ซึ่งในประเทศไทยมีหนังสือแนวนี้ยังไม่เยอะ ก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆ คน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ที่ถูกบอกเล่าผ่านหนังสือเราใช้เวลากว่า 2 ปี เขียนด้วยหัวใจที่อยากให้หลายคนที่ตกอยู่ในภาวะแบบนี้ สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้”
กรกมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเป็นเด็กการทำใจเล่าเรื่องความทุกข์ในส่วนลึกของเราให้ผู้อื่นฟัง ถือเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะทำได้ คงเพราะหาคำตอบไม่ได้ว่า จะเล่าไปเพื่ออะไร ผู้ฟังจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ จนกระทั่งเราพบว่า มีใครหลายคนเป็นเหมือนกัน และยังรู้สึกแย่เหลือเกินที่มันเกิดขึ้นกับตัวเอง
สุดท้ายคำตอบของเรื่องนี้จึงกลายเป็นว่า เราต้องการเป็นเพื่อนกับผู้อ่านที่เป็นโรควิตกกังวลนี้เหมือนกัน อยากจะเล่าให้ฟังในสิ่งที่ตัวเองเคยเป็น ขณะเดียวกันอยากจะคอยรับฟังว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันทรมานเพียงใด
“หนังสือเล่มนี้เราอยากจะบอกว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราอยู่กับมันนานพอ คำๆ หนึ่งที่จะคอยปลอบและเป็นตัวช่วยเสมอคือคำว่า… ไม่เป็นไร บางครั้งเราพยายามที่จะดึงตัวเองออกมาจากความรู้สึกเสียใจ ความดิ่ง มากจนเราเครียดกับมัน เราอาจจะต้องพัก พูดกับตัวเองว่า ไม่เป็นไร ถ้าเราจะรู้สึกบ้างเล็กน้อย
เพราะเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจหรืออยู่กับมันไปตลอดชีวิต หยุดพักอาจจะดีขึ้น เราก็เป็นมนุษย์ มีความรู้สึก ไม่อยากให้มองว่าความรู้สึกนี้มันแย่มากๆ ต้องค่อยๆ ปลอบตัวเอง เยียวยาตัวเอง สุดท้ายเราก็แค่ต้องอยู่กับมันให้ได้เท่านั้นเอง”
ในส่วนของนามปากกา “ปลายนที” ตั้งต้นจากความคิดที่ว่า นที หมายถึง น้ำ รวมกันเป็น “ปลายน้ำ” เช่นเดียวกับตัวเราเองในหนังสือ เราพบว่า คนเราเปลี่ยนไปทุกวัน น้ำก็เช่นกันไม่เคยไหลเหมือนเดิม และ “ปลายน้ำ” เองก็จะไหลไปในทิศทางไหนก็ได้
นอกจากนี้ อนาคตข้างหน้ายังวางแผนไว้ว่าหากมีโอกาส อยากมีหนังสือที่เขียนร่วมกับหมอของตัวเอง เป็นแนววิชาการ บวกกับความรู้ที่ต่างๆ ที่เราได้มาหาได้พูดคุยกับหมอ ซึ่งหนังสือแนวนี้ยังไม่ค่อยมีในตลาดที่หมอเขียนร่วมกับคนไข้ หมอเองก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หรือแม้แต่คนที่เรียนทางด้านจิตวิทยาก็สามารถอ่านได้
สำหรับใครที่สนใจหนังสือเล่มนี้ “4 ฤดูที่ไม่เคยหายป่วย” สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ และทุกช่องทางออนไลน์
“ไม่เป็นไรนะ… วันหน้ามันจะดีขึ้นกว่านี้” … ปลายนที