เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายการคลายล็อก – เปิดประเทศ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า
เป็นข้อสั่งการของท่าน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขต้องหาทางปฏิบัติ
ที่ผ่านมา ได้มีการเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ที่ต้องปฏิบัติเร่งด่วนคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ล่าสุด ใน 17 จังหวัดนำร่อง มีบางพื้นที่ ซึ่งยังฉีดไม่ถึงครึ่ง ก็ต้องเร่ง ทำให้สำเร็จตามเป้า
ตอนนี้ มีวัคซีนแล้ว มีศักยภาพในการฉีดแล้ว ต้องเดินหน้า เวลาลงพื้นที่ต่างจังหวัด ตนให้นายแพทย์ สสจ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องฉีดวัคซีน และต้องลงลึกถึงรายละเอียด ปฏิบัติตามแผนงาน เรื่องการฉีดวัคซีน เป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนประเทศไหนจะเข้ามาได้ หรือเข้ามาไม่ได้อย่างไร ให้รอทาง ศบค. ชุดใหญ่ พิจารณาข้อเสนอของ ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) หรือ ศบค. ชุดเล็ก
นโยบายของท่านนายกฯ คือ ต้องการเปิดประเทศ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยด้วย ถึงได้กำหนดว่า ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการ RT PCR เข้ามาแล้วก็ต้องตรวจ และต้องรอผลตรวจอีก 1 วัน จึงจะเดินทางต่อได้
ทั้งนี้ สถานการณ์ ในปัจจุบัน แตกต่างจากเมื่อก่อน เรามีวัคซีนแล้ว เรามีแผนการรักษาแล้ว แต่เราไม่ประมาท ทางกระทรวงสาธารณสุข กำลังหาแนวทางปฏิบัติ ให้นโยบายเดินต่อไปได้ โดยเรื่องความปลอดภัย ก็ต้องคงไว้เช่นกัน
“เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำให้ความปกติเกิดขึ้นได้ เราก็ไม่ล่าช้าที่จะทำ เราถือว่านโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ต้องให้มีการเปิดประเทศสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทยที่ได้รับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว มีการรับรอง Fit to fly มีการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทาง
และเมื่อเดินทางมาถึงก็ต้องตรวจ RT-PCR อีกครั้ง ต้องสเตย์โอเวอร์ไนท์ (Stay over night) 1 คืนแรกในจุดเข้าเมือง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ก็ต้องพักในกรุงเทพฯ 1 คืนก่อน เพื่อรอผล RT-PCR ซึ่งกรมควบคุมโรคพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดมาตรการให้เกิดความปลอดภัย”