สร้างสีสันยกเครื่องระยอง

“จังหวัดระยอง” ในสมัยก่อน อาจจะเป็นหนึ่งในหัวเมืองที่ใช้ดึงดูดการท่องเที่ยวได้
เพราะมีทั้งธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นทะเล น้ำตก ป่าไม้
รวมถึงมีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตที่น่าสนใจ…
แต่ในปัจจุบันระยองมีมากกว่าการที่จะเป็นหัวเมืองดึงดูดการท่องเที่ยว
เพราะจังหวัดแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์
ที่จะใช้มันผลักดันเศรษฐกิจในประเทศไทยได้ !

จากโครงการระดับประเทศของรัฐบาล
ที่จะผลักดัน 3 จังหวัดได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา
ให้กลายมาเป็น “พื้นที่แห่งการลงทุน”
“พื้นที่แห่งการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม”
สนับสนุนการลงทุน การผลิต การขาย การส่งออก และการสร้างรายได้ให้กับชุมชน…

ปัจจุบัน 3 จังหวัดเป้าหมายนี้ถูกเรียกว่า “อีอีซี”
อีอีซี หรือ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ที่ผ่านมาวาดฝันกันมาใหญ่โต
และผ่านระยะเวลามากว่า 5 ปี

แม้จังหวัดระยองจะเป็นหนึ่งในพื้นที่แห่งการลงทุนอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการประกาศพัฒนาอีอีซีขึ้นมา
ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ระยองเกิดการพัฒนา จนน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นจริงๆ

พื้นที่ในจังหวัดนี้ถูกจับจองจากภาคเอกชนที่มองเห็นโอกาสมากมาย
จึงทำให้ในปัจจุบันระยองมีแผนการลงทุนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ มากมาย !

รวมถึงหนึ่งในองค์กรรัฐวิสาหกิจระดับประเทศ อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ที่เดิมใช้พื้นที่ระยองเป็นหนึ่งในพื้นที่การลงทุนหลักอยู่แล้ว

แต่ในปัจจุบันก็เริ่มมีการประกาศเดินหน้าโครงการต่างๆ ในจังหวัดแห่งนี้มากขึ้น
และยังรวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่เข้ามาสร้างสีสันและความน่าสนใจให้กับจังหวัดระยองเข้าไปอีก !

โดยล่าสุด “อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ได้เล่าให้ฟังระหว่างเข้าเยี่ยมชมบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG)

ว่าปัจจุบัน ปตท. มีความพร้อมในการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
เพื่อรองรับปริมาณการใช้ก๊าซฯ ของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดย ปตท. ตั้งเป้าการขายก๊าซทั้งในและต่างประเทศรวม 9 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573
จากแผนพัฒนาธุรกิจก๊าซใหม่ ที่ต้องทำด้านการตลาดมากขึ้นผ่านรูปแบบการซื้อมาขายไป (เทรดดิ้ง)

และการขยายตลาดในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น
เพื่อที่จะสามารถให้บริษัท มีตัวเลือกคู่ค้าที่จะขายก๊าซให้ในราคาที่ดีที่สุดได้

นอกจากนี้เองก็ยังมีการพัฒนารูปแบบการส่งออกก๊าซในหลายๆ แบบ
ทั้งการแบ่งใส่เรือลำเล็กๆ รวมถึง ทำแบบ “ISO Tank” ที่เป็นถังความดันส่งไปขายที่ญี่ปุ่น

และ “อรรถพล” ยังกล่าวอีกว่าการมาของการพัฒนาโครงการอีอีซีนั้น
จะช่วยสนับสนุนให้แผนการดำเนินงานด้านธุรกิจก๊าซก้าวหน้าไปอีกขึ้น

จากแผนพัฒนา “โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3”
โดยเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ
และวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี…

ซึ่ง ปตท. เองก็ได้ให้ความสำคัญกับโครงการดังกล่าว และมองว่าเป็นแผนงานที่จะตอบสนองกับนโยบายการเปิดนำเข้าก๊าซเสรีของรัฐบาล

นอกจากนี้ ปตท. เองก็ยังได้มีการพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดระยองอีกด้วย
ซึ่งถือว่าเป็น “ธุรกิจใหม่” ที่แทบจะเปลี่ยนภาพจำของ ปตท. ไปอีกคนละเรื่องเลย
คือการ “ปลูกดอกไม้และขายสตรอว์เบอร์รี่”

ถ้าอ่านผ่านๆ ก็อาจจะงงๆ หน่อย
ว่าทำไม ปตท. ถึงสนใจจะหันไปทำธุรกิจประเภทนั้นได้
เหมือนกับไม่ใช่องค์กรด้านพลังงานเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเหมือนบริษัทค้าปลีกทั่วๆ ไป

แต่อยากจะบอกว่าที่มาของดอกไม้และสตรอว์เบอร์รี่ที่ ปตท. ขายนั้น มันไม่ธรรมดา!
เพราะดอกไม้ที่ปลูกคือ “ดอกทิวลิป” ที่พื้นที่ประเทศไทยแทบจะไม่สามารถปลูกได้เลยด้วยซ้ำ

แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ ทำให้การปลูกดอกทิวลิปของ ปตท. เกิดขึ้นได้
แถมไปได้สวยอีกต่างหาก

เพราะ ปตท. ใช้นวัตกรรมความเย็น ที่เป็นผลพลอยได้จากการดำเนินธุรกิจ LNG มาใช้ให้เกิดประโยชน์
กระบวนการขนส่ง LNG นั้นจะต้องใช้ความเย็นบีบอัดให้เปลี่ยนสถานะจากก๊าซมาเป็นของเหลวจึงจะขนส่งได้

และเมื่อถูกส่งเข้ามาในประเทศไทยก่อนจะนำมาใช้ก็จะต้องเปลี่ยนสถานะจากของเหลวให้กลายเป็นก๊าซอีกที
แน่นอนว่ากระบวนการเหล่านี้จะเกิดความเย็นที่เดิมก็ดูไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก
ถ้านำมาใช้แทนแอร์ก็จะหมดไป…

แต่ ! พอนำมาใช้ในกระบวนการปลูกดอกไม้เมืองหนาวแล้วก็ดูจะเพิ่มประโยชน์ขึ้นมาได้
ปตท. จึงปิ๊งไอเดียนำความเย็นเหล่านี้ผันมาใช้ในโรงเรือนที่เป็นสถานเพาะพันธุ์พืชเมืองหนาวที่ไม่ได้มีแค่ทิวลิป
แต่ยังมีดอกไม้ชนิดอื่นๆ รวมถึงใช้ในการปลูกสตรอเบอร์รี่สายพันธุ์ญี่ปุ่นด้วย

ด้วยการควบคุมอุณหภูมิที่พอเหมาะ
และสามารถเพาะปลูกจนออกดอกปีละ 3 ล้านดอก
สามารถสร้างรายได้ได้ 10 ล้านบาทต่อปี
ช่วยให้ประเทศไทยสามารถลดการนำเข้าไม้ดอกเมืองหนาวได้

แถม ปตท. เองยังเปิดให้บริการ “อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา” (Flora Exhibition Hall)
ในสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุด แห่งที่ 2 ที่บ้านหนองแฟบ จ.ระยอง

โดยจะเป็นโรงจัดแสดงดอกไม้เมืองหนาวที่ ปตท. ได้ปลูกขึ้น…
โดยให้คนทั่วไป นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่สนใจเรียนรู้เข้ามาชมได้ฟรีอีกด้วย !

แบบนี้ก็ยิ่งสร้างสีสันให้กับพื้นที่ระยองขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ

นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ ปตท. เดินหน้าในพื้นที่จังหวัดระยองแห่งนี้
ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ระยอง จะไม่ใช่เพียงจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวอีกต่อไป
แต่ยังเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่จะสนับสนุนการเดินหน้าประเทศไทยให้ไปในทิศทางใหม่ๆ ได้

Written By
More from pp
แพ็กเกจ Vaccinated Day-Out at Montien ที่ โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ
จะเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปรับวัคซีนหรือพักผ่อนให้อุ่นใจหลังฉีดวัคซีนก็ได้ทั้งนั้น โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ มอบแพ็กเกจ Vaccinated Day-Out at Montien ราคา 1,000 บาทสุทธิ...
Read More
0 replies on “สร้างสีสันยกเครื่องระยอง”