“ข่าวลือ-ข่าวลวง-ข่าวดรามา” คือ “อาหารประจำชาติ” ของคนยุค “สื่อสารโซเชียล” นิยมบริโภค
นายกฯ วางเบ็ดราวไว้ ๒-๓ วลี เมื่อวาน(๘ สค.๖๒)
-ผมขอโทษ
-ผมขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว
-ต้องไปศึกษารัฐธรรมนูญว่าเขียนไว้อย่างไร (ประเด็นถวายสัตย์ฯ-เปลว)
-อย่างไรก็ตาม ก็คงยังจะมีรัฐบาลอยู่
เท่านั้นแหละ…..
ใครคือ ผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย และใครผู้หวังร้ายในรอยแค้น เผยหน้า เผยตัวตน ออกมาให้เห็นหมด จากทุกซีก-ทุกฝั่ง ด้วยข่าวว่อน ตลอดบ่ายวาน
“นายกฯถอดใจ นายกฯจะลาออก”!
ลือกันไปด้ายยย คนชื่อประยุทธ์น่ะ ถ้าจะถอด ไม่ใช่ใจ แต่เป็น
“เกือก”!
มาฟังที่นายกฯ พูดกลางวงรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงของประเทศเมื่อวาน ในประเด็นนี้เต็มๆ กันอีกทีก็ได้
“ประเด็นสำคัญ ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว นั้นคือ เรื่องรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเป็นห่วงอยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรจะให้ทำงานได้ ก็หวังให้ทุกคนได้ทำงานต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไปศึกษารัฐธรรมนูญว่าเขียนไว้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ก็คงยังจะมีรัฐบาลอยู่
ผมขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่า ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว
วันนี้ ขอร้อง เรื่องเก่าๆ อะไรที่ไม่ควรพูด ก็ไม่ต้องพูด อะไรพูดได้ก็พูดไป
ผมเองรับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว
……….การวิพากษ์วิจารณ์ ขอให้อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น เรื่องใดก็ตามที่ยังบกพร่องอยู่ สิ่งใดก็ตามที่มีปัญหา
ผมก็ต้องขอโทษ….
แล้วก็รับผิดชอบไว้แต่เพียงผู้เดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศต้องเดินหน้าไปให้ได้ รัฐบาลนี้ก็ต้องทำงานให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเชื่อมั่น ตั้งใจไว้ ผมคงไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีกแล้ว”
นี่แหละ ที่ถูกบางพวก-บางฝ่าย ถอดรหัสออกมาลือให้สะพัดเป็นข่าว “นายกฯจะลาออก”
จนโฆษกรัฐบาล “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ต้องออกมาเคลียร์
“บนเวทีนายกฯ พูดเพียงว่า ประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
แต่สำหรับการรับผิดชอบ คงจะมีรายละเอียดที่นายกฯเตรียมการเอาไว้แล้ว สื่อมวลชนคงได้รับทราบรายละเอียดต่อไป
ที่มีข้อสงสัยว่านายกฯจะลาออกนั้น……..
ยืนยันว่า “ไม่มี”
เพราะยังมีการประชุมหารือกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อวานก็ลงพื้นที่จังหวัดยะลา ยังวางแผนที่จะทำสิ่งต่างๆ เพื่อทำประโยชน์ให้เกิดกับพื้นที่ ๓ จังหวัดใช้แดนภาคใต้ รวมไปถึงภาคอื่นๆ และกทม.
สื่อมวลชนคงจะกังวลกันไปเอง หรืออาจเป็นเพราะนายกฯ เพลียและเหนื่อยจากการลงพื้นที่ตลอดทั้งวัน มีอาการไม่สบาย อาจพูดสั้นไปหน่อย
ประเด็นถอดใจ นักข่าวถามย้ำแล้วย้ำอีก โฆษกนฤมลก็ย้ำแล้ว-ย้ำอีก
“ไม่มี..ไม่ได้ถอดใจใดๆ ทั้งสิ้น”!
เนื้อความตามท้องเรื่องก็เป็นเช่นนี้ ผมขอสรุปเหตุนำสู่เรื่องที่นายกฯต้องกล่าว “ขอโทษ” ๒ ครั้ง “ผมขอรับผิดชอบคนเดียว” ๓ ครั้ง ในเวลาเดียวกัน
ก็เรื่องที่ฝ่ายค้านโจมตี นายกฯ กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญานไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๑ นั่นแหละ
ก็คง “เป็นจริง” ตามที่ฝ่ายค้านยกขึ้นมา นายกฯ จึงกล่าวคำขอโทษบรรดารัฐมนตรี และบอก “จะรับผิดชอบ” เรื่องนี้คนเดียว!
ถ้าเป็นเช่นนั้น ช่องทางตามคัลลองพึงปฏิบัติมีอยู่แล้ว ด้วย “สุจริตเป็นที่ตั้ง” นายกฯ ก็ทำตามนั้น ทุกอย่างจะได้งามพร้อม และได้เดินหน้าทำงานกันเสียที
คือ ทำหนังสือขอ “พระราชทานอภัยโทษ”
ทำหนังสือกราบทูลฯเพื่อขอ “พระบรมราชานุญาต” เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่
ตามที่ “อาจารย์เจษฎ์ โทณะวนิก” ฐานะอดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เสนอแนะทางพึงปฏิบัตินั่นแหละ
เมื่อทำหนังสือ “กราบบังคมทูล” ขึ้นไปอย่างนั้นแล้ว
การณ์จะเป็นเช่นใด…….ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ “พระบรมราชวินิจฉัย” อันผู้ใดก็มิบังอาจก้าวล่วงได้
ส่วนที่มีบางคนตีความไปว่า เมื่อนายกฯ กล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน เท่ากับ “โมฆะ” นั้น
ในความเห็นผม จะไปไกลมากไป
การเข้าถวายสัตย์ปฏิญญานของรัฐบาลนั้น ได้กระทำครบถ้วนแล้ว
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงรับคำถวายสัตย์ปฏิญาณ และ “พระราชทานพร” แก่คณะรัฐมนตรี ที่เข้าถวายสัตย์ปฏิญญาน เมื่อ ๑๖ กรกฏาคม ๒๕๖๒
นั่นคือ ขั้นตอนเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๑ ครบถ้วนแล้ว รัฐบาลเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้
สำหรับการกล่าวคำถวายสัตย์ฯ ไม่ครบนั้น เป็นคนละประเด็นที่ว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ
นายกฯ ไม่ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญ…..
เพียงแต่ในขั้นตอนกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาน นายกฯกล่าวขาดหายไปบางส่วน ตามที่พูดกันว่า “ไม่ครบ” นั่นแหละ
ก็ทำในส่วนเข้าถวายสัตย์ปฏิญญาน ด้วยข้อความที่ครบถ้วน ตามแนวทางที่อาจารย์เจษฏ์แนะนำ ก็จะสมบูรณ์
ตามรัฐธรรมนูญ นั้น …….
การกล่าวคำถวายสัตย์ฯ ด้วยข้อความไม่ครบ ไม่มีบทบัญญัติโทษไว้ ซึ่งก็ต้องไปดูรัฐธรรมนูญว่า กรณีเช่นนี้ พึงปฏิบัติอย่างไร ในมาตรา ๕ วรรคสอง บอกว่า
“เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับใช้แก่กรณีใด ให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
นั่นคือ ทั้งหลาย-ทั้งปวง กรณีนี้ ขึ้นอยู่กับ “พระบรมราชวินิจฉัย” โดยตรง
เมื่อนายกฯ บอกและย้ำ เรื่องนี้ “ขอรับผิดชอบเอง”
ด้วยวิสัยทหาร …….
การณ์ใดควร-การณ์ใดมิบังควร ท่านรู้และเข้าใจ และหนักแน่น มั่นคง ชัดเจน อยู่ในหัวใจแล้ว
ดังนั้น เมื่อท่านบอกจะแก้ไข รับผิดชอบด้วยตัวเอง ก็เข้าใจว่า ที่ท่านบอกจะแก้ไขนั้น กำลังเป็นไปตามขั้นตอน
ฉะนั้น……..
ใจเย็นๆ พี่น้อง ไม่ต้องผลักอก!
เรื่องลาออกนั้น เลิกพูด ถ้าเกิดนายกฯใจเสาะ คิดจะลาออก งั้น “ยุบสภา” คว่ำกะลา คว่ำชามข้าวไปซะเลยไม่ดีกว่าหรือ
คืนอำนาจให้ชาวบ้าน “ตัดสินใจ” กันใหม่ จะเอาใครเป็นรัฐบาล-เป็นนายกฯ ก็ให้เลือกกันให้ขาดไปเลย จะได้รู้แล้ว-รู้แร่ด
และถ้าอย่างที่ฝ่ายค้านบอก การถวายสัตย์ไม่ครบ ถือว่าโมฆะ
ถามคำว่า “พูดจริงหรือพูดง่าว”?
ถ้าพูดจริง ต้องการอย่างนั้นจริง รัฐบาลเลือกตั้งก็ถอยกลับไปนั่งรอก่อน กรอหนังกลับไปตั้งต้นใหม่ที่
“ยังไม่มีรัฐบาลบริหาร”!
เมื่อยังไม่มีรัฐบาลบริหาร ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ “รัฐบาลคสช.” ก็ต้องกลับเข้ามาบริหารด้วย “องค์รัฐาธิปัตย์” ต่อไป
จะต้องให้ “เบี้ยวมา-ก็เบี้ยวไป” แบบนี้ใช่มั้ย ถึงจะถูกใจ?
ครับ….
มันก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ดาวสภากับดาวรัฐบาลเข้ามุมประลองกำลังกันเท่านั้น
ซักไม่เกิน ๒๐ สิงหา.นายกฯประยุทธ์น่าจะหายไข้ หายหน้าเขียว มีเรี่ยว-มีแรงแทงกลับ
ช่วงอาทิตย์นี้ อาจยาวถึงตุลา.ยอมให้ทั้งฝ่ายตัวเองและฝ่ายแค้น กระทืบยอดอก “แก้บน” ไปก่อน
พวกนี้ ไม่รู้จัก….
ประยุทธ “หนุมานคลุกฝุ่น” ซะแล้ว!
ดร.เทิดสากผู้เชียวชาญยุทธ์ศาสตร์ระดับประเทศชอบใจตีปีกบอกนายกติดกับอยู่ในวงล้อมข้าศึกมีทางออกอยู่นิดเดียวแต่ไม่บอก แต่ผมว่าตอนนี้ฝ่ายชังชาติยังจับจุดนายกประยุทธ์ไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจะไปทางไหนออกอาวุธวนไปวนมาซ้ายทีขวาที ทิ่มทะลวงมาซึ่งหน้า ก็ยังไม่โดนตัวประยุทธ์สักที กองเชียร์ที่ยื่นดูอยู่ข้างสนามกลับเห็นว่าอาวุธเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่นายกประยุทธ์เต็ม ๆ โดนอีกสักดอกสองดอกคงจอดแน่ กลยุทธ์ ลับ ล่วง พราง รวดเร็วราวนินจาเช่นนี้นายพลถังเฉาคงรู้ดี