สันต์ สะตอแมน
ชี้หน้า-ด่าปาวๆ เป็นแผ่นเสียงตกร่อง.. “รัฐบาลเผด็จการ”!
แต่ดูสิ..พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมถอย ยกเลิกขายที่ดินให้ต่างชาติ..ยอมหยุดโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” สู่เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา..
ยอมระงับ โครงการโรงไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ เพียงมีเสียงคัดค้าน และสังคมแสดงความกังวล ไม่สบายใจ!
แล้วนี่..ที่ปากพร่ำเป็น “รัฐบาลประชาธิปไตย” คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะยังดื้อดึง-เดินหน้านโยบายแจก “เงินดิจิทัล” แบบกูไม่สน-กูไม่แคร์ ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเลยหรือ?
ในขณะที่เสียงอื้ออึงทั้งจากนักการเมือง นักวิชาการ สื่อ และทุกภาคส่วนของสังคม ตลอดจน“ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” ทั้งอดีตและปัจจุบัน..
ได้แสดงความกังวล-เป็นห่วงต่อสถานะการเงิน-การคลัง จะทำให้ประเทศเป็นหนี้สาธารณะเพิ่มมากขึ้น!
เออ..และรัฐบาล (ที่อ้าง) เผด็จการน่ะ ตลอด 8-9 ปี นายกรัฐมนตรีไม่เคยจะหิ้วลูกสาวร่วมกับคณะไปทำงานที่ต่างประเทศแม้แต่ทริปเดียว!
ส่วนรัฐบาลประชาธิปไตย ยังไม่ทันครบเดือนบนเก้าอี้..นายกรัฐมนตรีก็หนีบลูกสาวไปต่างประเทศร่วมกับคณะทำงานให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เสียแล้ว
และอ้อ..ก่อนหิ้วลูกสาวขึ้นเครื่องบินเหมาลำไปประชุม UN คุณเศรษฐา ได้ตอบคำถามนักข่าว.. “จะนอนที่ทำเนียบฯเมื่อไหร่”? ว่า “ยังตกแต่งไม่เสร็จ”
และเมื่อนักข่าวถามย้ำ “แต่จะนอนที่ทำเนียบฯใช่หรือไม่” นายกฯยิ้มตอบ “แน่นอนครับ”!
นี่..ถ้าร่วมวงอยู่ตรงนั้นด้วย ผมก็จะถามต่อ “นอนเพื่ออะไรครับ” เพราะงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน-อย่างไร..
ก็ไม่เคยปรากฏมีผู้นำคนไหน ใช้ทำเนียบเป็นที่ค้างแรม?
ซึ่งน่าจะมีเหตุผล..หนึ่ง แต่ละท่านมีครอบครัว จะทุ่มเททำงานหนักเพื่อประชาชน-ประเทศอย่างไร ก็ควรจะต้องกลับบ้านให้เวลา-ความอบอุ่นกับลูก-เมีย (สามี)!
สอง..แต่ละท่านอาจมองว่า การนอนที่ทำเนียบของผู้นำนั้น นอกจากจะเป็นภาระ-ความยุ่งยากให้กับทีมรักษาความปลอดภัยแล้ว..
ยังมีเรื่องของค่าใช้จ่ายอาหารการกิน ค่าน้ำ-ค่าไฟ ซึ่งคงไม่คุ้มกับการนอนทำเนียบของผู้นำเพียงคนเดียวเพื่อสร้างภาพ เอ๊ยประทานโทษ เพื่อ (อ้าง) การทำงาน (เซ็นเอกสาร)!
ผมว่า คุณเศรษฐาไม่ต้องเอาอย่างท่านผู้ว่ากทม.หรอกกระมัง ทำตัว-ทำงานอย่างอดีตนายกฯ ลุงตู่..เช้าเข้าทำเนียบ เย็นกลับบ้าน ก็มี “ผลงาน” บานตะไทแล้ว
ขออย่างเดียวต้องมีใจซื่อสัตย์ทั้งกับตัวเอง ครอบครัว ประชาชน ประเทศชาติ สถาบัน..แม้จะขยันน้อยลงนิด นายกฯลุงนิดก็จะอยู่ในใจ ในความทรงจำที่ดีตลอดไป!
เอ้า..แล้วนั่นคุณชัย ชัชวรงค์ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ได้อธิบายความ.. “สำหรับกรณีบุตรสาวของนายกรัฐมนตรี นั้น เดินทางมาด้วยการออกค่าใช้จ่ายเอง
ซึ่งวิธีการคำนวณนั้นมีอยู่แล้ว หารเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัว คิดเป็นเท่าไหร่ ก็จ่ายเป็นราคาเต็ม และรัฐบาลไทย ก็จ่ายน้อยลง
จึงขอยืนยันว่าการเดินทางมาสหรัฐฯ เพื่อร่วมประชุมของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ โปรแกรมแน่นเอี้ยด และประเทศไทยได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าอย่างแน่นอน”
ก็..หวังจะถูกต้อง และเป็นเช่นนั้น แต่ก็อยากให้ลองฟังความเห็นของคุณสมชัย ศรีสุทธิยากร สักเล็กน้อยที่ว่า..
“คุณชนัญดา บุตรสาวของนายกรัฐมนตรี ที่ร่วมเดินทางด้วยเหตุผลว่า เพื่อช่วยผู้เป็นมารดาในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะภรรยานายกรัฐมนตรี และ ได้ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างเป็นการส่วนตัว
สิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ คือ เครื่องบินที่ใช้เป็นเครื่องบินเช่าเหมาลำ จาก บริษัทการบินไทย ด้วยการเสนอราคาขนผู้โดยสาร 50 คน ไปกลับ ในราคา 30 ล้านบาท
ซึ่งจะบอกว่า ผู้ร่วมเดินทางได้จ่ายเงินในส่วนนี้เองไม่ได้ เพราะไม่ใช่การบินที่สามารถแยกซื้อโดยสารตามที่นั่ง”
ครับ..สองคนยลตามช่อง ใครมองผิด-ใครมองถูกไม่รู้ แต่ที่อยากถาม..
จะหิ้วลูกไปทำไม?
