ปฎิรูป “เริ่มจากไหนก่อน?” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..⬇️

เปลว สีเงิน

ปี ๒๕๖๖ พระโคกินหญ้า
พราหมณ์ทายว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ซะด้วย
“ลานีญา” ทำให้ฝนตกหนักในภูมิภาคนี้ รวมถึงบ้านเรา หลังจากนั้น ก็ตามมาด้วย “เอลนีโญ”

“เอลนีโญ” ทำให้อากาศร้อน แห้งแล้ง แต่มีฝนตก-น้ำท่วม “ในบางที่” ฝนแล้ง-น้ำแห้งชนิดไม่มีให้ขอด “ในบางที่”!

เห็นมั้ย ช่วงนี้ เราจึงเห็น จีนเจอฝนถล่ม น้ำท่วมหลายเมือง ฮ่องกงเอง ถึงขั้น “น้ำท่วมฟ้า-ปลาจะกินดาว”

มาดูที่บ้านเรา หลายพื้นที่ นาแห้งแตกระแหง ข้าวยืนต้นตาย เพราะฝนหน่ายฟ้า

ขณะเดียวกัน เช่นขณะนี้ ที่กาฬสินธุ์ ฝนกระหน่ำหนัก น้ำป่าหลากผสมน้ำฝนไหลเข้าท่วม จนชาวบ้านร้องระงม ใครก็ได้ ช่วยระบายเอาน้ำออกไปที!

แต่สำหรับผม วันๆ ต้องภาวนา ฝนอย่าตก…ฝนอย่าตก เพราะ “สำนักงานใหม่”

ฝนตกทีไร ต้องคว้า กาละมัง ถัง หม้อ วิ่งกันจ้าละหวั่น เอาไปรองน้ำฝน ที่ไหลจู๊ดจากหลังคา ซึมเข้ามาทางฝาผนังบ้าง

ตอนนี้ เลยต้อง “หุ้มทอง” กันน้ำทั้งอาคาร ส่วนหลังคา ช่างปีนขึ้นไปสังคายนา ครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง?

ก็ค่อยยังชั่ว กาละมังใบเดียว ใช้ล้างหน้า-แปรงฟัน พอได้!

แต่เรื่อง ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร ที่นี่ “สมบูรณ์ดี” ไม่น้อยหน้าที่ “รัฐสภาไทย” เลย

จะ “น้อยหน้า” ก็ตรงที่ ภักษาหาร มังสาหาร ที่รัฐสภาเลี้ยง สส.๕๐๐ นั้น
ใช้เงินภาษีชาวบ้านเลี้ยง ถึง ๕ แสนบาท/วัน

“เงินภาษีกู” ใช้ปรนเปรอกัน จนเรอ อ้วก ขนาดให้ขนกลับบ้าน แล้วก็ยังเหลือ แจกแล้วก็ยังเหลือ เผื่อหมา จนหมาวิ่งหนี ต้องทิ้งเน่าบูด

แต่ที่ “ไทยโพสต์” เลี้ยงกันเอง พนักงานมา ซื้อข้าวปลาอาหารกันมาคนละอย่าง-สองอย่าง แล้วกองรวมกันที่ห้องอาหาร

ทั้งสำนักงานใช้แม่บ้านคนเดียว

หน้าที่หลัก “เตรียมหุงข้าว” ไว้รอท่า นอกจากนี้ ก็สัพเพ-สัตตา สุดแต่ว่า วันนี้จะมีใครส่งภักษาหาร มังสาหาร มาทำบุญ-ทำทานพนักงานไทยโพสต์บ้างเท่านั้น

ก็เป็นอย่างพระโคเสี่ยงทายจริงๆ ด้วย
เพราะมีส่งมาแทบไม่เว้นแต่ละวัน มากบ้าง-น้อยบ้าง ไม่มีมาเลยบ้าง แต่สรุปแล้ว “สมบูรณ์ดี” จริงๆ

ผมสงสัย ที่สภาทำไมต้องใช้พนักงานถึง ๓,๐๐๐ คน โรงแรมใหญ่ๆ ยังไม่ขนาดนั้น

พอมาฟังที่เขาสาวไส้กัน ก็สิ้นสงสัย ก็มันเละ ไร้ระเบียบ-ไร้วินัย-ไร้สำนึกกันขนาดนั้นนี่นา

มีห้องอาหารใหญ่ ให้สส.๕๐๐ แล้ว ยังมีห้องเล็ก-ห้องน้อย ต้องคอยยกอาหารตามไปบริการถึงที่อีกตะหาก

แค่นั้นยังไม่พอ ยังต้องยกไปบริการตามห้องส่วนตัวสส.ด้วย!

อีกหน่อย คงมีสส.แปรญัตติ เพิ่มงบประมาณ
ให้สภาจัดหา working woman มาทำหน้าที่คอยป้อนอาหารให้บรรดาท่านผู้ทรงเกียรติตามห้องส่วนตัว

เหมือนภัตตาคารสมัยก่อน
ที่มีหญิงคอยป้อน เรียกสาวประเภทนี้ว่าสาว no hand ตามชื่อภัตตาคาร

สำนักงานไทยโพสต์เก่า ก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่แบบมีสาวคอยป้อนนะ
แต่แบบ ไร้ระเบียบ ทุกคนเอาอาหารไปนั่งกินที่ไหนก็ได้ ที่โต๊ะทำงาน ที่ห้องคอมฯ ตามห้องเล็ก-ซอยน้อย เอาที่สบายกู

ผลคือ กินแล้วซุกถ้วยชาม สกปรก เลอเทอะ เศษอาหารนำมาทั้งมด ทั้งหนู ทั้งตัวร้อยขาที่ตามองไม่เห็น

ที่หนักคือแม่บ้าน หาให้กินแล้ว ยังต้องตามไล่เก็บ-ไล่ล้างถ้วยชาม วันๆ แทบไม่ต้องทำอะไร

งานหลักพนักงาน คือกินแล้วทิ้ง งานหลักแม่บ้าน คือตามเก็บ-ตามล้าง!

ได้บทเรียนจากที่เดิม…….
เมื่อย้ายมาใหม่ ทุกคนห้ามนำอาหารไปกินที่ห้อง-ที่โต๊ะทำงานเด็ดขาด (ยกเว้นผมเพราะเป็นผู้ป่วยเปราะบาง) ต้องมากินรวมกันที่ห้องอาหาร

ตอนนี้ ผมเลย”สบาย”!
ไม่ต้องเสียตังค์ค่าอาหาร หิวก็ไปห้องอาหาร ของใคร ก็ช่าง ใส่ถ้วย-ใส่ชามวางกันไว้บนโต๊ะกลาง ถือเป็น “สาธารณาหาร” ฉวยโอกาส ฟาดเรียบ

แม่บ้านก็สบาย ไม่ต้องไล่ตามเก็บถ้วยชามบูดๆ ตามห้อง สำนักงานก็ไม่เลอะเทอะ (มากนัก)

ข้าวสารก็ เดี๋ยวคนนั้นขนมา-คนนี้ขนมาให้

หมดก็ “โชค-ขาใหญ่” ฝ่ายทีวีออนไลน์ ไปปล้นลูกน้องที่ทำนาต่างจังหวัด “มึง..ส่งมาสังเวยซะไวๆ”!

เนี่ย……..
มองย้อนกลับไปที่ “สัปปายสภาสถาน” ว่าทำไมต้องใช้พนักงานเกือบครึ่งหมื่น?

ก็แหงละ ทั้งสส.-สว.ไม่นับคนติดตาม ก็ร่วมพันคน อัครสภาสถานนั้น ราคารวมแล้ว ไม่หนี ๔-๕ หมื่นล้านบาท
แต่จิตสำนึกคนใช้ แค่ ๔-๕ บาท!

ปล่อยให้ลากอาหารไปกินตามห้องเล็ก-ห้องน้อย ห้องส่วนตัว ซึ่งเป็นห้องทำงาน
นอกจากไร้ระเบียบ-แบบแผนเยี่ยงอารยสถานชนแล้ว

สัปปายสภาสถาน จะกลายเป็น “ตู้เย็น+ตู้กับข้าว” ตามมาด้วยมด ด้วยหนู แมลงสาบ และพวกแบคทีเรีย

แถมต้องเปลืองพนักงานบริการ ต้องตามส่ง ตามเก็บ ตามล้าง ตามเช็ด ตามบริการ เยี่ยงทาสสส.!

งบสถาบัน งบกองทัพ งบวิจัย งบพัฒนา งบเพื่อการศึกษา งบบูรณะโบราณสถานและศาสนวัตถุ ตัดเหี้ยน
แต่งบเพื่อประโยชน์สส.มีแต่เพิ่ม

ทั้งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม เบี้ยบำนาญ นั่งรถ-นั่งเรือฟรี กินอยู่ฟรี
ค่าอาหารหัวละ ๑,๐๐๐ เบิกครบ วันละ ๕ แสน

แต่พอนับหัวเป็น “องค์ประชุม” ปรากฏว่า หมาคาบสส.ไปแดกซะตั้งครึ่ง-ค่อน จนสภาล่มซ้ำซาก

มันอีหยังวะ!?

พูดไป-พูดมา เมื่อวาน ผู้ใหญ่ที่รักใคร่นับถือ “ดร.พจน์-คุณวิจิตรา อร่ามวัฒนานนท์”
ส่งภักษาหารอันประณีตเป็น “ขนมไหว้พระจันทร์” มาให้กล่องเบ้อเร่อ

ปีนี้ ไม่พระจันทร์ก็ผมนี่แหละที่แข่งกันน้ำหนักขึ้น แต่ดูท่าผมจะเบากว่า เพราะพระจันทร์ไม่มี “เบาหวาน” ตามมา เหมือนผม!

รัฐบาล “จากนักการเมือง” วันนี้ ต้องมีคำเท่ติดปาก คือ
“ต้องปฎิรูป”!

ปฎิรูประบบราชการ ปฎิรูปกองทัพ ปฎิรูปตำรวจ ปฎิรูปการศึกษา
แต่ไม่เคยได้ยินพูดว่า “ต้องปฎิรูปนักการเมือง” เลยซักครั้ง!

นักการเมือง คือสส.คงไม่รู้กระมังว่า….
ทั้งราชการ ทั้งกองทัพ ทั้งตำรวจ ทั้งการศึกษา นั่นแค่ส่วนย่อยในส่วนใหญ่ของการเมืองระบบรัฐสภา

สารตั้งต้น “ปฎิรูป” คือ……
นักการเมืองฝ่ายบริหาร คือรัฐบาล และนักการเมืองฝ่ายนิติบัญญัติ คือสภาผู้แทนราษฎร นั่นแหละ

ดังนั้น ก่อนจะไปปฎิรูปคนอื่น “ตัวพ่อ” คือ “พวกสส.และรัฐบาล” ต้องสะท้อนเงาตัวเอง

แล้วปฎิรูป “ทัศนคติ-ความคิด-จิตสำนึก” ตัวเองให้ตกผลึกใน “การพูด-การคิด-การทำ” ก่อน

จากนั้น ถึงค่อยไปปฎิรูป “ตัวลูก” คือ ระบบราชการ ระบบกองทัพ ระบบตำรวจ ระบบศึกษา กระทั่งระบบสื่อ
เหมือนนิทานอีสปเรื่อง “แม่ปูกับลูกปู” นั่นแหละ!

พูดถึงนิทานอีสปแล้วนึกได้ มีครอบครัวที่รักใคร่นับถือกันมานาน คือ “คุณศรีวรรณา กิจพานิช” เจ้าของกิจการ “บริษัท ศรีกิจพานิช จำกัด”

คุณศรีวรรณากับครอบครัว ทำประโยชน์ต่อสังคมไม่เหมือนคนอื่นๆ คือ คนอื่น จะสร้างโน่น-ทำนี่
แต่คุณศรีวรรณา จะพิมพ์หนังสือประเภท “คติธรรม-สอนใจ” แจกตามโรงเรียน ตามสังคมทั่วไป

อย่างเรื่อง “เกลาใจ” ของคุณนุสนธิ์ เป็นต้น
ไม่ใช่เพิ่งทำ ทำมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว พิมพ์หนังสือต่างๆ แจกไปแล้วนับล้านเล่ม อย่าง “เกลาใจ” ไม่เพียงตามโรงเรียนเท่านั้น

ที่ทัณฑสถาน คือในคุก ผู้บริหารอ่านแล้วเห็นประโยชน์ที่จะให้นักโทษได้อ่าน เพื่อการกล่อมจิต-เกลาใจ
คุณศรีวรรณาจัดส่งให้หมื่นเล่ม

ไม่พอ นักโทษสนใจอ่านกันมาก ไม่เพียงนักโทษ ตามวัด ตามสถานศึกษา จากทั่วประเทศ ถึงอยู่นอกคุก แต่ใจติดคุกก็มาก

อ่านแล้ว ขอกันไปที่คุณศรีวรรณามากมาย จนขณะนี้ พิมพ์แจกไปแล้ว ๑ แสนกว่าเล่ม ก็ยังขอมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะตามโรงเรียน

อีกเล่ม ทีแรก ไล่แจกตามโรงเรียน ตอนนี้ โรงเรียนต่างๆ ขอให้พิมพ์แจกอีก เป็นแสนเล่มแล้วเช่นกัน

นั่นคือ หนังสือ “นิทานอีสป” ๒ ภาษา ทั้งไทยและอังกฤษ พร้อมภาพ ๔ สีประกอบ!

ปีๆ ครอบครัวกิจพานิช ใช้เงินเป็นล้านๆ พิมพ์หนังสือคติธรรม ข้อคิด ปรัชญาชีวิตสอนใจ ทำแบบเงียบๆ มาตลอด

ผมเห็นแล้วก็พลอยปลื้มและชื่นชมการ “สร้างคน” ด้วยแนวทาง “สร้างใจ” ของคุณศรีวรรณา

ท่านประธานรัฐสภา “นายมูหะมัดนอร์ มะทา” สนใจ อยากได้ “เกลาใจ” กับ “นิทานอีสป” ไปเกลาสำนึกสส.บ้างละก็
เอากี่แสนเล่ม ผมว่าคุณศรีวรรณาขนไปให้ทันที!

เปลว สีเงิน
๙ กันยายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
โมเดล “ประตูบานแรก”
เปลว สีเงิน ม็อบป่วนเมืองเวลานี้ ……… บางคนว่า “ฮ่องกงโมเดล” บ้าง “ทักษิณโมเดล” บ้าง “สามสัสโมเดล” บ้าง จะโมเดลไหนก็ตาม...
Read More
0 replies on “ปฎิรูป “เริ่มจากไหนก่อน?” – เปลว สีเงิน”