เปลว สีเงิน
เรามาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน ก่อนที่กทม.จะเป็นทะเลดีมั้ย….
ว่า พื้นที่กทม. “การบริหาร” อยู่ในความรับผิดชอบของใคร?
ของผู้ว่าฯกทม.ที่ชื่อ “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์”
หรือ ของรัฐบาลที่ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกฯ?
คำตอบคือ กทม.เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ มีสภากทม.และผู้ว่าฯ กทม.มาจากเลือกตั้ง คนกทม. โดยตรง
- มีนโยบายบริหารของตัวเอง
- มีคณะบริหารของตัวเอง
- มีการเก็บภาษีตั้งเป็นงบประมาณของตัวเอง
- มีพื้นที่กทม.ต้องบริหารราวๆ ๑,๕๖๘ ตารางกิโลเมตร
ทั้งหมดนี้….
“นายชัชชาติ” ที่คนกทม. “ล้านสามแสน” เลือกมา
เป็นผู้รับผิดชอบการบริหารแต่ผู้เดียวโดยตรง ในฐานะ “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร”
รัฐบาล “ไม่มีหน้าที่และอำนาจเข้าไปควบคุม/สั่งการได้ แต่มอบนโยบายให้กทม.นำไปปฎิบัติได้บางกรณี
ในการทำงาน “กทม.กับรัฐบาล” ประสานงานร่วมมือกันได้ กับงานเพื่อส่วนรวมและเพื่อประโยชน์ประชาชน
อย่างกรณีเกิดน้ำท่วมเป็น “อุบัติภัย” ร้ายแรง
กทม.ก็ต้องประสานการทำงานกับรัฐบาล แต่หน้าที่หลักในการปฏิบัติการ เป็นหน้าที่ของคณะบริหารกทม.
เข้าใจตรงกันแล้วนะ!?
ไม่ใช่อะไรหรอก เกรงว่า “ฝนตก-น้ำท่วม” ผู้ว่าฯ กทม.ได้แต่ทำแอ๊บแบ๊ว แล้วก็มีฝูง “ควายน้ำ” โผล่ขึ้นมา โทษรัฐบาล-ด่านายกฯประยุทธ์
ก็จะได้ “ต้อนควาย” กลับไปเข้าคอก “ดินแดง” ได้ถูก!
เมื่อรู้ว่า “ฝนตก-น้ำท่วม” ในกทม.เป็นหน้าที่ของกทม. แล้วคนกทม.รู้มั้ย?
ชัชชาติเขาไปไหน ไม่ค่อยเห็นออกมาย่ำน้ำจ๋อมๆ ไลฟ์สด เหมือนแรกๆ
ก็ไม่ได้ไปขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์ กินโต๊ะกับสัมภเวสีที่ไหนหรอก หากแต่….
เขาประกาศแต่งตั้งให้ “นายขจิต ชัชวานิชย์” ปลัดกทม. เป็น “ผู้บัญชาการเหตุการณ์” แทน
แล้วให้ “รองปลัดกทม.” คุมโซนพื้นที่ต่างๆ เมื่อมีปัญหาน้ำท่วม ต้องลงบัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่!
แล้วตัวผู้แข็งแกร่งในปฐพีในฐานะผู้ว่าฯกทม.ล่ะ
ไปไหน ไปทำหน้าที่อะไร?
ไปเข็นรถ ไปเป็นกระเป๋ารถสองแถว ไปวิ่งแข่งควาย ไปจัดกิจการละลายงบกับแก๊งเอ็นจีโอ ไปงานเดินแฟชั่นโชว์ หรือมัวแต่ไปสร้างความทัดเทียมกันทางเพศ?
ผมก็ไม่รู้นะ ……..
รู้แต่ว่า ตำแหน่งผู้ว่าฯ “ชัชชาติเอา” แต่งานในหน้าที่ “ชัชชาติไม่เอา” โยนให้ปลัดกทม.ทำแทน!?
เห็นแล้วก็ขำ……..
ตอนหาเสียงละก็ คร่อก “ลิงตาย-ควายหลับ” ประกาศ ๒๑๔ ข้อ อะไรก็ง่าย ทำได้ไปหมดทุกเรื่อง เพราะศึกษางาน กทม. ล่วงหน้ามาหลายปี
“ถ้าทำไม่ได้ ใครก็อย่ามาอาสาเป็นผู้ว่าฯกทม.” เฉาฉุ่ยถึงขนาดนั้น!
ไม่อยากถาม แล้วทำไปได้กี่ข้อ ถามแค่บางข้อเกี่ยวกับแก้ไข-ป้องกันน้ำท่วมกทม.ก็พอ เช่น
ข้อ ๑๖๕ จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในระดับเขต ๑๖๖ ลดจุดเสี่ยง จุดเฝ้าระวังน้ำท่วมทันที
๑๖๗ แก้ปัญหาพื้นที่ต่ำ ๕๐ เขต
๑๖๘ ขุดลอกและทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ๓,๐๐๐ กม. ๑๖๙ กวดขันจับ/ปรับการทิ้งขยะลงแหล่งน้ำอย่างจริงจัง
๑๗๒ เพิ่มการขุดลอกคลองรองรับฝนทันฤดู
๑๗๗ เพิ่มแก้มลิงธรรมชาติ พื้นที่รับน้ำให้กรุงเทพฯ ๑๗๘ ปรับปรุงซ่อมแซมแก้ฟันหลอคันกั้นน้ำริมแม่น้ำและคลองสายหลัก
๑๗๙ ทบทวนแผนการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน ๑๙๐ เซ็นเซอร์สูบน้ำไม่ต้องรอขอกุญแจ
๑๙๒ ทบทวนแผนก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียรวม และ เชื่อมต่อท่อรวบรวมน้ำเสียที่มีอยู่เดิม ๑๙๓ แจ้งเตือนฝนตกล่วงหน้าแม่นยำ
ไหน…มีข้อไหนทำไปได้แล้วบ้าง?
ก็ได้แต่ยิ้มเป็นนกปากห่าง รู้ทั้งรู้และพูดเอง ตั้งแต่รับตำแหน่งผู้ว่าฯ แล้วว่า ปีนี้ น้ำมาแน่ ต้องเตรียมแผนรับมือ
แล้วไหนล่ะแผน…?
ตั้งแต่เดือนที่แล้ว ยันตอนนี้ หลายพื้นที่บางเขต ถนนหนทางยังแช่น้ำอยู่เลย
ยังไม่ต้องพูดถึงโครงการตามนโยบายก็ได้ เพราะเป็นงานต้องใช้เวลา
เอาแค่ว่า กับปัญหาเฉพาะหน้าที่คนกรุงเทพฯ ต้องเผชิญอยู่ คือ น้ำท่วมแบบรอระบาย ท่วมคืน-เช้าหาย ก็ไม่ว่า
แต่ทีนี้ หลายซอย-หลายถนน มันท่วมขังเป็นสัปดาห์ นี่ซี
ท่วมขังก็ยังไม่ว่า……
แต่ความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของคนกทม.ยังไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินเลยว่า ทีมบริหารกทม.ของชัชชาติเข้าไปช่วย เข้าไปแก้ปัญหาให้เขาได้อย่างไร?
เข้ามาใหม่ๆ แต่ละคนสรรพคุณเหมือนเทวดาเหาะลงมาเป็นทีมบริหาร ทั้งเลือกตั้ง-แต่งตั้งกันสลอนหน้า ครบทั้ง
แดงทั้งส้ม
แล้วเป็นไง ฝนตกแค่นี้ ตอนอัศวินเป็นผู้ว่าฯเขา “เอาอยู่”
แต่ตอนผู้ว่าฯ “โม้ลิงตาย-ควายหลับ” ไม่เคยเอาอยู่ เอาแต่อ้างสถิติ ปีนั้นท่วมเท่านี้ ปีนี้ท่วมเท่านั้น
แต่งานแก้ไข ไม่ได้ขี้ตีน “อัศวิน-ผู้ว่าฯ”
“ทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ” จำได้มั้ย ใครหว่าพูด?
แล้ววานซืน ตัวชัชชาติ แทนที่จะไปร่วมประชุมกับนายกฯ กลับหลบหน้า
ให้ “ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช” ที่ยกยอปอปั้นกันเหลือเกินว่า เป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉิน” ในฐานะรองผู้ว่าฯ ไปประชุมแทน
แล้วผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์ภัยพิบัติท่านนี้ ก็ออกมาประกาศแผนรับสถานการณ์สุดจะล้ำเลิศว่า
“ฝนอาจตกเพิ่มเติมในช่วงวันที่ ๕-๗ ตุลา.ที่จะถึงนี้ อยากขอความร่วมมือจากหลายๆ หน่วยงาน ให้ Works from Home
หากกลับบ้านให้เร็วขึ้นได้ในช่วงระยะเวลา ๓-๕ วันนี้ ก็จะดีมาก หลีกเลี่ยงฝนตกน้ำท่วม และการจราจรติดขัด”
เฮ้อ……
ปิดกรุงเทพฯ “หลีกเลี่ยงฝนตกน้ำท่วม” ซัก ๗ วันไปเลยเป็นไง นี่ถ้าไม่ระดับผู้เชี่ยวชาญคิดไม่ได้หรอกนะอย่างนี้
นับถือ…นับถือ!
วานซืน เห็นชัชชาติ สั่งย้ายหัวหน้าเขตแบบสลับปรับเปลี่ยนหลายเขต
และวันนี้ (๖ ตค.) จะประชุมคณะผู้บริหารกทม.นี้ มีระดับผู้บริหารสำนักและผู้อำนวยการเขตทั้ง ๕๐ เขต เข้าร่วม
ข่าวว่า ชัชชาติจะแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า จะเปลี่ยนระบบการประเมินผลงานและโยกย้ายใหม่
โดยพิจารณาผลงานกันเป็นราย ๓ เดือน ใครผลงานไม่เข้าตา หรือถูกร้องเรียนมากๆ จะถูกย้ายออกทันที!
“เมื่อก่อนข้าราชการพอได้ตำแหน่งปรับย้ายประจำปีก็สังสรรค์ เฮฮา กันทั้งวัน
แต่ยุคชัชชาติ เรามีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนเร่งสร้างผลงานให้ประชาชนพอใจ
เพราะ ๓ เดือน สามารถวัดหรือประเมินผลงานได้แล้ว ถ้าคุณทำไม่ดี ทำไม่ได้ คือแย่จริงๆ ต้องถูกปรับย้าย ให้คนอื่นมาแทน
เราจะไม่ยอมให้เขานั่งอยู่ตำแหน่งนั้นเป็นปีๆ ค่อยมาปรับย้ายประจำปีเหมือนที่ผ่านมา”
นี่…เขาว่างั้น ผมก็ไม่ว่าไง เพราะเป็นนโยบายของเขา
แต่พิลึก ….
ยามนี้ น้ำประหนึ่งข้าศึกกำลังรุกประชิดเข้ามาติดหน้าด่าน แทนที่จะระดมขุนศึก แม่ทัพ-นายกอง ประจำตำแหน่ง
รักษาเมืองก่อน
กลับหมกมุ่นกับการโยกย้าย ทำให้เกิดช่วงว่างคนบริหารปัญหาท้องที่และชาวบ้านในพื้นที่
และไปเอาความคิดจากไหนมา ไอ้นโยบาย “ปรับย้าย” เป็นราย ๓ เดือนน่ะ?
ทำส้วมยังไม่เสร็จหลังเลย ก็จะ ๓ เดือนแล้ว ต้องปรับย้ายกันอีกแล้ว ๑ ปี มี ๔ ไตรมาส ก็จะมีปรับเปลี่ยนหัวหน้าเขตกัน ปีละ ๔ ครั้ง
กูจะบ้าตาย!
๓ เดือนที ประเมินผลงานปรับย้ายที ก็อยากถามชัชชาติว่า ตอนเข้าปฎิบัติหน้าที่ ให้สัญญาตัวเองไว้ใช่มั้ย ว่า
“เราไม่มีเวลาไปทดลองงาน วันแรกต้องทำงานทันที และทุกอย่าง ต้องวัดผลได้ ๑๐๐ วัน ก้าวหน้าไปแค่ไหน”
เอ้า…ชัชชาติ
วัดผลได้ตัวเองในรอบ ๑๐๐ วันซิ ว่ามีผลงานอะไรก้าวหน้าไปบ้าง?
ใช้หลักเดียวกับที่ใช้กับหัวหน้าเขต ก็จะมีคำตอบออกมาว่า
ปรับย้ายหรือไม่ก็ “ลาออก” ยกชุดกันได้แล้ว!
เปลว สีเงิน
๖ ตุลาคม ๒๕๖๕
