คลิกฟังบทความ…⬇️
เปลว สีเงิน
แล้ววันสุดท้าย “๙ ปี” ของ “ลุงตู่” ก็มาถึง
๓ โฆษกสาวทำเนียบฯ
รัชดา ธนาดิเรก,ไตรศุลี ไตรสรณกุล, ทิพานัน ศิริชนะ
ทำให้คนครึ่งค่อนประเทศ พลอยน้ำตาไหล-ร้องไห้ตามพวกเธอไปด้วย เมื่อเช้าวาน (๓๐ สค.๖๖)
ยิ่งคุณไตรศุลี ปล่อยโฮสุดกลั้น แล้วโผเข้ากอด
อีกสองสาวกระซิกซ่อนน้ำตาพรู เข้าซบซ้าย-ขวาด้วยแล้ว
ภาพ “ลุงตู่” ไม่ต่าง “แม่ไก่”
น้ำตาซ่อนใน กางปีกโอบป้องลูกน้อยทั้งสามยามกระเจิงขวัญ ในวันแม่จาก
๑ ภาพ นั้น เป็นภาพแทนใจผู้คนอีกหลายสิบล้าน
กับผู้ชายคนนี้ อยู่ก็ก่นด่า บ้างก็ว่าเบื่อ เมื่อไหร่จะไปซะที
พอรู้ว่า นี้ค่าคู่เมือง ก็ตอนจากลา
ใจหาย…….
เมื่อผู้ชายคนนี้ต้องไป รัก..อาลัย..คิดถึง และน้ำตา ก็ผุดออกมา จากก้อนเนื้อหัวใจ
แต่ชายคนนั้น ก็จำต้องไป เงยหน้ามองเพดาน น้ำตากลั้น ก้าวลาจาก
๙ ปี ตรากตรำ หว่าน-ไถ เลี้ยงชาติ
ฝน “เม็ดแรก” เพิ่งจะหยาดประโลม
กระนั้น ใจประหนึ่งนาแล้ง…ถึงแย้มฟ้า ก็จำลาทำเนียบ
แต่กับ “ดิน” ไม่อำลา
ซักวัน…ถ้ามี อาจกลับมา หน้าซบหน้ากันอีก!
แล้ว “รัฐบาลเศรษฐา” จะเข้าทำเนียบมาว่าราชการงานเมืองแทนรัฐบาลลุงตู่วันไหนล่ะ?
ไม่รู้นะ แต่คงจะ very soon เห็นว่าโผครม.ลงตัว เตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว
ตอนแรก ผมบอกรัฐบาลเศรษฐา อยู่ได้ชนิด ๔+๔ ปี แต่เห็นรายชื่อคนมาเป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยบางคนแล้ว
หนักใจแทนเศรษฐา!
เพราะมันชัดว่า กระทั่งตัวเศรษฐาในตำแหน่งนายกฯ เองก็แค่ “หุ่นเชิด”
ทำไมผมจึงว่าอย่างนั้น?
ก็หลายคนที่เอามาเป็นรัฐมนตรีมันฟ้อง แสดงถึงเศรษฐา “ไม่มีน้ำยา” ในการพิจารณาคัดสรรเลย
ทุกอย่าง “ชี้ตัว-สั่งตรง” จากนักโทษโกงบ้าน-กินเมืองที่ตั้งกองบัญชาการอยู่ห้อง “รอยัล สวีท” ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจทั้งนั้น!
ตัวอย่างชัดๆ ระหว่างนายชูศักดิ์ ศิรินิล กับนายพิชิต ชื่นบาน ที่เอามาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ทำหน้าที่ “เนติบริกร” ให้รัฐบาล
แรกๆ เป็นชื่อนายชูศักดิ์ ก็โอเค.เป็นมือกฎหมาย ระดับอธิการบดี ม.รามคำแหง
แต่สุดท้าย คนเข้าโผกลับเป็นนายพิชิต ชื่นบาน!
รู้กันทั้งบ้าน-ทั้งเมือง ว่านี่คือ “ทนายถุงขนม” ประจำตัว-ประจำครอบครัวชินวัตร ติดคุกมาแล้ว ๖ เดือนด้วยซ้ำ
ขอถามนายเศรษฐา…
ถ้าคุณมีอำนาจในฐานะนายกฯ จริง กล้าเอาคนอย่างนี้มาตั้งเป็นมือกฎหมายให้รัฐบาลหรือ?
ไม่กล้าแน่!
แต่ทำไมเอามาล่ะ ก็เพราะคุณเป็น “นายกฯ หุ่น” นั่นแหละ นักโทษกดปุ่มมาจากชั้น ๑๔
คุณจึงต้องเป็น “นายเสงี่ยม ห้อยสงบ”!
อ้างกันข้างๆ คูๆ ว่า ที่ติดคุก ๖ เดือน นั่นเป็นแค่คำสั่งศาล ไม่ใช่คำพิพากษาศาลบ้าง ติดเกิน ๑๐ ปีมาแล้วบ้าง
เห็นชาวบ้านเป็นควาย ที่อ่านกฎหมายไม่รู้-ดูกฎหมายไม่ออกรึไง?
ไปเฉไฉยกเอามาตรา ๙๘ เรื่องคุณสมบัติคนที่จะสมัครสส.มาอ้าง นี่เป็นการตั้งเป็นรัฐมนตรี ก็ต้องดู มาตรา ๑๖๐(๔)
(๕)(๗)ด้วย เป็นหลัก
(๔)มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
(๕)ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
(๗)ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
การเอาถุงขนม “เงินสด” ๒ ล้านไปให้เจ้าหน้าที่หวังติดสินบนศาล
แค่นี้ ยังไม่ต้องไปพูดเรื่องติดคุก
เอาความเป็นคนตอบก่อนซิ ว่า……
-แบบนี้ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มั้ย?
-เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่ร้ายแรงใช่หรือไม่?
แล้วเอาคนอย่างนี้น่ะหรือเข้าไปเป็นรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นมือกฎหมายให้รัฐบาล?
ลาง “ฉิบหาย” มันฉายแววมาก่อนรัฐบาลเกิดแล้วนะแบบนี้
ไม่แปลกเลย ที่เขาจะตั้งฉายารัฐบาลเศรษฐา ว่า
รัฐบาล “ถุงขนม”๑!
ยิ่งมองตัวคนที่เอามาเป็นรัฐมนตรีบางคน ชัดเลย “เก้าอี้สมนาคุณ” ในการเกณฑ์คน-คนขนมาปฎิบัติการ “แดงทั้งแผ่นดิน” บ้าง
ผสม “ส้ม+แดง” เป็นรุ่นใหม่จลาจลเมืองในปฎิบัติการ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” บ้าง
เป็นคน “คุมบัญชี” และเป็น “หัวจ่าย” กระจายเงินตามนายสั่งบ้าง
เศรษฐารู้-ไม่รู้ ก็ต้องรู้ ถ้าโง่ แค่ปลูกบ้านขายไม่รวยขนาดนี้ได้หรอก แต่ทำไงได้ อยากเป็นนายกฯ ก็ต้องยอม
แต่มันไม่รอดแน่ ใครก็ไม่ต้องป่าวร้อง-แหกปากประโคมเรื่่องทหารยึดอำนาจ
เพราะขืนปล่อยไปแบบนี้ รัฐบาลเศรษฐาติดโรค “ถุงขนมโป่งพอง” ตายหมดทั้งคณะเอง!
ย้อนกลับไป ๑๗-๑๘ ปีก่อน ก็ตกราวๆ ปี ๒๕๔๘-๒๕๔๙
ก็ให้รัฐบาลเศรษฐาอยู่ไปซักปี-ครึ่งปี ราวๆ ๒๕๖๗-๖๘
แล้วคอยดูตอนนั้น……..
เหตุการณ์คล้ายๆปี ๒๕๔๙ จะย้อนกลับมาให้เห็นอีกหรือไม่?
นี่ผมไม่ได้ “หวังร้าย” กับเศรษฐานะ หวังดีและเอาใจช่วยด้วยซ้ำ แต่ดูเพื่อไทยคัดคน “บางคน” เป็นรัฐมนตรีแล้ว
ปฎิเสธไม่ได้ว่า ทักษิณ “กั้นม่าน” สั่งการโดยตรง!
ครม.เศรษฐา สมมติอยู่ ๒ ปี
กาหัวได้เลย ๖ เดือน “ปรับครม.” เพื่อเวียนเทียนเก้าอี้รัฐมนตรีกันครั้ง ฉะนั้น ๒ ปี จะปรับครม.อย่างน้อย ๔ ครั้ง!
มาดูนักโทษเทวดากันบ้าง ว่าออกจากก้อนเมฆหรือยัง?
ยังหรอก!
แต่เรื่อง “ขอพระราชทานอภัยโทษ” ท่านรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม “โยนหินปูทาง” แล้ว
นักข่าวถาม “เรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ เขายื่นมาหรือยัง?
รองฯวิษณุตอบว่า
“เห็นว่าถ้ายื่นแล้ว กระทรวงยุติธรรมก็ต้องตรวจสอบอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะหลักฐานทางการแพทย์
ซึ่งตอนนี้เอกสารที่มีอยู่หนาเป็นปึกเลย และเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น
ก็ต้องไปเดือดร้อนที่จะต้องแปลกันอีก ดังนั้นต้องให้เวลาเขาหน่อย”
ชัดเป๊ะ!
ทักษิณเพียงได้ชื่อว่านักโทษ แต่พูดกันตามตรง
ทักษิณยังไม่ได้ติดคุกเป็นการรับโทษคุก ๓ ปีจริงๆ ตามคำตัดสินศาลเลย!
มาพักเหนื่อยในกำแพงคุกไม่กี่ชั่วโมง
ราชทัณฑ์ยุค “ถุงขนมโป่งพอง” เสก ฮ.วิเศษ อัญเชิญไปพำนัก ณ “รอยัล สวีท” จนบัดป่านนี้
ถ้าแบบนี้ ต่อไป ใครมีคดีขึ้นศาล เตรียม ๒ ทางพร้อมกันไปเลย
ทางแรก เตรียมทนายว่าความในศาล
ทางที่สอง เตรียมคนร่างขอพระราชทานอภัยโทษ
ถ้าศาลตัดสินจำคุกปั๊บ ก็ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษปุ๊บ ควบคู่กันไป!
เห็น “พระเจ้าแผ่นดิน” เป็นอะไรกัน หือออ?
ไอ้พูดน่ะ…พูดได้ “ทุกคนเมื่อเข้าคุก มีสิทธิ์ขอพระราชทานอภัยโทษได้ทุกคน-ทุกเวลา” นั่นน่ะ
กฎหมาย ต้องใช้ควบคู่กับความสำนึก
อย่าทำ-อย่าชี้ช่อง ประหนึ่ง “พระมหากษัตริย์” ทรงเป็นตรายาง ในทางลบล้างโทษทั้งคนดีที่พลั้งพลาดและทั้งคนโฉดโดยสันดานแถมตั้งใจ
เอาละ…ดึกแล้ว เดี๋ยวไทยโพสต์ “ตกรถ” เพราะผมอีก
นายกฯ เศรษฐา ผมไม่ได้รัก พอๆ กับผมก็ไม่ได้เกลียด
ตัวท่านเองนั่นแหละ…
ซักวัน ท่านจะต้องเกลียดตัวเอง ถ้าไม่แข็ง!
เปลว สีเงิน
๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖