รองนายกฯ พลเอก ประวิตรฯ หารือ รมช.กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนฯ ชื่นชมพัฒนาการในความสัมพันธ์ไทย-จีนที่ใกล้ชิด พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

8 สิงหาคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องรับรองรองนายกรัฐมนตรี ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายสวี่ กานลู่ (H.E. Mr. Xu Ganlu) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน

เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีให้การต้อนรับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนฯ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองและหัวหน้าฝ่ายกงสุล กระทรวงการต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Directors-General of Immigration Departments and Heads of Consular Affairs Divisions of Ministries of Foreign Affairs : DGICM) ครั้งที่ 26 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีน มีความสำคัญต่อนโยบายต่างประเทศของไทยมาอย่างต่อเนื่องเสมอมาไม่ว่ารัฐบาลใด และไทยยึดมั่นนโยบายจีนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงที่กลับมาเป็นปกติ อย่างไรก็ดี รองนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและจีนยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก ทั้งสองฝ่ายจึงควรร่วมมือกันขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านความมั่นคง ให้ก้าวหน้าและเป็นรูปธรรมมากขึ้น

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนฯ ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าเยี่ยมคารวะ พร้อมทั้งชื่นชมรองนายกรัฐมนตรีที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนมาโดยตลอด โดยความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนที่ใกล้ชิดกันมายาวนาน และมีความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ตลอดจนเห็นพ้องกับรองนายกรัฐมนตรีในการยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน

โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการขยายขอบเขตความร่วมมือในการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย – จีน ตามฉันทามติของผู้นำทั้งสองฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้

ความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งสองฝ่ายยินดีที่หน่วยงานของทั้งสองประเทศได้ร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเห็นพ้องร่วมกันยกระดับกลไกความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง เพื่อความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมต่อไป โดยรมช.กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนฯ ต้องการให้ไทยพิจารณาความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายในบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงและแม่น้ำล้านช้าง ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณนี้ด้วย

ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และยินดีที่ฝ่ายจีนได้พยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ร่วมกับฝ่ายไทยอย่างแข็งขันต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหา call center โดยทั้งสองฝ่ายเห็นควรใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ เพื่อเป็นกรอบในการหารือแนวทางรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงอาชญากรรมข้ามชาติ

ความร่วมมือในการตรวจคนเข้าเมือง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันแสวงหาแนวทางเพิ่มพูนความร่วมในการตรวจคนเข้าเมืองระหว่างกัน และหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายจะมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดต่อไป

ในตอนท้าย รองนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจต่อรัฐบาลและประชาชนจีน กรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงปักกิ่ง และมณฑลเหอเป่ย โดยเชื่อมั่นว่า ด้วยการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลจีน จะสามารถช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว

Written By
More from pp
นายกฯ ติดตามการจัดการเวชภัณฑ์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด – 19 ยืนยัน “ฟาวิพิราเวียร์” มีเพียงพอ กระจายยาไปแล้วทุกจังหวัดทั่วประเทศกว่า 72.52 ล้านเม็ด
30 มีนาคม 2565 – นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด...
Read More
0 replies on “รองนายกฯ พลเอก ประวิตรฯ หารือ รมช.กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนฯ ชื่นชมพัฒนาการในความสัมพันธ์ไทย-จีนที่ใกล้ชิด พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม”