เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เวลา 16.00 น.ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) มีการประชุมส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพื่อหารือเรื่องการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 19 กรกฎาคม โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครทสช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานวิปพรรค โดยมี สมาชิกเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) แถลงภายหลังประชุมส.ส.ของพรรคว่า พรรคได้มีการประชุมในประเด็นการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 19 กรกฎาคม โดยมติพรรคเห็นว่าในการเสนอญัตติเลือกนายกรัฐมนตรียังเป็นมติเดิมที่เคยมีการพิจารณาผ่านไปและตกไปแล้ว
การจะนำญัตติดังกล่าวมาเสนออีกครั้งพรรคเห็นว่า เป็นการกระทำผิดข้อบังคับการประชุมของรัฐสภาในข้อที่ 41 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่สามารถนำกลับขึ้นมาพิจารณาได้ใหม่อีกครั้งในสมัยประชุมปัจจุบัน แม้จะมีข้อยกเว้นว่า จะสามารถกระทำได้หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าสถานการณ์จากสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ทั้งการยืนยันที่จะมีการนำเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี หรือการที่พรรคก้าวไกลยังยืนยันที่จะเข้าไปแก้ไข ม.112 ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร สถานการณ์ทุกอย่างยังคงเดิม
ดังนั้นพรรคจึงเห็นว่าไม่สามารถนำญัตตินี้เข้ามาพิจารณาได้อีก และหากมีการนำเสนอญัตตินี้เข้ามาในสภา สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติจะขึ้นอภิปรายชี้แจงและขอเหตุผลจากประธานรัฐสภา ว่าเหตุใดจึงยกมตินี้ขึ้นมาพิจารณาซ้ำอีก
ทั้งนี้ พรรคได้มอบหมายให้นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฐ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค และตนเป็นผู้อภิปรายในการประชุม หากประธานรัฐสภานำญัตติเสนอชื่อนายพิธากลับมาพิจารณาโหวตเลือกเป็นนายกฯอีกครั้งถือว่า ผิดระเบียบการประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนำเสนอชื่อจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติจะดำเนินการอย่างไร โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า พรรคยังคงยืนยันว่าหากยังคงมีพรรคที่มีนโยบายที่ต้องการแก้ ม.112 เป็นองค์ประกอบ พรรคก็จะไม่โหวตให้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเอาหางเป็นหัว หรือเอาหัวไปเป็นหาง ถ้าองค์ประกอบยังคงเป็นเหมือนเดิมพรรคก็จะไม่สนับสนุนอย่างแน่นอน และนี่เป็นความชัดเจนของพรรครวมไทยสร้างชาติมาโดยตลอด