เปลว สีเงิน
ตกลง คำว่า “แป๊บๆ” นี่….
มันหมายถึง “เร็ว” หรือ “ช้า” กันแน่นะ ชักสับสนแฮะ?
เพราะเห็นพูดกันว่า
เลือกตั้งแป๊บๆ ผ่านไป ๓ เดือน ยังตั้งรัฐบาลยังไม่ได้เลย
นี่ “แป๊บนึง” หมายถึง ๓ เดือน!
ตอน “ยิ่งลัษณ์” โทรหาบุญทรง ที่รอฟังคำตัดสินคดี “ทุจริตข้าวจีทูจี” อยู่ที่ศาล เมื่อ ๒๕ สค.๖๐
ยิ่งลักษณ์บอกบุญทรง “รอแป๊บนะ เดี๋ยวถึง”
แป๊บนึงของยิ่งลักษณ์ จนถึงวันนี้ ก็ปาเข้าไป ๖ ปีแล้ว และทีท่า “แป๊บนึง” ของยิ่งลักษณ์
จะเป็น “แป๊บ” ระดับอินฟินิตี้!
เพราะโทษคุก ๕ ปี เจ้าหล่อนตั้งท่า “หนีนิรันดร์”
แต่อาจกลับก็ได้นะ
เพราะเพื่อไทยประกาศเป็นนโยบาย “รีบด่วน” แล้วว่า เป็นรัฐบาลปุ๊บ ประชุมครม.วาระแรกปั๊บ
เรื่องแรก ที่จะลงมติเห็นชอบทันที คือ
ให้ตั้งสสร. “เขียนรัฐธรรมนูญใหม่” ใช้แทน ฉบับ “ปราบโกง” ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน!
แต่จะได้เขียนกันใหม่หรือเปล่า ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะการตั้งรัฐบาล “สลายขั้ว-สมานฉันท์” เป็นรัฐบาลพิเศษของเพื่อไทย นั้น
เงื่อนไข “อยู่กินกันก่อน” แล้วแต่งกันทีหลังนั้น ดูท่าบรรดาเจ้าสาว ทั้งภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา กระทั่ง รวมไทยสร้างชาติ ยกเว้นพลังประชารัฐ
บอกว่า “ไม่เอาหรอก….
ต้องแต่ง “แบ่งกระทรวง” กันให้ลงตัวก่อน แล้วค่อยเข้าห้องหอนอนรอเป็นเจ้าสาว
คน “รู้ทัน” นี่ เกลียดนักเชียว!
ความจริงก็ต้องอย่างนั้น ขืนให้เพื่อไทย “เจาะไข่แดง” ก่อน นึกหรือว่า เมื่อเพื่อไทย “ได้เป็นนายกฯ” เสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว ร้อยคำสัญญาที่ให้ไว้ มันจะไม่กลายเป็นอื่น?
“พรหมจรรย์” ไม่มีอะไหล่ พลาดท่า เสียแล้ว-เสียเลย
และสันดานผู้ชาย ก่อนได้กับหลังได้ ใครๆ เขาก็รู้
ดังนั้น บรรดาเจ้าสาวที่เพื่อไทยจีบไว้ร่วมหอ จึงหนีบขา ตั้งเงื่อนไข
ต้อง “แบ่งกระทรวงก่อนแต่ง”!
มันก็ยากนะ จนอยากเขียนรัฐธรรมนูญให้มีรัฐมนตรีได้ซัก ๕๐ คน ๕๐ กระทรวง จะได้แบ่งกันให้ครบก้น แต่นี่ มันมีได้แค่ ๓๕ คน มันก็จนใจ
นี่ก็หนึ่งปวดหัวของเพื่อไทยเขาละ
ปวดหัวที่สอง แม้จะได้พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติมาร่วม รวมเสียงแล้วตั้ง ๓๐๐ กว่า และทีท่าสว.ก็จะโหวตให้
แต่…..
มาติดอยู่ที่ “เศรษฐา” คนที่จะเสนอให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯนั่นแหละ
สว. “สายแข็ง” บอก เศรษฐา “สอบตก” ด้านคุณสมบัติ และด้านความน่าไว้วางใจ ว่าเป็นนายกฯแล้วจะไม่แก้มาตรา ๑๑๒ ก็ไม่มี
เพราะตอนหาเสียง เศรษฐาโขมงโฉงเฉง เป็นนายกฯวันไหน แก้มาตรา ๑๑๒ วันนั้น!
กรอกทัมใจไปซอง ตบตูดด้วยบวดหายอีกซอง เพื่อไทยก็ยังไม่หายปวดหมอง บุญคล้ายมี แต่กรรมเก่าประดัง เป็นด่านกั้น พี่อ้วนงี้…หัวหมุนเป็นกังหัน
รออย่างเดียว รอสัญญาน “คนแดนไกล” จะตัดสินใจยังไง?
จะเปลี่ยนตัว ส่งอุ๊งอิ๊งลงแทน หรือจะทู่ซี้ ส่งเศรษฐา?
แต่ถ้าเศรษฐาไม่ผ่านซวยแน่
ต้องเวียนสิทธิจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคอันดับ ๓ คือ “ภูมิใจไทย” ทำหน้าที่แทน
ดูแล้ว มันนุงนังเหมือนหนังตะลุงเชิด เวลาก็กระชั้นวันที่จะประชุมรัฐสภาโหวตรอบใหม่
สรุปแล้ว ถึง ณ วันนี้ เพื่อไทยก็ยังตอบชัดไม่ได้ว่า งานนี้ จะออกลาบหรือออกก้อย?
เอาที่แน่ๆดีกว่า พรุ่งนี้ ๑๖ สิงหา. เวลา ๐๙.๓๐ น.
รอฟัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” กรณีโหวตพิธาซ้ำได้หรือไม่ ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างใด?
คือ ศาลฯจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่รับ
ถ้าไม่รับ การโหวตเลือกนายกฯก็เดินหน้าสบายๆ แต่ถ้ารับ ก็ต้องเบรกรอคำวินิจฉัย อย่างน้อยก็ไปโน่นแหละ
อย่างเร็ว กลางกันยา.!
เว้นแต่ว่า “ถ้ารับ” ศาลไม่กำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวให้ปฎิบัติก่อนมีคำวินิจฉัย
“รับ-ไม่รับ” ผมว่า ๕๐/๕๐
เพราะดูตามคำสั่งจากคราวที่แล้ว ศาลขอหลักฐานเพิ่มเติม ว่าสถานะบุคคลของคณะผู้ร้องเรียนทั้ง ๓ เป็นประชาชนหรือสมาชิกรัฐสภา
หมายถึงเป็นผู้มี “ส่วนได้-ส่วนเสีย” ในเรื่องนี้โดยตรงหรือเปล่า?
ในข้อเท็จจริง พิธาตะหาก คือผู้มีส่วนได้-ส่วนเสียโดยตรง แต่พิธาไม่ได้เป็นผู้ร้องให้ศาลฯวินิจฉัย
ที่สำคัญในความเห็นผม อยู่ตรงศาลฯอ้างเหตุในการพิจารณาสั่งคำร้องนั้น ความว่า
“ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม และเอกสารประกอบแล้ว เห็นว่าคำร้องนี้ มีประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
และมีประเด็น ……..
เชิงหลักการ “การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติม
จึงให้เลื่อนการพิจารณาสั่งคำร้อง….ฯลฯ”
นี่แหละ ผมให้น้ำหนักตรงนี้ แต่ไม่เป็นไร อีกอึดใจพระพุทธ ก็รู้ผลคำวินิจฉัยศาลฯแล้ว ในตอนเช้า
และตกบ่าย ก็จะรู้ผล งวด ๑๖ สิงหา.ว่าออกอะไร ผมฝันว่า งวดนี้จะถูกเลขท้าย ๒ ตัว ๑๖ เพราะกวาดซื้อจากแอปเป๋าตังไว้เต็มภิกขา!
แต่หวยที่จะพลิกล็อกถึงขั้นตลาดพัง น่าจะเป็นหวยกกต.เพราะอ่านข่าวเมื่อวานว่า
“นายอิทธิพร บุญประคอง” ประธานกกต.บอก สำนวนการสอบสวน “นายพิธา-หน้าพรรคก้าวไกล”
กรณี “รู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งสส.แต่ยังลงสมัคร ตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง มาตรา ๑๕๑
เนื่องจาก มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งสส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๘(๖)เพราะเหตุมีชื่อถือครองหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด มหาชน” นั้น
ตอนนี้ คณะกรรมการไต่สวนได้ส่งผลมาแล้ว
ผลสอบที่คณะกรรมการไต่สวนดำเนินการสืบสวนไต่สวนเสนอความเห็นว่า
“เห็นควรให้ยกคำร้อง”!!!
ด้วยเหตุผลว่า……….
“การดำเนินการตามมาตรา ๑๕๑ เป็นคดีอาญาที่ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน
แต่ขณะเปิดสมัครรับเลือกตั้ง สส.วันที่ ๔-๗ เมษา.๖๖ ไม่พบว่า “บริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน” มีการประกอบกิจการอยู่และมีรายได้จากการทำสื่อ”
อุ๊ย…..
“น่ารัก-นาชัง” จังเลย!
แต่นั่น เป็นชั้นคณะกรรมการไต่ส่วน
ตอนนี้ กกต.จ่ายสำนวนให้ “คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง” พิจารณาต่อ ก่อนเสนอให้ กกต. “ชุดใหญ่” วินิจฉัยชี้ขาด
ฟังดู เหมือนขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ แต่เหลาลงไป ใกล้จะเป็นบ้องกัญชานะ!
ระวังนะครับ “ชื่อเสียง” กกต.ชุดนี้ ยิ่งกระเดียดไปทาง “ชื่อเสีย” อยู่ด้วย กรณี iTV เป็นสื่อหรือไม่เป็นสื่อ มีกรอบกฎหมายและมีคำตัดสินเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้วหลายคดี
แต่ชุดไต่สวน กลับบอกว่า….
“ขณะเปิดสมัครรับเลือกตั้ง สส.วันที่ ๔-๗ เมษา.๖๖ ไม่พบว่า “บริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน” มีการประกอบกิจการอยู่และมีรายได้จากการทำสื่อ”
แล้วขณะอื่นล่ะ พบมั้ย ทำไมจึงไม่พบเฉพาะ ๔ วันที่เปิดรับสมัคร สส.ล่ะ?
และในทางกฎหมาย บริษัทเป็น “นิติบุคคล” ต้องจดทะเบียนกับ “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า”
การจะดูว่ายังเป็นบริษัทประกอบธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่จดแจ้งไว้หรือไม่ เขาดูที่ว่าประกอบกิจการอยู่ และดูว่ามีรายได้หรือไม่อย่างนั้นหรือ?
ไม่น่าใช่นะ…….
ในฐานะคนประกอบธุรกิจสื่อ มีประสบการณ์ว่า ตราบใดยังไม่จดทะเบียนเลิกบริษัท
คุณจะประกอบ-ไม่ประกอบกิจการอยู่ก็ตาม ตราบนั้น ทางกฎหมาย ถือว่ายังประกอบกิจการอยู่ ต้องส่งงบการเงินทุกปี
จนกว่า…….
-จดทะเบียนเลิกบริษัท
-เคลียร์บัญชีสินทรัพย์และหนี้สิน
-ส่งภาษีให้ครบถ้วน และแจ้งเลิกกิจการกับสรรพากร
-แจ้งเลิกบริษัทกับประกันสังคม
-ทำงบการเงิน ณ วันเลิกบริษัท และจดชำระบัญชี
นี่พูดตามทางปฎิบัติทั่วไปนะ
สำหรับเรื่อง หุ้น iTV พิธา ชุดคณะกรรมการไต่สวนซึ่งเป็นนักกฎหมาย เขาอาจใช้แว่นวิเศษส่องก็ได้ จึงเห็นลึกซึ้งกว่ามนุษย์มนา
เอาละ วันนี้ ไม่มีเรื่องคุย แค่แค่นให้จบไปวันๆ
ห่วงแต่กกต.เท่านั้น
เรื่องที่จบ กกต.นั่นแหละ ระวัง จะ “จบไม่สวย”!
เปลว สีเงิน
๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖