ผักกาดหอม
อืมมมมม…………….
“ด้อมส้ม” เหวี่ยงหนัก เพราะราวกับว่ามีขบวนการขัดขวางไม่ให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ด้อมส้มกลับไม่ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมนักการเมืองระดับบิ๊กแบบนี้ ไม่จัดการกับคุณสมบัติของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะสมัคร ส.ส.
การเตรียมความพร้อมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันสะท้อนว่าคนคนนั้นเป็นคนแบบไหน
เรื่องหุ้นสื่อ ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีตัวอย่างให้เห็นกันเยอะแล้ว และถูกเชือดไปหลายคน แต่ “พิธา” กลับมาพลาดในเรื่องเดิมๆ
นี่คือบุคคลที่จ่อจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐ นะครับ ไม่ใช่นายก อบต.
ความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วานนี้ (๑๐ กรกฎาคม) จึงกลายเป็นที่เขย่าขวัญสำหรับพรรคก้าวไกล และด้อมส้ม
ทัวร์ลงไปเรียบร้อย กกต. กลายเป็นหนึ่งในขบวนการขวาง “พิธา”
ครับ…มีรายงานข่าวจาก กกต.ว่า กกต.จะพิจารณาคดีหุ้นไอทีวีของ “พิธา” ที่ กกต.รับเรื่องไว้ เพราะ “พิธา” เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้ง แต่ได้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดฝ่าฝืนมาตรา ๑๕๑ ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญภายในสัปดาห์นี้
ก็เป็นเรื่องสิครับ!
รัฐสภาจะเลือกนายกฯ วันที่ ๑๓ กรกฎาคมนี้อยู่แล้ว
ปกติ กกต.จะประชุมประจำสัปดาห์ทุกวันจันทร์และอังคาร
ทุกสายตาก็มองไปที่ กกต.ว่าวันนี้ (อังคาร ๑๑ กรกฎาคม) กกต.จะประชุมเรื่องหุ้นไอทีวีของ “พิธา” แล้วเคาะส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
และจับจ้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีมติก่อนวันเลือกนายกฯ หรือไม่
โดยเฉพาะมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่!
แต่วันนี้ ด้อมส้ม ไม่ได้ด่า กกต.อย่างเดียว
ผรุสวาทไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ราวกับรู้ล่วงหน้าว่า “พิธา” โดนแน่
เห็นขู่กันแล้วจะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตัดองค์กรอิสระให้เหี้ยน เพราะเป็นตัวขัดขวางประชาธิปไตย
ใจเย็นๆ ครับ!
ค่อยๆ พลิกดูข้อมูลข่าวสาร แล้วจะเห็นความจริงว่า ครั้งหนึ่งศาลรัฐธรมนูญทำงานฉับไว “ด้อมส้ม” พากันชมว่า ศาลทำงานเที่ยงตรง
ไปดูไทม์ไลน์คดีที่ฝ่ายค้านยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญนับวาระการดำรงตำแหน่ง ๘ ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิครับ
ฝ่ายค้านยื่นให้ประธานรัฐสภาวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๕
วันที่ ๒๒ สิงหาคม ประธานรัฐสภา ส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ
๒๔ สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ รับวินิจฉัย
และมีมติ ๕ ต่อ ๔ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่
วันนั้น “ด้อมส้ม” ยังจำได้หรือเปล่าว่า ตัวเองลิงโลดแค่ไหน
รับเรื่อง ๒๒ มีมติ ๒๔ ถือว่าว่องไวปานกามนิตหนุ่ม
วันนั้น “ลุงตู่” ไม่ได้ปลุกม็อบ ไม่ได้โอดครวญว่า ถูกองค์กรอิสระกลั่นแกล้ง
บอกเพียงว่า….
“ไม่เห็นมีอะไร ทำงานที่ทำได้ไป”
ครั้งนี้ หาก กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญหลังการประชุมเสร็จสิ้น
ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องแล้วมีมติทันที ให้พิธาหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ก่อนวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ก็ขอให้เข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องกลั่นแกล้ง หรือขัดขวาง
แต่เป็นไปตามกระบวนการ
ใช่ครับ…มันดูเหมือนขัดขวาง
แต่หากศาลรัฐธรรมนูญขัดขวาง “พิธา” ก็เท่ากับได้ขัดขวาง “ลุงตู่” และขัดขวาง กลั่นแกล้ง มาแล้วหลายกรณี
มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
ถ้ามองภาพรวมจะเห็นว่ากระบวนการพิจารณาขององค์กรอิสระนั้นมีขั้นมีตอน
อย่างกรณี หุ้นบริษัทวี-ลัคฯ ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นั้น “ศรีสุวรรณ จรรยา” ยื่นให้ กกต.วินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส.ของ ธนาธร จากกรณีนี้ วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๒
๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ กกต.ประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ๑๔๙ คน หนึ่งในนั้นคือ “ธนาธร”
๑๖ พฤษภาคม กกต.มีมติยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสมาชิกภาพของ “ธนาธร”
๒๓ พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับพิจารณาคุณสมบัติ ธนาธร และมีมติ ๘ ต่อ ๑ สั่งให้ ธนาธร หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
๒๕ พฤษภาคม “ธนาธร” เดินออกจากห้องประชุมสภาฯ แล้วบอกว่า “สักวันผมจะกลับมา”
ส่วนไทม์ไลน์คดีหุ้นไอทีวีของ “พิธา” นั้น เริ่มต้นจาก “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ยื่นคำร้องต่อประธาน กกต. ให้ตรวจสอบกรณีการถือหุ้นไอทีวีของพิธา ว่ามีลักษณะต้องห้ามในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖
๑๒ พฤษภาคม “สนธิญา สวัสดี” ยื่นเรื่องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบพิธา กรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี ที่อาจเข้าข่ายขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
๑ มิถุนายน “ศรีสุวรรณ จรรยา” ยื่นหลักฐานต่อ กกต. กรณีพิธาถือครองหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน ๔๒,๐๐๐ หุ้น
๙ มิถุนายน กกต. มีมติเอกฉันท์ ๖ เสียง ไม่รับคำร้องกรณี “พิธา” มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. จากการถือหุ้นไอทีวี โดยเห็นว่าคำร้องที่ได้ยื่นมาของทั้ง ๓ คน เป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา
อย่างไรก็ตาม คำร้องดังกล่าวมีรายละเอียด หลักฐาน และข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนว่า “พิธา” เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้ง แต่ได้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดฝ่าฝืนมาตรา ๑๕๑ ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง
หากวันนี้ กกต.จะมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ แล้วโจมตีว่าเป็นการขัดขวาง “พิธา” ก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะการพิจารณามันเป็นตามเงื่อนเวลา
หรือ กกต.จะไม่มีมติอะไรเลย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน
บางคดีมีความซับซ้อน จะใช้เวลามากหน่อย
ส่วนคดีที่ซับซ้อนน้อยกว่า ก็จะใช้เวลาน้อยกว่า เป็นเรื่องปกติ
และแน่นอนครับ กรณีหุ้นไอทีวี มีความซับซ้อนน้อยกว่า หุ้นบริษัทวี-ลัคฯ
อีกทั้งกรณีหุ้นบริษัทวี-ลัคฯ ก็ถือเป็นบรรทัดฐานให้คดีลักษณะเดียวกันที่เกิดขึ้นในภายหลัง
หาก “พิธา” ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในวันสองวันนี้ หรืออีกเดือนสองเดือนข้างหน้า ควรจะตั้งคำถามกับ “พิธา” อย่าไปหาเรื่องศาล
เรื่องตัวเองยังจัดการไม่ได้ แล้วจะบริหารประเทศได้อย่างไร
