ม็อบ “นายพล” โป๊งเหน่ง – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ…⬇️

เปลว สีเงิน

ตกลงวันที่ ๑๓ กรกฎา.
เขาจะ “โหวต” หรือจะ “เขย่าติ้ว” เลือก “นายกฯ” กันแน่
ผมชักสงสัย?
เพราะเห็นประธานสภา และรองฯ วางคิวไว้ล่วงหน้า “ขั้นต้น” ถึง ๓ รอบ!?

ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจถึงตัวผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกฯคนที่ ๓๐ ครั้งนี้ก่อน ว่ามีใครบ้าง?

ฟันธงเลย………
มี “พิธา-ก้าวไกล” คนเดียวแหง!

เพราะฟาก ๑๘๘ เสียง ก็แค่แสงหิ่งห้อย มีหรือจะเผยอหน้าแข่ง ๓๑๒ ดาวจรัสแสงบนฟ้า

ฉะนั้น เพื่อเคลียร์คัต-ตัดข้อกังขาให้สิ้น ในประเด็นที่อาจแย้งว่า มีคู่แข่งมาแย่งคะแนนโหวต

พฤหัสที่ ๑๓ กรกฎา……
ก็ให้พิสูจน์ถึงการ “ยอมรับ-ไม่ยอมรับ” ในตัวพิธา บนตำแหน่งนายกฯ กันจะจะไปเลย

ถ้าสว.สนับสนุนนโยบาย “แยกประเทศ-ล้มสถาบัน” ของก้าวไกล และยอมรับในตัวพิธา
ก็โหวตให้พิธาเป็นนายกฯ จนครบ ๓๗๖ เสียง

ถ้าไม่เห็นด้วยกับนโยบายก้าวไกลนั้น
ก็โหวต “ดับดาว-พิธา” ไปเลย

จากพราวฟ้า ให้เป็นผีพุ่งไต้ ลงไปเกิดในน้องหมาหรือท้องคนในบัดดล จากสมาชิกรัฐสภาประกาศิต!

นี่ก็คุยให้เข้าใจในกรอบกว้างไว้ประมาณนี้
ทีนี้ลงถึงรายละเอียดที่บอกกันว่า ขั้นแรกจะโหวต ๓ รอบก่อน นั่นน่ะ

๓ รอบแล้ว ถ้ายังไม่ได้ตัวนายกฯ ล่ะ….
เขาบอกจะโหวตชนิดข้ามภพ-ข้ามชาติไปจนกว่าจะได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญติไว้ว่าต้องโหวตกี่ครั้ง

ฉะนั้น โหวตกันให้เผด็จการอายไปเลย!?

กฎหมาย ถ้าใช้โดยไร้ “หิริ-โอตตัปปะ” ก็ไม่ต่างพระที่ “บวชกาย-ใจไม่บวช” เห็นผ้าเหลืองคลุมกาย แต่ใต้จีวรนั้น ซ่อนปืน!

ทีนี้มาดูไทม์ไลน์การโหวตกัน ว่าวันไหนกันบ้าง
ถ้ารอบแรก ๑๓ กรกฎา.นายพิธา “ไม่ผ่าน”

นัดโหวตรอบ ๒ ราวๆ ๑๙ กรกฎา.
ถ้ายังไม่ผ่านอีก ก็มีรอบ ๓ แต่รอบ ๓ ฟังที่ท่านรองประธานสภาคนที่ ๒ “นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” บอก

“ถึงตอนนั้น ต้องคุยกัน ว่าจะเอายังไง-แบบไหนกัน?”

ตามนิยามนี้ ผมจึงมองว่า ……..
ใน “เรื่องเดียวกัน-คนเดียวกัน” เมื่อไม่ผ่านแล้วก็ให้โหวตซ้ำซากไป จนกว่าที่ประชุมจะโหวตให้ผ่าน

แบบนั้น เป็นการลงมติตามวิถีประชาธิปไตยระบบสภาตรงไหน?
“ดันทุรังอธิปไตย” นั่นละก็ใช่ เต็มตัวเลย!

ผมถึงว่า เป็นการโหวตที่ไม่ต่างการเขย่าติ้ว แถมการเขย่าติ้วยังดูจะขลังกว่า

แค่เขียนชื่อพิธาใส่กระบอกติ้ว แล้วให้ประธานสภาหรือใครก็ได้ เขย่าไปจนกว่าติ้วชื่อพิธากระเด็นออกมา

แค่นั้น ก็ถือว่า “ที่ประชุมรัฐสภา” โหวตผ่าน ค่าเท่ากัน จริงมั้ย?

แต่ดูตามนัย จากสส.๘ พรรคด้วยกันเอง แม้กระทั่งประธานสภา ก็ยังเผื่อวันโหวตเป็น ๓-๔ รอบ

นั่นสะท้อนถึงอะไร?
สะท้อนถึงว่า แทบทุกคน “ในสภา-นอกสภา” ไม่มีใครเชื่อเลยว่า พิธาจะได้รับเสียงโหวตจากที่ประชุมเกินกึ่งหนึ่งได้เป็นนายกฯ

เพราะอย่างนั้น จึงต้องใช้วิธี “ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า” โหวตซ้ำ-โหวตซาก โหวตไปจนกว่าจะได้ ตามที่ฝ่ายอ้างประชาธิปไตยต้องการ

ยังดี ที่ไม่ถึงขั้นระดมคนเอาปืนมาจ่อหัว ๑๘๘ สส.และ ๒๕๐ สว.ให้ต้องโหวตพิธาเป็นนายกฯ!

แต่เท่าที่ผมฟังหางเสียงรองประธานฯ พิเชษฐ์ ดูท่านอีหลัก-อีเหลื่อเหมือนกัน ถ้าจะดันทุรังโหวตคนๆเดียวซ้ำๆ ซากๆ

ดังนั้น ถ้า ๒ ครั้ง ใกล้อ้วกแล้ว พิธาก็ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา

คณะ ๘ พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่เสนอพิธาเป็นนายกฯ ควรต้องพิจารณากันแล้วว่า จะเอายังไง?

จะยังยึดมั่นใน ๘ พรรค แล้วเปลี่ยนตัวคนใหม่เสนอเป็นนายกฯแทนพิธา?

หรือ ๘ พรรค จะสลายขั้ว เพื่อไทยไปจับขั้วกับพรรคอื่นฟอร์มรัฐบาล แล้วเสนอตัว “นายกฯ คนใหม่” ให้รัฐสภาโหวต?
มันก็เป็นทางออกทางหนึ่ง ถ้าทาง “ดันพิธา” ถึงทางตัน

แต่ก็นั่นแหละ ในทางเลือกแรก…
แม้เปลี่ยนเสนอคนอื่นเป็นนายกฯ ไม่ว่าอุ๊งอิ๊งหรือเศรษฐา

ถ้าเพื่อไทยกับก้าวไกลยังอยู่ด้วยกัน โอกาสผ่านด่านสว.ถึง ๓๗๖ เสียงขึ้นไป หวังได้ไม่เกิน ๓๐%

ในทางเลือกที่สอง เพื่อไทย แยกขั้วออกมาเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีก้าวไกลร่วม โอกาสผ่านเป็นรัฐบาล ๗๐-๘๐%

ส่วนอีก ๒๐-๓๐% นั้น ต้องดูว่า

๑.นโยบายที่ชัดเจนของเพื่อไทย มีอะไรบ้าง และ
๒.ใคร ที่เสนอเป็นนายกฯ ให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือก?

พูดให้ชัดลงไป คนที่เพื่อไทยเสนอเป็นนายกฯ นั้น เป็นคนที่สว.ยอมรับได้ พร้อมที่จะโหวตให้ถึง ๓๗๖ เสียงขึ้นไปหรือไม่เท่านั้น!

ในกรณีเพื่อไทยเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีก้าวไกลร่วม คำถามที่ตามมา คือ
แล้วใครล่ะ ที่จะถูกเสนอขึ้นเป็นนายกฯ?

นี่แหละ ไคลแมกซ์ มันอยู่ตรงนี้แหละ!

ถ้าถามผมนะ บอกตรงๆ ผมไม่ใช่พยาธิในลำไส้ทักษิณ ตอบไม่ถูกหรอก
แต่ถ้าให้ผมเดา ก็ต้องบอกว่า

ไม่ ป.ก็ อ.!

ผิดจากนี้ ก็คือผิด ด้านซะอย่าง ใครจะทำไม?

ถ้าพิธา-ก้าวไกล อดทั้งนายกฯ อดทั้งรัฐบาล ขบวนการสามนิ้วและด้อมส้ม จะไม่จำลองจลาจลเผาเมืองที่ฝรั่งเศสตอนนี้ มาที่ไทยหรือ?

นี่พูดจากใจนะ ผมอยากให้พิธาเป็นนายกฯ และให้พวกก้าวไกลเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ จะได้สะใจคน ๑๔ ล้านเสียง
แต่มาคิดอีกที เหมือนทดลองให้ “ลิงเล่นไม้ขีด”

เผลอๆ แค่วันเดียว ลิงมันก็รื้อหลังคาบ้าน จุดไม้ขีดเผาวอดทั้งเมืองแล้ว!

อย่าว่าแต่ลิงเลย…..

ผมอ่านที่อดีต “นายพลโท” แห่งกองทัพไทยที่ชื่อ “พลโทพงศกร รอดชมภู” อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่โพสต์เฟซวานซืน ทำเอาท้องผูกทันที ลองอ่านดูซี
……………………………………

พงศกร รอดชมภู

ยังเชื่อตามนี้อยู่นะครับ
ถ้าฝืนเสียงประชาชนคุณภาพ (ยืมคำพูดสมัยก่อนหน่อย ลองย้อนศรดู จะได้หมดข้ออ้าง) คือคนกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงทั้งหมด

รวมเมืองใหญ่สำคัญแบบเชียงใหม่ ภูเก็ต จังหวัดเขตอุตสาหกรรมแบบระยอง
ไม่ต้องทำอะไรมาก ผู้ปกครองที่คนไม่ยอมให้ปกครองก็อยู่ยาก

อาจเริ่มจากไม่มีใจทำงานให้ เฉื่อยงานไปจนถึงอาจนัดหนุดงานทั่วไปแบบในยุโรป รอบละ สองสัปดาห์บ้าง 1 เดือนบ้างสลับกันไป

เกิดอะไรขึ้น ขนส่งสาธารณะและเอกชนหยุดหมด ร้านค้าปิดตัวพร้อมกัน ยอมเสียรายได้วันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ ที่ดีกว่า

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนี่ จะหนักมากเพราะการจองต้องทำล่วงหน้า มีปัญหาหากว่าจะฟื้นตัวอย่างน้อย 6 เดือน มีติดต่อกัน 2 ถึง 3 รอบ ปิดงานยาวไป

ม็อบอาจมีบ้าง แต่ไม่ใช่สาระเพราะอาจถูกนำไปผิดทางหรือถูกซื้อได้ง่าย ๆ เจอการต่อสู้แบบสันติวิธีน่ากลัวกว่ามาก หาแกนนำที่ไหนก็ไม่เจอ เพราะอยู่ในโรงงาน ห้างร้าน บริษัทและเอกชนอื่น ๆ ไม่ใช่บนถนน

เจ้าของบริษัทเอกชนนั่นเอง จะออกปากให้รัฐบาลที่ประชาชนไม่สนับสนุนลาออก
จะใช้โฆษณาชวนเชื่อมากล่าวหาว่าคนไทยไม่รักชาติเท่าไรคนก็ไม่ฟัง

พิธา เป็นเด็กเมื่อวานซืนไม่ใช่หรือ จะกลัวอะไร

แต่ถ้าดูถูกประชาชน แล้วเกิดประชาชนฮึดสู้แบบสันติขึ้นมา อุตสาหกรรมทั้งหลายหยุดชะงักหมด รัฐบาลที่คนสาปแช่งนั้นเองจะอยู่ยาก

มาลองดูกันว่าระบบราชการหรือผู้มีอำนาจอย่าง ส.ว.และข้างหลังคือ คสช. จะทนทานได้สักเท่าไร

ประชาชนต่างหาก เป็นผู้ทรงอำนาจแท้จริง แล้วอย่าไปมองหาแกนนำแบบสมัยสงครามสี

นี่เป็นชนชั้นกลางคล้ายม็อบมือถือสมัย 35 แต่ไปไกลกว่า มากกว่าและลึกซึ้งกว่ามากครับ
…………………………..

ม็อบมือถือ ๓๕ เบื้องหลังจริงๆไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ริษยา รุ่น ๕ รุ่น ๗ “บิ๊กสุ-สมอลจำลอง” เท่านั้น

จากหน้าสภา พอม็อบจุดติด ลากมาราชดำเนิน จากนั้น “ร้อยพ่อ-พันแม่” ก็แห่มาผสม

แต่ครั้งนั้น แม้ตีกัน ก็ไม่มีทหารหรือพลเรือนคนไหน เลวทรามอสัตย์ชาติต่อสถาบันและบ้านเมือง
ที่สมองคิดแต่เรื่องชั่วๆ ทำแต่เรื่องชั่วๆกับชาติ ชักชวนให้คนเฉื่อยงาน-หยุดงานบ้าง ปลุกปั่นประชาชนปฎิวัติล่มชาติ-ล่มเมืองบ้าง

ม็อบมือถือสมัย ๓๕ ไม่มีใครคิดระยำอย่างนั้น
ถ้าจะมี ก็มีแต่ “ม็อบโป๊งเหน่ง ๖๖” นี่แหละ

เชื่อผมสิ ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ปี ๓๕ หรอก
แต่ผมนี่แหละ…..
อยู่กับคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์!

เปลว สีเงิน

๗ กรกฏาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
จากราชประสงค์ ถึง อุบลฯ – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน โทษที….ที่หายหน้าไป ๒ วัน โดยไม่ได้ลาครู แต่กลับมาวันนี้แล้ว กะหลังยาวต่อซักอีกวัน-สองวัน มาเจอ “ม็อบสามนิ้ว” ติดสัดนอกฤดู ยึดราชประสงค์เพิ่มรอบชุุมนุม...
Read More
0 replies on “ม็อบ “นายพล” โป๊งเหน่ง – เปลว สีเงิน”