เพื่อไทยยอมเสียม้า – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ดีใจเก้อครับ…

ก้าวไกล เตรียมฉลอง หลัง เพื่อไทย ยกเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ สุดท้ายต้องยกโซดา น้ำแข็ง กลับไปตั้งหลักใหม่

ยังก่อน!

“เสี่ยอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” สับขาหลอก หรือสื่อสารผิดพลาด

มาดูไทม์ไลน์ของ “ภูมิธรรม” ที่พูดถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ กันอีกครั้ง

วันเสาร์ที่ ๑๗ มิถุนายน

“ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากจุดเดิม”

“เมื่อการหารือยังไม่จบแล้วออกมาพูดเช่นนี้นั้น ตามมารยาททางการเมืองเขาไม่ทำกัน รอให้คนที่มีหน้าที่ในการหารือจริงๆ ดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า และตอนนี้พรรคเพื่อไทยก็รอคำตอบอยู่”

วันนั้น “ภูมิธรรม” ตบปาก “รังสิมันต์ โรม” เลือดสาดไป

มาวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า

“…พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนและข้อสรุปของพรรคต่อกรณีประธานสภา ดังนี้ ๑.เราเห็นชอบในหลักการว่าพรรคอันดับ ๑ จะทำหน้าที่ประธานสภา ๒.เนื่องจากพรรคอันดับ ๑ และ ๒ มีจำนวนใกล้เคียงกันมาก ดังนั้นตำแหน่งรองประธานสภาทั้ง ๒ คน จึงควรเป็นคนของพรรคลำดับ ๒ และ ๓.รายละเอียดการประสานงานต่างๆ จะเป็นวาระของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยตัวแทนของ ๒ พรรคควรหารือกัน

อย่างไรก็ตาม ต้องรอ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งและการประกาศรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการก่อน ตัวแทนของ ๒ พรรคการเมืองจะหารือกันเพื่อสรุปให้เกิดความชัดเจนต่อไป…”

คำพูดนี้ของ “ภูมิธรรม” ถูกมองว่า เป็นการยกเก้าอี้ประธานสภาให้ก้าวไกล

กระทั่งวันจันทร์ที่ ๑๙ มิถุนายน คอการเมืองมองว่าพลิกอีกรอบ

“…พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ ๑ ควรครองตำแหน่งประธานสภา และพรรคอันดับ ๒ หากคะแนนเสียง ส.ส.ห่างกันไม่มาก ก็ควรได้ครองตำแหน่งรองประธานสภาทั้ง ๒ ตำแหน่ง ซึ่งผมไม่ได้ระบุว่า จะมอบตำแหน่งประธานสภาให้กับพรรคการเมืองใด หรือ ส.ส.คนใด

เพราะในทางปฏิบัติ จะต้องพูดคุยในรายละเอียดร่วมกันก่อน แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคอันดับ ๒ ซึ่งการเป็นพรรคการเมืองอันดับ ๒ ที่ผ่านมามักจะมีการตั้งรัฐบาลแข่ง แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้กระทำ เพราะคำนึงว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการความเปลี่ยนแปลง และเมื่อพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยมารวมกันได้ ๓๑๒ เสียง โดยที่พรรคก้าวไกล มีประมาณ ๑๕๐ เสียง

ดังนั้นคงต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย และรอการรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต.ก่อน เพื่อให้ทราบว่าพรรคการเมืองใด จะชนะการเลือกตั้งลำดับที่ ๑ ที่ชัดเจน กระบวนการพูดคุยระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลจึงจะเริ่มต้น ซึ่งหลัง กกต.รับรองการเลือกตั้งแล้ว…”

หมายความว่ารอ กกต.รับรอง ส.ส.ก่อน แล้วค่อยคุยว่าเก้าอี้ประธานสภาจะเป็นของใคร

ซึ่ง กกต.รับรอง ส.ส.ทั้ง ๕๐๐ คนในวันนี้ (๑๙ มิถุนายน )

แต่ความโดยสรุป เก้าอี้ประธานสภาจะตกเป็นของพรรคอันดับ ๑ และพรรคเพื่อไทยก็ยอมรับหลักการนี้

แล้วจะมีปาฏิหาริย์อะไรในการประกาศรับรอง ส.ส.อย่างนั้นหรือ?

หากถอดเกมจากคำพูดของ ภูมิธรรม ผลเลือกตั้งไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลมี ส.ส. ๑๕๑ คน ส่วนเพื่อไทยมี ๑๔๑ คน

มันชัดเจนอยู่แล้ว

ประธานสภาก็ตกเป็นของก้าวไกล

แล้วเพื่อไทยจะเล่นเกมอะไรต่อ?

หรือมองข้ามช็อตไปแล้ว

โอกาสที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐ นั่น ยากมาก!

หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย

เพราะเสียงสนับสนุนจะไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา

คือ ๓๗๖ เสียง

ฉะนั้น “พิธา” จะถูกปิดสวิตช์โดยวุฒิสภา

เพื่อไทยรู้ข้อนี้มาตั้งแต่ไก่โห่แล้ว!

ที่ผ่านมาเหมือนเล่นตามน้ำ หลอกให้ตายใจ

แต่การเมืองยุคนี้ การย้ายขั้วไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในขาลงเช่นนี้ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นอีก จะกลายเป็นพรรคขนาดกลางในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ง่ายๆ

คนเสื้อแดงจะหันไปใส่เสื้อส้มกันหมด

แต่ละย่างก้าวของเพื่อไทยจึงต้องทำอย่างระมัดระวัง

และบางคราวอาจต้องสละม้าเพื่อกินขุน

จึงมีความเป็นไปได้ครับที่ เพื่อไทย จะยอมยกเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ ก้าวไกล เพื่อเดินหมากต่ออีกตา

เพื่อไทยต้องแต่งตัวเยอะพอสมควร เพื่อไม่ให้มวลชนครหาว่า ทรยศ ก้าวไกล

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๒๑ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า…

“…ภายในสิบห้าวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก…”

จากวันนี้นับไปภายใน ๑๕ วัน จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา จากนั้นจะมีการประชุมสภาเพื่อเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร

ไทม์ไลน์นี้มาเร็วกว่าที่คิด!

เมื่อมีภาพออกมาว่า เพื่อไทยสละเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ ให้ ก้าวไกล แล้ว และจากนั้นยกมือโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกฯ แล้ว

แต่ “พิธา”ไม่ผ่านด่าน ส.ว.เอง

เพื่อไทย ช่วย ก้าวไกล มาสุดทางแล้ว ไม่ได้ทรยศใดๆ ทั้งสิ้น และถึงเวลาที่ เพื่อไทย ในฐานะพรรคอันดับ ๒ จัดตั้งรัฐาลบ้าง

แล้วเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ ไม่มีความหมายอะไรเลยหรือ?

คำตอบคือ สำคัญ แต่ “ม้า” จะสำคัญกว่า “ขุน” ได้อย่างไร

ประธานสภาผู้แทนฯ ไม่ได้เป็นคนกำหนดว่าใครจะเป็นนายกฯ ที่ประชุมรัฐสภาต่างหากเป็นผู้ลงมติ ประธานสภาผู้แทนฯ ทำได้เพียงนำชื่อบุคคลที่รัฐสภาเลือกขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย

เป็นหน้าที่ในหมวกประธานรัฐสภา

ต่างจากประธานสภาผู้แทนฯ สมัย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ที่สามารถเปลี่ยนรายชื่อนายกฯ กลางทาง ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย

การจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคลำดับที่ ๒ จึงเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ

เพราะมันเป็นทางสองแพร่งสำหรับ “พิธา”

จะมีตำแหน่งในรัฐบาล หรือจะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน

และเพื่อไทยเองก็รู้มานานแล้ว การที่มี ก้าวไกล อยู่ในรัฐบาล นายกฯ จะไม่มีทางใช่ “อุ๊งอิ๊ง” “เศรษฐา” หรือ “ชัยเกษม” เด็ดขาด

คงได้ข้ออ้าง พลิกขั้วโดยสุจริต!

Written By
More from pp
รัฐบาลติดตามการผ่อนคลายมาตรการโควิด 19 ของจีนใกล้ชิด หน่วยงานเกี่ยวข้องรุดเตรียมความพร้อม
รัฐบาลติดตามการผ่อนคลายมาตรการโควิด 19 ของจีนใกล้ชิด หน่วยงานเกี่ยวข้องรุดเตรียมความพร้อม วันนี้ (28 ธ.ค.) รมว.คมนาคมลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
Read More
0 replies on “เพื่อไทยยอมเสียม้า – ผักกาดหอม”