ประเทศไทยที่เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุด ทั้ง “รัฐบาล” และ “เอกชน” ก็ผลักดันงานไปในแนวทางเดียวกันทำให้สังคมมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแบบที่ต้องการ
โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ และยกบางอุตสาหกรรมให้เกิดเป็นเป้าหมายหลักในการเดินหน้าปัจจุบันหรือที่เรียกว่าอุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอส-เคิร์ฟ) เพราะหวังให้เป็นอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ และยังเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มนักลงทุนหรือเทรนด์การลงทุนอีกด้วย
ภาพรวมส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่แต่หนึ่งในอุตสาหกรรมที่เป็นเรื่องเดิมๆ อยู่แล้ว แต่มีแนวคิดใหม่เข้ามาผสมโรงรวมการพัฒนาเข้าไป ทำให้อุตสาหกรรมเดิม กลายเป็นอุตสาหกรรมในเป้าหมายได้ อย่างเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ ! ที่ถูกผลักดันให้เป็น “ยานยนต์สมัยใหม่”
แม้ปัจจุบันมันจะเป็นเรื่องหลักๆ ของประเทศอยู่แล้ว แต่การเข้ามาของเทคโนโลยีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้กลายเป็น “รถยนต์ไฟฟ้า” “รถยนต์ไฮโดรเจน” และกลายเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในที่สุด
ด้วยการยึดหลักของการอนุรักษ์พลังงาน และดูแลโลกทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังทำงานกันอย่างหนัก เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่เกิดขึ้นได้จริง !
แต่ใช่ว่าจะผลักดันแต่ภาคอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว เพราะในอุตสาหกรรมยานยนต์จำเป็นต้องมีภาคบริการเข้าไปร่วมด้วย ให้มันเกิดอุตสาหกรรมที่ครบวงจร…
เพราะจะคิดแค่เรื่องของการผลิตและผลิตออกมาเพื่อขายหรือเพื่อส่งออก แต่ในด้านของการใช้งานยังไม่รอบรับมันก็ไร้ประโยชน์ ! ทุกอย่างมันต้องดำเนินไปให้ควบคู่กัน ผลิตแล้ว ขายแล้ว ก็ต้องใช้งานได้จริงและในด้านของรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า หรือ “อีวี” การรองรับการใช้งานสำคัญที่สุด
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะสถานีเติมพลังงาน หรือจุดชาร์จไฟรถยนต์นั้น มันต้องเพียงพอ และครอบคลุมกับความต้องการใช้งานให้เหมือนกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ที่มันจะต้องมีปั๊มเติมน้ำมันรองรับ
ด้วยเหตุนี้ ภาคเอกชน หรือรัฐบาลเองก็จะมัวแต่ไปมองเรื่องการผลิตอย่างเดียวมันก็ไม่ได้
ต้องมีการบริการเข้ามาเพื่อเสริมแกร่งให้อุตสาหกรรมมันเดินหน้าได้…
แต่ที่เล่าๆ มาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครทำอะไรเลยเพราะมันเป็นช่องว่างของธุรกิจ ยังไงมันก็ต้องมีคนกระโดดเข้ามาทำงานอยู่แล้วด้านนึงก็เพื่อรายได้และกำไรของเขา อีกด้านนึงก็เพื่อเป็นการประกอบชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมให้มันครบถ้วน ! สมบูรณ์ ! และสวยงามมากขึ้น ทำให้ แน่นอนว่าช่องว่างเริ่มมีผู้เข้ามาจับจองบ้างแล้ว
อย่างเช่น บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme Plus) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรรายแรกของประเทศไทย พร้อมด้วย ออน-ไอออน (on-ion) ภายใต้ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ที่มีหัวหอกอย่าง บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เป็นผู้มองเห็นโอกาสและช่องว่างของธุรกิจทำให้เกิดการผลักดันการให้บริการธุรกิจสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station)
มุ่งขยายเครือข่ายในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ แบบนี้มันเลยทำให้เกิดความครบวงจรขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตและล่าสุด สำหรับพวกที่ชอบช้อปปิ้ง หรือทำงานอยู่ใจกลางเมืองอย่างสยาม
ก็มีบริการมาเสิร์ฟให้ถึงที่…
เพราะ “อรุณ พลัส” และ “อีวี มี พลัส” ได้ขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า บนทำเลศักยภาพ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอีวี และสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยพร้อมเปิดให้บริการวันที่ “1 มิ.ย. 2566” นี้
ซึ่งผู้ใช้บริการจะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ อีกมากมายจาก ออน-ไอออน อีกด้วย ! สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคให้หันมาใช้งานรถอีวีอย่างเต็มรูปแบบ โดยเป็นเครื่องอัดประจุไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ (AC Charger) ขนาดกำลังไฟ 7 กิโลวัตต์ จำนวน 6 ช่องจอด ติดตั้งบริเวณชั้น 3A ฝั่งนอร์ท เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น.
สามารถรองรับรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ได้ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ที่รองรับหัวชาร์จ Type 2 และควบคุมการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application ทั้งในระบบ Android และ iOS
แน่นอนว่าบริการที่เสริมมากจากการผลิต และขายแบบนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้ EV เกิดความมั่นใจในการเดินทางอย่างไร้กังวล แถมยังเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างรักษ์โลกไปในตัวด้วย
