ผักกาดหอม
ยังหาทางลงกันไม่ได้
ระหว่าง ก้าวไกล กับ เพื่อไทย ใครจะได้เก้าอี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปครอบครอง
เห็นใจ ก้าวไกลครับ อะไรๆ ก็ดูยุ่งยากไปเสียหมด
ยิ่งพูดมาก ก็ยิ่งทำให้ตัวเองยุ่งยาก
มาเจอดีลลับดูไบเข้าไปอีก คงนอนไม่หลับกันเป็นแถว
เท่าที่ดูหลายวันมานี้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” คาดหวังไว้มาก เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่แค่เอื้อม ยังไงก็ต้องคว้ามาให้ได้
เห็นการเดินสายราวกับได้เป็นนายกฯ แล้วดู “พิธา” มีความสุขครับ
วันที่ ๑ มิถุนายนนี้ “พิธา” นัด สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ประชุมเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะนโยบายด้านการกระจายอำนาจ
หลักๆ ก็คือ การกระจายอำนาจปลดล็อกให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมไปถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด
น่าจะเป็นการพูดคุยที่ถูกคอครับ เพราะ “บุญชู จันทร์สุวรรณ” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด แห่งประเทศไทย มีแนวคิดไม่ต่างจากก้าวไกล
“บุญชู” เตรียมประเด็นหารือไว้แล้วครับ
มี ๒ เรื่องหลัก
๑.ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า ๗ พันแห่ง ออกมาจากกระทรวงมหาดไทย
๒.สนับสนุนการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาจากประชาชน
แบบนี้ มหาดไทยสะดุ้งสิครับ!
หากเข็นนโยบายนี้สำเร็จ มหาดไทยกลายเป็นกระทรวงเกรด “ซี” ไปในทันที
ไม่ได้คุม ผวจ.
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า ๗ พันแห่ง หลุดมือ
แล้วจะเหลืออะไร
งานหลักน่าจะรังวัดที่ดิน
ถือว่าสร้างแรงกระเพื่อมมากพอควร
ลองนับนิ้วดู หากประเทศไทยมีนายกฯ ชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประเทศไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าจนแทบจะจำไม่ได้
แก้ ม.๑๑๒ สถาบันพระมหากษัตริย์แทบไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย
ปฏิรูปกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร ในแง่ความพร้อมรบไม่รู้จะดีขึ้นหรือเลวลง
เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด บางจังหวัดเป็นเขตปกครองพิเศษ ขณะที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในหลายจังหวัด มีการคอร์รัปชันจนยากจะแก้ไข
ถ้าบอกว่าการเลือกตั้งสามารถแก้ปัญหาทุจริตได้ ก็ดู ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นตัวอย่าง ว่าแก้ได้จริงหรือเปล่า
ปฏิรูประบบราชการ เป็นราชการไทยก้าวหน้า
ปฏิรูปตำรวจ ให้เป็นตำรวจของประชาชน
ทั้งหมดนี้อยู่ในแผนงาน เป็นกระดาษเย็บเข้ารูปเล่ม จัดทำไม่ยากเย็นอะไรครับ
คนเดียวก็ทำได้
แต่ลงมือทำจริงเกรงว่า ก้าวไกล จะทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
การปฏิรูปเป็นเรื่องดีครับ แต่ก่อนที่จะปฏิรูปต้องเข้าใจปัญหาที่แท้จริงก่อน
ทำไมต้องเน้นย้ำเรื่อง “ความเข้าใจ”
ก็เพราะการแก้ด้วยความไม่เข้าใจมันจะเกิดปัญหาใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก
ยกตัวอย่าง ความปรารถนาอยากได้ เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ ของพรรคก้าวไกล ก็เพื่อไปผลักดันร่างกฎหมายของพรรค
ไม่ใช่การเข้าใจผิดของก้าวไกลครับ
แต่เป็นความเข้าใจแบบก้าวไกล
เก้าอี้ประธานสภาไม่ใช่สมบัติของพรรคการเมือง
ประธานสภามีหน้าที่ที่ถูกระบุเอาไว้ชัดเจน
เป็นประธานของที่ประชุมรัฐสภา
กำหนดการประชุมรัฐสภา
ควบคุมและดำเนินกิจการของรัฐสภา
รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมรัฐสภาตลอดถึงบริเวณของรัฐสถา
เป็นผู้แทนรัฐสภาในกิจการภายนอก
แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินกิจการใดๆ
อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
เป็นผู้นำชื่อนายกรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อพระมหากษัตริย์ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ หลังสภามีมติเลือก
เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ
ที่สำคัญคือทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง
ฉะนั้นประธานสภา ในความเข้าใจของก้าวไกลจึงเป็นประธานสภาที่เป็นอันตรายต่อระบบรัฐสภาอย่างยิ่ง
ครับ…ความเข้าใจการแก้ ม.๑๑๒ เลือกตั้ง ผวจ. ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูประบบราชการ รวมไปถึงนโยบายปราบคอร์รัปชันของก้าวไกลนั้น จะเหมือนชาวบ้านชาวช่องหรือไม่ นั่นคือคำถาม
เพราะจะมีสิ่งที่ตามมาหลังนโยบายของก้าวไกลสำเร็จ
อาทิ หากแก้ ม.๑๑๒ สำเร็จแล้ว เป้าหมายต่อไปของก้าวไกลคืออะไร
เพราะมีข้อกังวลเรื่อง สถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
หรือกรณีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด มีข้อกังวลเรื่องระบอบการปกครองที่อาจเปลี่ยนไปหรือไม่
ข้อกังวลนี้ ก้าวไกล จะอธิบายให้คลายข้องใจได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลพื้นฐานที่ ส.ว.จะตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือก “พิธา” เป็นนายกฯ
“สมชาย เสียงหลาย” หนึ่งในสมาชิกวุฒิสภา มีทัศนะในทิศทางนี้
“…พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ได้คะแนนเสียง ๑๔.๔ ล้านเสียง กับอีกประเด็นหนึ่งที่มีประเด็นล่อแหลม พรรคอื่นๆ อาจจะได้คะแนนรวมกัน ๒๗ ล้านเสียง ดังนั้นต้องนำ ๒ อย่างมาชั่ง…”
“…เป็นแค่ข้อเสนอของคุณพิธา ที่ identify ตัวเองว่าได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริง ซึ่งเหมือนกับเมื่อวานที่เอฟซีพรรคเพื่อไทย ยื่นข้อเสนอให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ดังนั้นไม่รู้ข้อสรุปว่าข้อเท็จจริงจะออกมาในรูปแบบไหน…”
แนวคิดทางการเมือง วิธีคิดแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ที่สำคัญกว่าคือ พฤติกรรมทางการเมือง
นับตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ มาถึง ก้าวไกล บุคลากรของพรรคการเมืองนี้ส่วนใหญ่มีแนวคิดเช่นไร สังคมไทยรับรู้ดีอยู่แล้ว
ฉะนั้นในวันที่รัฐสภาโหวตเลือกนายกฯ สมาชิกวุฒิสภาจะเลือกตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
การโหวตเลือกนายกฯ จะต้องมีรอบที่ ๒ อย่างแน่นอน
เพราะรอบที่ ๑ ไม่ผ่าน