ประชาชนคนไทยได้ออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทยเมื่อ 14 พ.ค.ล้นหลามกว่า 75 % นับเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ซึ่งจะตามมาด้วยการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่มาพัฒนาประเทศที่เราคนไทยต่างตั้งตารอคอยนั้น
ก่อนวันเลือกตั้งทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สจล.วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ได้มีการจัดประชุมระดมสมองกลุ่มเครือข่ายผู้บริหารจากสถาบันอุดมศึกษา 33 แห่งในประเทศไทย รวมกว่า 179 คน เพื่อจัดทำร่างข้อเสนอแนะแผนยุทธศาสตร์ต่อการขับเคลื่อนประเทศในด้านอุดมศึกษา ตอบรับโลกยุคใหม่ คาดว่าจะยื่นเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้งต่อไป
รองศาสตราจารย์.ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า โลกปัจจุบันและอนาคตเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย พร้อมสภาวะโลกร้อน ปัญหาสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรที่มีจำกัด
ไม่ว่าพรรคใดจะได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารประเทศ ต้องยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลักและมุ่งสู่การขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรและประชาคมโลก พรรคการเมืองและนักการเมืองควรใช้โอกาสในการเข้ามาทำงานบริหารประเทศในการเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติและทุกระดับ ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความร่วมมือ สนับสนุนพัฒนาการศึกษา ทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี ทรัพยากร งบประมาณ และการนำงานวิจัยนวัตกรรมมาสู่การพัฒนาประเทศให้เป็นจริง
อย่างเช่น การเป็นฮับเกษตรอินทรีย์ ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม อาหารมีคุณภาพและปลอดภัยแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ส่งเสริมเทคโนโลยีอวกาศ การนำนวัตกรรมใหม่ๆมาผสมผสานและพัฒนา Soft Power ต่างๆ ของไทย สู่ตลาดโลก อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมดนตรี กีฬา ภาพยนต์ เป็นต้น
ศาสตราจารย์.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการมุ่งหน้าการพัฒนาที่ต่อเนื่องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่าด้วย 13 หมุดหมายพลิกโฉมประเทศไทย
ซึ่งครบครันทุกมิติและตอบรับอนาคตประเทศไทย สู่สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน โดยสถาบันการศึกษาควรมุ่งเน้นหมุดหมายที่ 12 สร้างบุคลากรที่สมรรถนะสูง การทำแผนบูรณาการการพัฒนาศักยภาพกำลังคน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนหมุดหมายด้านอื่นๆ ให้สำเร็จ
ศาสตราจารย์.ดร.นพ.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล รองอธิการบดีด้านยุทธศาสตร์ แผนและงบประมาณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นโยบายที่พรรคการเมืองนำเสนอในช่วงหาเสียงแทบทุกพรรค จะเน้นไปที่การเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังมีรายละเอียดในการบริหารจัดการงบประมาณและประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นจริง
แต่ทั้งนี้ ยังมีมิติอื่นๆอีกมากที่เกี่ยวกับสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะการสร้างระบบนิเวศของการขับเคลื่อนสร้างสรรค์งานวิจัยและต่อยอดนวัตกรรมให้เกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมหลักสูตรและแพลตฟอร์ม ‘การเรียนรู้ตลอดชีวิต’ สำหรับทุกคน ทุกช่วงวัย และเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
ศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร.ชรินทร์ เตชะพันธุ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดทำข้อเสนอแผนยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อนประเทศในด้านอุดมศึกษา ครั้งนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะในการเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทย และภูมิทัศน์ของทิศทางการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ระดับโลก
โดยเฉพาะประเด็นของผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามรัสเซีย ยูเครน และความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายทรัพยากรและแรงงานทักษะชั้นสูงสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมด้านการศึกษาในระดับอุดมศึกษาในยุคที่โลกเชื่อมต่อถึงกัน จึงไม่ใช่แค่เป้าหมายแต่เพียงประชากรไทย แต่ยังหมายรวมถึงประชากรโลกด้วย
ทั้งนี้ การจัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อนประเทศในด้านอุดมศึกษา สามารถนำไปใช้ในการบริหารประเทศซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและทุกภาคส่วน สนับสนุนส่งเสริมงานด้านอุดมศึกษาสู่การพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะของประชากรไทยอย่างทั่วถึงทุกคนต่อไปในอนาคต