ความน่าสนใจหนึ่งของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งปี 2566 ที่อยู่ในสายตาของ “คอการเมือง” คือความกล้าวัดใจกับคนกรุงเทพฯ ด้วยการส่งผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง33 เขต และหาเสียงอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่เป็นการเปิดเวทีย่อย แต่กลับค่อยๆ ขยาย ไซส์พื้นที่ปราศรัยให้ใหญ่โตขึ้น โดยมีมวลชนเข้ามาฟังการปราศรัยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อย่างคับคั่ง
โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ผู้สมัคร อาทิ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตห้วยขวาง -วังทองหลาง เบอร์ 8, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตวัฒนา- คลองเตย เบอร์ 1, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดินแดง -พญาไท เบอร์ 6 , ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสวนหลวง -ประเทศ เบอร์2 รวมทั้งที่วงเวียนใหญ่ ก็ช่วย นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี เขตจอมทอง – เขตบางขุนเทียน เบอร์ 8 พร้อมผู้สมัครฝั่งธนบุรี อื่นๆ
นี่คือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทย กำลังบอกว่า พวกเราไม่ได้มาเล่นๆ แต่นี่คือ “เป้าหมาย” ของ พรรคสีน้ำเงินที่การเลือกตั้งครั้งนี้ หวังจะขยับจากพรรคคนแปลกหน้าในเมืองกรุง มาเป็นคนคุ้นเคย ให้ชาวบ้านได้ฝากผีฝากไข้ได้ตลอดเวลา
แม้สมรภูมินี้ถือว่าเป็นหน้าใหม่ แต่เนื่องจากสถานการณ์การเมือง ไม่มีอะไรแน่นอน พวกที่เคยเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ตระกูลเก่าแก่การเมือง ถึงเวลาก็อาจตกม้าตายเป็นแถว หากไม่ทำงานจริง มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
แล้วทำไม คนหน้าใหม่ ที่มีจุดแข็งเรื่องการทำงาน จะขออาสามารับใช้ให้คนกรุงเทพฯบ้างไม่ได้ เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมาของการเป็นรัฐบาล ก็มีผลงานรับใช้คนทั้งประเทศเป็นที่ประจักษ์ชัด
นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และยอมรับด้วยว่า พรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นพรรคบ้านนอกที่วันนี้มาขอหัวใจคนกรุง
“คำพูดนี้ มันสะท้อนว่าคนต่างจังหวัดเวลาเขามากรุงเทพฯ เขามาด้วยความจริงใจ และจริงจัง หวังจะทำงาน พิสูจน์ตัวเอง ภูมิใจไทยก็เหมือนกัน เราก็หวังจะทำงานรับใช้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ และเราก็จริงใจ ตั้งใจด้วย ขอเพียงท่านให้โอกาส เราไม่ทำให้ผิดหวัง”
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งปี 2562 แม้ว่าพรรคภูมิใจไทย จะไม่ได้ ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ พรรคละความพยายามในการสร้างผลงาน ให้คนเมืองหลวง
ทั้งการเร่งก่อสร้างรถไฟฟ้าสารพัดสายทั่วเมือง ไปจนถึงการนำเข้ามาให้บริการของรถเมล์ไฟฟ้ากว่า 4,000 คัน เพื่อยกระดับการขนส่งสาธารณะในเมืองหลวง ยังลดการใช้พลังงานที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะฝุ่นPM 2.5 .ให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
นอกจากนี้ยังปกป้องผลประโยชน์ชาติ ไม่ต้องจ่ายค่าโง่คดีโฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้านบาท รวมทั้งคัดค้านโครงการรถไฟสายสีเขียว ไม่ให้ต่อสัมปทาน 30 ปี เนื่องจากสุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมาย
ขณะที่ช่วงวิกฤติโควิด- 19 ระบาดหนักในพื้นที่เมืองหลวง 3 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ทั้งนายอนุทิน รมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้ผนึกกำลังเพื่อบรรเทาสถานการณ์
กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปลี่ยนอาคารนิมิบุตร เป็นศูนย์แรกรับผู้ป่วย จากนั้น ได้ประสานกับกระทรวงคมนาคม เปลี่ยนสถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19
ระหว่างนั้นได้มีการเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่เมืองทองธานี เป็นโรงพยาบาลสนามขนาดมหึมา เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่เมืองหลวงที่เพิ่มขึ้น
ชัดเจนว่า “คนภูมิใจไทย” ทำสุดความสามารถ ทั้งที่ความจริง ระบบบริหารราชการนั้น ต้องแยกเป็นของหน่วยงานท้องถิ่นอย่าง กทม. แต่ภูมิใจไทย ก็กระโดดมาช่วยอย่างสุดตัว โดยไม่คิดแบ่งแยกหรือแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะเป้าหมายมีเพียงอย่างเดียวคือประชาชน
อีกหนึ่งเบื้องหลังที่สำคัญในการ “วัดใจ” คนกรุงเทพ คือ การได้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มาร่วมทัพ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง กทม. พรรคภูมิใจไทย ที่คอยกำหนดตัวขุนศึกลงสนาม และจัดวางยุทธศาสตร์การทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพรรคเป็นอย่างยิ่ง และทำให้คนกรุงจำนวนมากรู้จักพรรคภูมิใจไทยมากขึ้น
โดยมีนโยบาย ภายใต้แคมเปญ “ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7” ดูแลคนกรุง 24 ชั่วโมง 7 วัน ประกอบไปด้วย ดูแลคนกรุงเทพฯทุกวัน ทุกเวลา และครอบคลุมทุกวัย อาทิ การพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น, ปลอดดอกไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท ,กู้เงินฉุกเฉิน 50,000 บาท เพื่อเป็นทางออกประชาชน, One Day Pass Ticket ตั๋ววัน เช่น รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาท ตลอดวันไม่เกิน 50 บาท, รถไฟฟ้าเริ่มต้น 15 บาท ตลอดสายไม่เกิน 40 บาท, เครื่องกรองน้ำดื่มทุกชุมชน ส่วนนี้จะต้องไม่เป็นภาระของประชาชนในทุกชุมชนอีกต่อไป และติด Solar Roof ระบบไฟฟ้าบนหลังคาฟรีทุกครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถนำส่วนนี้มาเป็นการลดภาระของค่าไฟ
ลดภาษี 2 ทาง ผู้ให้ และผู้รับ วัยทำงานต้องไม่เสียภาษีซ้ำซ้อน จะได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายส่วนอื่นในการสร้างเนื้อสร้างตัว ส่วนวัยเกษียณที่ยังคงทำงานจะต้องมีนโยบายในการปรับเพดานภาษีเงินได้ เงินส่วนนี้ต้องเสียน้อยที่สุด เพื่อนำเงินส่วนต่างมาเป็นเงินออมเก็บไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเอง การให้โอกาสคือให้ชีวิตคืนสู่ครอบครัว , รักษาฟรีมะเร็ง และฟอกไตฟรีเช่นเดียวกัน สำหรับผู้สูงอายุ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ โควิด ฟรีฉีดถึงบ้าน สร้างโรงพยาบาล 4 มุมเมือง และเดินหน้ากฎหมาย เรื่องเวิร์ก ฟอร์ม โฮม ให้เกิดขึ้น
สิ่งเหล่านี้คือพันธกิจ ของพรรคปฏิบัติการ”ภูมิใจไทย” ภายใต้การนำของนายอนุทิน ที่อาสาตัวมาดูแล คนกรุงเทพฯด้วยนโยบายใหม่ และผลงาน 4ปี “พูดแล้วทำ” เพื่อขอคะแนนเสียงเข้าไปทำงานยกระดับวิถีชีวิตคนกรุงเทพให้ดียิ่งขึ้น.