เวลา 09.30 น. 18 เมษายน 2566 ที่โรงเรียนจันทรุเบกษา อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคเพื่อไทย, กรรมการบริหารพรรค, ผู้บริหารพรรค, ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย ศักดา คงเพชร เขต 7 เบอร์ 7, กิตติ สมทรัพย์ เขต 6 เบอร์ 5, จิราพร สินธุไพร เขต 5 เบอร์ 3, และ ชญาภา สินธุไพร เขต 8 เบอร์ 4 โดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยกว่า 5,000 คน
เศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่าตนเองชื่นใจที่ได้เดินทางมาปราศรัยที่ร้อยเอ็ด ตนรับทราบได้ถึงสายตาที่เป็นมิตร รอยยิ้ม และความจริงใจที่มีให้กับตน และคณะ ตอนนี้รู้แล้วว่าทำไมคณะทำงานจาก กทม. จึงอยากเดินทางมาเยือนจังหวัดร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เวทีแรกที่ตนมาก็คือเวทีจังหวัดร้อยเอ็ดนี้ ตนรู้ว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนรายได้ตกต่ำ อากาศไม่บริสุทธิ์ ยาเสพติดระบาดทุกหัวระแหง แต่พรรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งกลับมีนโยบายกัญชาเสรี แต่เพื่อไทยยืนยัน เราสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเดียว
ทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด รวมถึงจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำข้าวพันธุ์ทุ่งกุลาร้องไห้ จดทะเบียนเป็นของคนไทย สร้างรายได้มากมาย แต่กลับไม่มีใครสานต่อตรงนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเรายืนยัน สินค้าเกษตรจะราคาสูงขึ้น 3 เท่า และเราจะใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยในการเพิ่มผลผลิตให้พี่น้อง และพรรคเพื่อไทยจะออกไปเปิดตลาดใหม่ๆให้พี่น้อง
นอกจากนี้ เรายังมีนโยบายเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท เพื่อให้พี่น้องประชาชรเอาไปจับจ่ายใช้สอย ในระยะทาง 4 กิโลเมตรนับจากที่อยู่ตามบัตรประชาชน และต้องใช้ภายใน 6 เดือน ผลประโยชน์นี้ไม่ได้ตกอยู่แค่กับพี่น้องที่ได้เงินในบัตรเท่านั้น แต่คนค้าขาย คนที่มีสินค้าต่างๆจะได้ประโยชน์ไปด้วย นี่ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั้งระบบ
“ขอให้พี่น้องชาวร้อยเอ็ดทุกคนออกไปใช้เสียงในวันที่ 14 พฤษภาคมให้ถล่มทลาย เข้าคูหา กาเพื่อไทยให้ถล่มทลายทั้ง 2 ใบ เลือกทั้งคน ทั้งพรรค ไม่ปันใจให้ใคร ไม่มีพรรคพี่ ไม่มีพรรคน้อง เราจะกลับมามีความเจริญรุ่งเรื่องอีกครั้ง” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้าน ชญาภา สินธุไพร กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งถึงข่าวใส่ร้ายป้ายสีในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งชญาภากล่าวว่า หลายท่านได้ยิน นามสกุล ‘สินธุไพร’ ก็ยังสับสนสงสัย กราบเรียนทุกท่านว่า สินธุไพร ที่มี พ่อนิสิต-แม่เอมอร และพี่น้ำ จิราพร สินธุไพร อยู่กับ พรรคเพื่อไทย ไม่เคยย้ายพรรคหนีไปไหน
และที่สำคัญอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย อยู่กับพรรคเพื่อไทยมาตลอด ไม่เคยรับใช้หรือเป็นนั่งร้านให้กับฝ่ายเผด็จการแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ทั้งนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดคือพื้นที่ประชาธิปไตยคือเกียรติภูมิ คือฐานที่มั่นของฝ่ายประชาธิปไตยมาโดยตลอดเท่านั้น