ซื้อเสียง=ถอนทุนคืน – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ใกล้ได้เข้าคูหา กาเบอร์ที่ชอบ กันเต็มทนแล้วครับ

อีกแค่ ยี่สิบกว่าวัน

ถือว่าเกือบถึงโค้งสุดท้ายแล้ว

ช่วงโค้งสุดท้ายถือว่าสำคัญสำหรับผู้สมัคร ส.ส. โดยเฉพาะสนามเลือกตั้งที่คะแนนสูสี หายใจรดต้นคอกัน

วางแผนดี คะแนนพลิกได้

ประมาทเมื่อไหร่ ก็จบเห่ได้เหมือนกัน

โค้งสุดท้ายยังเป็นช่วงที่ยิงกันแหลก

กระสุนทำมาจากแบงก์ครับ

สมัยนี้แบงก์ม่วงถือว่าน้อยไปแล้ว

ต้องเริ่มต้นแบงก์พัน

แบงก์ม่วงเย็บติดกับแบงก์พัน ถือว่าพื้นๆ

สาดกระสุนหนักคือ แบงก์พันเย็บติดกัน ๒ ใบขึ้นไป

อย่าคิดว่าไม่มีนะครับ พรรคที่บอกรับเงินหมา ไปกาอีกเบอร์ นี่แหละตัวดี เล่นบทหมาเสียเอง เป็นมานานแล้วด้วย

ฉะนั้นก่อนการเลือกตั้ง อะไรที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ควรนำมาพูดกันให้หมดเปลือก

ดีกว่ารู้ทีหลังว่า ดันเลือกคนโกงเข้าสภา

คอร์รัปชันเป็นปัญหาใหญ่ที่นักการเมืองโดยรวมไม่อยากจะแก้ไข เพราะการแก้ไขคือการทุบหม้อข้าวตัวเอง

การคอร์รัปชันเริ่มต้นตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ยันเข้าสู่อำนาจเป็นรัฐบาล ฉะนั้นปัญหาคอร์รัปชันส่วนหนึ่งก็เกิดจากประชาชนนั่นเอง

การซื้อ-ขายเสียง ถือเป็นการคอร์รัปชันที่กัดกิน การเมืองไทยมานาน และจะดำรงอยู่ต่อไปหากประชาชนไม่ตระหนักว่านั่นคือหนทางสู่หายนะ

การซื้อเสียง นำมาซึ่งการถอนทุนคืน เป็นสูตรตายตัว

ไม่มีนักการเมืองคนไหนซื้อเสียงประชาชนไปแล้ว จะไม่ถอนทุนคืน

ฉะนั้นต้องท่องให้ขึ้นใจ

ต้องลืมตรรกะ โกงไม่เป็นไรขอให้แบ่งกัน ให้ได้

ครับ…องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เผยแพร่ “รายงาน ๑๐ ปีคดีโกงของนักการเมืองไทย”

รวบรวมข้อมูลจากการนำเสนอข่าวโดยสื่อมวลชน เฉพาะคดีที่มีการชี้มูลความผิดโดย ป.ป.ช. การตัดสินคดีโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ระหว่างปี ๒๕๕๕ ถึงปัจจุบัน

พบว่า มี ๖๑ คดี และมีนักการเมืองกระทำผิด ๖๘ คน

ใน ๖๑ คดี จำแนกตามลักษณะความผิด ดังนี้

๑.โกงเลือกตั้ง ๒๕ คดี

๒.ยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ๙ คดี

๓.โกงจัดซื้อจัดจ้างและฮั้วประมูล ๘ คดี

๔.เอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ๘ คดี

๕.ประพฤติมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ๓ คดี

๖.แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ๒ คดี

๗.ร่ำรวยผิดปกติ ๒ คดี

๘.บุกรุกที่ดินหลวง ๒ คดี

๙.เรียกรับสินบน ๑ คดี

๑๐.เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ๑ คดี

สำหรับนักการเมือง ๖๘ คนในที่นี้หมายถึง ส.ส. ส.ว. สนช. รัฐมนตรี ทั้งจากพรรคเล็ก พรรคใหญ่ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน

โดยรวมก็คือนักการเมืองที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภานั่นแหละครับ

ข้อมูลของ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ได้ระบุถึงคดีคอร์รัปชันโครงการขนาดใหญ่มักมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ทำกันเป็นเครือข่ายและมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย

อย่างไรก็ตามกลับพบว่าส่วนใหญ่มีแต่ข้าราชการที่ถูกดำเนินคดี เช่น

คดีถุงมือยาง ความเสียหาย ๒ พันล้านบาท

คดีสร้างโรงพัก มูลค่า ๕,๘๔๘ ล้านบาท

แฟลตตำรวจทั่วประเทศ มูลค่า ๓,๗๐๐ ล้านบาท

แต่ก็มีคดีที่มีหลักฐานแน่นหนาว่ากระทำโดยนักการเมือง เช่น คดีสนามฟุตซอล มูลค่า ๔,๔๕๐ ล้านบาท และคดีรุกป่า เป็นต้น

สำหรับคดีที่ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ระบุได้ว่าสร้างความเสียหายให้ประเทศมูลค่าสูงสุดในรอบ ๑๐ ปี ได้แก่

คดีโครงการจำนำข้าว มูลค่า ๑.๓ แสนล้านบาท

ตามด้วยคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน มูลค่า ๒.๔๙ หมื่นล้านบาท

มีอีก ๘ คดีที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและฮั้วประมูล มีมูลค่าความเสียหายรวมกัน ราว ๕.๒ หมื่นล้านบาท

ดูเหมือนการปราบคอร์รัปชันในประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ จากที่นักการเมืองไม่เคยติดคุก มาวันนี้ติดคุกไปหลายรายแล้ว แต่…ยังครับ

สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก

เพราะแต่ละปีเกิดเรื่องอื้อฉาวและเรื่องร้องเรียนต่อป.ป.ช. และยื่นฟ้องต่อศาลจำนวนมาก

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ยืนยันว่ามีเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่ถูกชี้มูลและศาลตัดสินว่าผิดจริง

เพราะคดีอื้อฉาวจำนวนมากใช้เวลาดำเนินคดีมากกว่า ๑๐ ปีถึง ๓๐ ปีก็มี

บางคดีผ่านไป ๒๐ ปีเพิ่งแจ้งข้อกล่าวหา

บางคดีเอาผิดใครไม่ได้เพราะหมดอายุความ

ฉะนั้นในแง่ของกระบวนการปราบคอร์รัปชัน ยังถือว่าไม่แข็งแรงพอ

ตามสถิติการดำเนินคดีนักการเมืองข้อหาร่ำรวยผิดปรกติน้อยมาก

ทั้งที่พบว่า นักการเมืองแจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ร่ำรวยมากขึ้นหรือลดลงอย่างผิดปกติจำนวนมาก

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน พบข้อมูลว่า เกิดพฤติกรรมประหลาดของนักการเมืองเมื่อเกิดคดีความ หรือส่อว่าจะมีคดี

เช่น จดทะเบียนหย่าจากคู่สมรส

เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เป็นต้น

จากรายงาน เห็นได้ชัดว่าหากเราเลือกนักการเมืองโกงเข้ามา ประเทศอาจล่มจมได้

นี่คือบทเรียน

ฉะนั้นการปราบคอร์รัปชัน ต้องแก้จากจุดเริ่มต้นให้ได้

ประชาชนไม่ขายเสียง นักการเมืองไม่ซื้อเสียง

ถ้าแก้ตรงนี้ไม่ได้ก็อย่าหวังว่าประเทศไทยจะปลอดจากคอร์รัปชัน

เพราะประชาชน อยู่ร่วมในขบวนการคอร์รัปชันนั่นเอง

Written By
More from pp
โรงพยาบาลนครธน ยืนหนึ่งย่านพระรามที่ 2 พร้อมดูแลสังคม “สูงวัย”
 ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์ ตามข้อมูลจากกรมกิจการผู้สูงอายุ ประเทศไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุที่ 16.73% ในปี 2563 นี้ และคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในปี...
Read More
0 replies on “ซื้อเสียง=ถอนทุนคืน – ผักกาดหอม”