คิดใหญ่แต่คิดสั้น-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ยังไม่สะเด็ดน้ำ

พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ แต่ไม่รอบคอบ

ที่บอกว่า ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน นั้น แปลได้เป็นสองความหมาย

ความหมายแรกคือทำเพื่อ พรรคเพื่อไทย

อีกความหมายคือ เพื่อคนไทยทุกคน

แล้วเป็นอย่างไหนกันแน่?

ปกติพรรคการเมืองคิดนโยบาย ต้องตกผลึกแล้ว ก่อนที่จะนำเสนอต่อสาธารณะ

แต่นโยบายแจกหัวละ ๑ หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย ดูเหมือนจะไปตายดาบหน้า

หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทวงถามเรื่องที่มาของเงินที่จะใช้ตามนโยบาย คำตอบจากพรรคเพื่อไทยคือ “กำลังรวบรวมข้อมูล”

วันนั้น “ชลน่าน ศรีแก้ว” ตอบแบบส่งเดชขอไปที

ผ่านมา ๓-๔ วันแล้ว กลับยังไม่มีรายละเอียดใดๆ จากพรรคเพื่อไทย

หรือว่ายังรวบรวมข้อมูลไม่เสร็จ?

ข้อมูลมันมากขนาดนั้นเลยหรือ

พรรคเพื่อไทยยังทำข้อมูลไม่เสร็จ แต่กลับนำเสนอนโยบาย ที่เสี่ยงพาประเทศลงเหวก่อน ได้อย่างไรกัน

นี่แสดงว่ากระบวนการทำนโยบายของพรรคเพื่อไทยมีปัญหา

หรือมีใครบงการให้ทำ

คำว่า “รวบรวมข้อมูลก่อน” ก็แสดงว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านโยบายของตัวเองจะสร้างปัญหาให้แก่ประเทศในอนาคต

เพราะยังไม่มีการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย

ที่สำคัญยังไม่รู้จะสามารถหาเงิน ๕ แสนล้านมาจากไหนด้วยซ้ำ

ฉะนั้นมาดูที่มาที่ไปของนโยบายนี้กันครับ

ย้อนกลับไปวันที่ ๑๗ มีนาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเปิดนโยบายใหม่ ภายใต้แคมเปญ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

วันนั้น “เศรษฐา ทวีสิน” ประกาศว่า

…นโยบายใหม่ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยการสร้าง “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet) ให้คนไทยที่มีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ได้จับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันใกล้บ้าน พร้อมเงินติดกระเป๋าที่รัฐจะแจกให้ทุกคน แต่เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชน และต้องอยู่ในรัศมี ๔ กิโลเมตรเท่านั้น เงินดิจิทัลนี้ มีอายุการใช้งาน ๖ เดือน และร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารรัฐในภายหลัง

นโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชุมชน เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นไปจนระดับประเทศ….

วันนั้น “เศรษฐา” ยังไม่เฉลยถึงเม็ดเงินงบประมาณ และยอดเงินที่จะแจกรายหัว การเปิดตัวนโยบายนี้ยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก

ถัดมาวันที่ ๒๑ มีนาคม “ทักษิณ ชินวัตร” ในร่าง “โทนี่ วูดซัม” พูดผ่านรายการ CareTalk x Care ClubHouse ในหัวข้อ “เติมเงินครั้งใหญ่ คนไทยไร้จน! ไม่จกตาแน่นะวิ?”

“โทนี่” บอกว่า

…นโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย แม้จะดูหวือหวา แต่เท่าที่มองเห็นว่ายังรักษาวินัยการคลังไว้อยู่ คือดูแลค่าใช้จ่ายและรายได้ไปคู่กัน

หากขาดวินัยการคลัง เสถียรภาพค่าเงินบาทจะย่ำแย่ลง

นโยบาย Digital Wallet ของเพื่อไทยมีความทันสมัย เริ่มมีการนำมาใช้ในต่างประเทศ มีความปลอดภัยจากโจรกรรม

คุณสมบัติของ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ของพรรคเพื่อไทยคือให้ใช้จ่ายได้ในรัศมี ๔ กิโลเมตรจากบ้าน ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก ให้เงินหมุนเวียนอยู่ในท้องถิ่น เป็นแนวคิดรดน้ำที่ราก ให้ยั่งยืนตั้งแต่ฐานถึงยอดไม้ โดยผสานเข้ากับเทคโนโลยี…

และวันนั้น “ทักษิณ” พูดถึงตัวเงินไว้ชัดเจน

…ไม่อยากให้ประชาชนอยู่อย่างยากลำบาก ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในช่วงแรกจึงต้องอุดหนุน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อครัวเรือน ควบคู่ไป

เพื่อไทยมา เราเริ่มต้นรักษาสภาพของคนไทยให้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พร้อมกับสร้างรายได้ควบคู่กันไป

แล้วพอรายได้ทุกครอบครัวเกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ก็ไม่ต้องอุดหนุนต่อ ถ้าเขาอยากอุดหนุนน้อย เขาต้องเร่งเครื่องให้คนไทยมีรายได้ให้มากโดยเร็วที่สุด

นโยบาย Digital Wallet ต่อยอดจาก Blockchain ที่เปรียบเหมือนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้านการเงินการออม มีลักษณะเป็น Smart Contract คือกำหนดระยะเวลาในการใช้ ไปจนถึงระยะทางที่ใช้ได้

เช่น ต้องใช้ภายใน ๔ เดือน ภายในรัศมี ๔ กิโลเมตร ถ้าทำผิด Smart Contract ก็ไม่สามารถใช้เงินได้…

เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นนะครับว่า นโยบายประชานิยมสุดขั้วนี้มีจุดกำเนิดอย่างไร

จากใคร?

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาตลอดว่า “ทักษิณ” ครอบงำพรรคเพื่อไทย

แต่ก็ไม่ชัดเจนว่า จะจัดการกับกรณีนี้อย่างไร

นี่จึงเป็นอีกครั้ง ที่พรรคเพื่อไทย ถูกบงการโดย “ทักษิณ”

แม้ “เศรษฐา” จะเป็นคนเปิดนโยบาย แต่การลงไปในรายละเอียด ดูเหมือนว่า “ทักษิณ” ช่วยคิดอยู่ตลอดเวลา

ในวันที่ยังไม่มีการพูดว่า แจกหัวละหมื่น

“ทักษิณ” บอกว่าต้องแจกครอบครัวละ ๒ หมื่นบาท

ใช่ครับ!

เพราะมันยังไม่ตกผลึก

กระทั่งวันที่ ๕ เมษายน “เศรษฐา” ถึงได้ประกาศ แจกหัวละ ๑ หมื่นบาท

ประชาชนกว่า ๕๐ ล้านคน รวย จน เท่าเทียม ได้กันทั่วหน้า

แต่ก็ยังไม่ตกผลึก เพราะข้อมูลไม่ครบ ไม่บอกที่มาของเงินงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท

จน กกต.ต้องทวงถาม

จึงยังเป็นนโยบายที่ผิดกฎหมาย

นี่คือพรรคที่ตั้งเป้าชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์

อยากเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

เอามั้ย?

Written By
More from pp
“ศ.ดร.นฤมล” ควง “ชวน ชูจันทร์” ลุยเขตทวีวัฒนา ตลิ่งชัน ชู “ป๊อป นิธิ” ทางเลือกพร้อมดูแลปชช.สานต่อตลิ่งชันโมเดลเน้นท่องเที่ยวชุมชน – ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย 360 องศา ดูแลสุขภาพให้ ปชช.เชิงรุก
9 พฤษภาคม 2566 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม. ร่วมกับ...
Read More
0 replies on “คิดใหญ่แต่คิดสั้น-ผักกาดหอม”