‘ลมแดด’ มหันตภัยร้าย – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

อนิจจัง

ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนจริงๆ

การจากไปของ “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” เป็นคำเตือนสำหรับเราทุกคน อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด สังเกตตัวเองอย่างมีสติ

รู้จักตัวเองให้มากที่สุด

สิ่งเหล่านี้จะประคับประคองการมีชีวิตอยู่ในวันนี้และพรุ่งนี้

การใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ต้องเผชิญกับความเครียดรอบกายมากมาย ทั้งจากผู้คน การเมือง สิ่งแวดล้อม โรคภัยไข้เจ็บ ฯลฯ

ภาวะฮีตสโตรก ภาษาชาวบ้านเรียก โรคลมแดด เนื่องจากอยู่ในอากาศร้อนจัด สาเหตุคร่าชีวิตของ “ชนม์สวัสดิ์” เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรับรู้และเข้าใจ

จะบอกว่าไกลตัวไม่ได้

เพราะเรายังต้องอยู่กับช่วงหน้าร้อนไปอีกเดือนกว่า

ฮีตสโตรก พร้อมที่จะคร่าชีวิตทุกคนที่พาตัวเองเข้าไปสู่ความเสี่ยง

เรื่องแบบนี้ต้องฟังจากคุณหมอครับ

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเอาไว้ ตั้งหัวเรื่องว่า…

…ลมแดด! มันมากับความร้อน…

ลักษณะอากาศ ช่วงนี้ประเทศไทยจะมีอากาศร้อนอบอ้าวเกือบทั่วไป จะสูงกว่าค่าปกติ และสูงกว่าปีที่ผ่านมา อากาศร้อน อุณหภูมิอย่างนี้ ขนาดที่ว่าต้มไข่สุก ด้วยกลางแดดปรอทขึ้นไปถึง ๔๒ องศา

อุณหภูมิขนาดนี้ ร่างกายจะมีการสูญเสียเหงื่อ นํ้า เกลือแร่มหาศาล คนที่เป็น สว. (สูงวัย) และยังมีโรคประจําตัว เช่น ความดัน ต้องทานยาลดความดันโลหิตอยู่แล้ว มีเส้นเลือดหัวใจ สมองตีบ มีโรคไต การขาดนํ้า เกลือแร่ ทําให้เลือดข้น เกิดการกําเริบของโรคเส้นเลือดตีบและโรคไต

แม้แต่คนที่คิดว่าแข็งแรงยังหนุ่มสาว การขาดนํ้าเกลือแร่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในสมองจะแปรปรวน ทําให้อุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน ๔๐ องศา

แทนที่ตัวจะมีเหงื่อกลับแห้ง ตัวร้อนจัด พูดสับสนไม่รู้เรื่อง ซึ่งถ้าถึงระดับนี้จะหมายถึงอาการ “ฮีตสโตรก” (Heatstroke) หรือ “อุณหฆาต” คือถึงตาย

ไม่ใช่แค่อุณหอัมพาต อ่อนแรงเฉยๆ อาการฮีตสโตรก คนไทยอาจจะคุ้นกันดีในชื่อโรคลมแดด

โรคลมแดดเป็นภาวะวิกฤติของร่างกาย ที่ไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ เนื่องจากอากาศร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ๕-๑๐ องศาเซลเซียสในระยะเวลาสั้นๆ ภาวะนี้จะทําให้สมองรู้สึกชินชากับความร้อนที่ได้รับ จนไม่รู้สึกกระหายนํ้า ทั้งๆ ที่สมดุลนํ้าและเกลือแร่ในร่างกายเสียหาย ส่ง ผลให้ระดับความดันเลือดตก เลือดที่มีนํ้าเป็นส่วนประกอบไปเลี้ยงสมอง กล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอ ทําให้เกิดอาการไตวาย หากเป็นมากๆ เซลล์กล้ามเนื้อก็จะเริ่มแหลกสลาย มีของเสียตกตะกอนในไต ทําให้เกิดไตวายซํ้าซ้อน และเสียชีวิตในที่สุด

โรคลมแดด จะเห็นเป็นข่าวบ่อยๆ กับชาวบังกลาเทศ ทําให้มีผู้เสียชีวิตครั้งละมากๆ

ฮีตสโตรกสําหรับคนไทยเป็นเพียงการเตือนแบบเบาะๆ ให้ระมัดระวัง ทั้งนี้เชื่อว่าอากาศร้อนในประเทศไทยจะไม่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วเหมือนต่างประเทศ

ที่ผ่านมา อุณหภูมิในบ้านเรา มักไต่ระดับทีละเล็กละน้อยครั้งละ ๑-๒ องศาเซลเซียส จาก ๓๕ องศาฯ เป็น ๓๖ องศาฯ และจาก ๓๖ องศาฯ เป็น ๓๗ องศาฯ จะไม่เพิ่มขึ้นจาก ๓๕ องศาฯ ทีเดียวไปเป็น ๔๐ องศา การไต่ระดับสูงขึ้นทีละน้อย

ร่างกายคนไทยจะชิน ปรับสมดุลได้เอง อาจไม่ต้องกังวลมาก

แต่อย่างไรก็ตาม เริ่มมีคนไทยตายจากฮีตสโตรกแล้วโดยเฉพาะในช่วง ๕-๖ ปีที่ผ่านมา

โดยเฉพาะในกลุ่มทหารที่ต้องฝึกกลางแดด ยังมีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังอีก ได้แก่ ทารก เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนที่มีความพิการทางสมอง จิตประสาทแปรปรวน เป็นโรคหัวใจ ความดัน คนเหล่านี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือปรับตัวเองได้ไม่ดี

อีกข้อที่สําคัญ ความร้อนของอากาศยังขึ้นกับความชื้นในอากาศ ซึ่งป้องกันไม่ให้เหงื่อระเหยระบายความร้อนออกไม่ได้ ทําให้ความร้อนจริงที่ร่างกายต้องเผชิญสูงมากขึ้น ยิ่งอยู่กลางแดดและมีลมร้อนจัด สภาวะแวดล้อมแบบนี้จะอันตรายยิ่งขึ้น

ที่ต้องระวังในช่วงสงกรานต์ เช่นออกกําลังกายกลางแจ้ง ตีแบดฯ ตีเทนนิส ก็มีโอกาสเป็นลมแดดได้ และแม้อยู่ในที่อับ ร้อนจัด ชื้น อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ไม่ได้อยู่กลางแจ้ง ก็เป็นได้เช่นกันถึงแม้จะเสี่ยงน้อยกว่า

อันตรายที่เกี่ยวกับแดดและความร้อน (และชื้น) แบ่งระดับความรุนแรงได้ ๔ ระดับ

ระดับแรก แดดเผา ผิวบวม แดง ลอก

ระดับที่สอง ตะคริวตามน่อง กล้ามท้อง

ระดับที่สามเพลียรุนแรง ใกล้จะช็อก ตัวเย็นชืดชื้น ชีพจรเร็วเบา เป็นลม อาเจียน แต่อุณหภูมิร่างกายยังปกติ

ระดับที่สี่ ฮีตสโตรกถือเป็นภาวะฉุกเฉินวิกฤติ อุณหภูมิร่างกายอาจสูงถึง ๔๑ องศาเซลเซียส ผิวแห้ง ร้อน ชีพจรเร็ว แรง อาจหมดสติ ถึงขั้นเสียชีวิต เหมือนสมองและเครื่องในสุก

อาการฮีตสโตรก ต้องได้รับการรักษาโดยด่วนในโรงพยาบาล

การปฐมพยาบาลขั้นต้น ให้ประคบเย็นตามซอกตัว เช็ดตัว พัดลมระบายความร้อน นอนราบ ยกเท้าสูง หลบ แดด ผึ่งลม ประคบเย็น และจิบนํ้า

ถ้าอาการหนักมาก การใช้นํ้าเย็นอาจทําให้เกิดตะคริวท้อง ให้นอนราบหรือตะแคง หากอาเจียนร่วมด้วย

จําไว้ว่าการดื่มนํ้าจะทําให้เกิดอันตรายในระดับ ๓ และถ้ามีอาการในระดับ ๔ ห้ามให้นํ้าดื่มเด็ดขาด เพราะจะเกิดอันตรายรุนแรงได้

ระยะนี้การพยาบาลให้นํ้าทางปากอาจเป็นอันตรายได้ ยิ่งถ้าคนสูงอายุมีโรคประจําตัวที่ต้องได้รับยาดังกล่าวข้างต้น ยิ่งมีอันตรายสูงเข้าไปอีก

คนอ้วน คนที่ดื่มสุรา เบียร์ ของหวาน จะมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะความสามารถในการปรับตัวกับความร้อนจะไม่ดี

อาการก่อนหน้าที่จะถึงขั้นอุณหฆาต อาจนํามาด้วยตะคริว หรือหน้ามืด เพลีย คลื่นไส้ จะเป็นลม

เพราะฉะนั้นให้ดื่มนํ้าบริสุทธิ์มหาศาล อย่างน้อยวันละ ๒ ลิตร ข้อสําคัญให้หลีกเลี่ยงนํ้าหวาน นํ้าชา กาแฟ สุรา ถ้ายิ่งต้องออกไปกลางแดดนานๆ….

ครับ…ใครที่คิดว่าตัวเองร่างกายแข็งแรง สามารถทนทานกับอากาศร้อนได้ อย่าประมาทเด็ดขาด เพราะเกิดได้กับทุกคน

มีข้อมูลว่า แต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากฮีตสโตรกกว่า ๓๐ ราย มีผู้ป่วยประมาณ ๓ พันราย แม้จะไม่สูงมาก แต่เป็นการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน บุคคลใกล้ชิดไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ

มันคือความสูญเสียที่ทรมานสำหรับคนที่ยังอยู่

Written By
More from pp
พช.นนทบุรี ร่วมแสดงผลงานความสำเร็จปลูกผักสวนครัว พร้อมรับนโยบายสานต่อสู่เฟส 2
วันที่ 28 มิ.ย.63 เวลา 09.00น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย สุทธิพงษ์ จุลเจริญประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามแนวทาง...
Read More
0 replies on “‘ลมแดด’ มหันตภัยร้าย – ผักกาดหอม”