ผักกาดหอม
เชื่อหรือไม่?
หากพูดถึงการตีบทแตก นักการเมือง ทำได้เนียนกว่า ดารา นักแสดง
พ.ศ.นี้ พฤติกรรมนักการเมืองดูจะแย่ลงเรื่อยๆ
ปกติเวลา ส.ส.ย้ายพรรค หากไม่มีความขัดแย้งถึงขั้นลากไส้กันไปมา ก็ไม่ค่อยทับถมพรรคเดิมที่ตัวเองสังกัด
แต่… “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน” ไม่ใช่คนแบบนั้น
ที่จริงก็ไม่แปลกใจอะไรครับ เพราะ “สุริยะ-สมศักดิ์” มีดีเอ็นเอของ “ชินวัตร” อยู่ในตัว
เป็นพันธุกรรมที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกแล้ว
เพียงแต่บางช่วงบางเวลาแปรสภาพเป็นกาฝาก เพื่อความอยู่รอด
ก็อย่างที่ “สมศักดิ์” พูดไว้ก่อนหน้านี้ครับว่า เล่นการเมืองมากว่า ๓๐ ปีไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน
เป็นรัฐมนตรีมาตลอด
“สุริยะ-สมศักดิ์” ก็เช่นกัน
เป็นกาฝากในพลังประชารัฐ โดยที่หลายคนไม่ทันเฉลียวใจ รู้ตัวอีกทีก็อย่างที่เห็น
ออกจากพลังประชารัฐธรรมดา ก็ไม่ยี่ห้อ “สองเกลอหัวครก” แน่นอน
ฉะนั้นต้องฝากรอยเอาไว้หน่อย
“…วันนี้ฟ้าเปิด เมฆหมอกจางหายสู่บรรยากาศประชาธิปไตย ผมประทับใจทีมเพื่อไทยที่เข้าใจ เป็นกลุ่มคนธรรมดา ไม่ใช่คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ที่พูดกับชาวบ้านแล้วไม่เข้าใจ
พรรคเพื่อไทยสามารถทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและมีทีมงานที่คอยสนับสนุน ซึ่งในอดีตนโยบายพรรคไทยรักไทยสมัยนายกฯ ทักษิณ บรรลุเป้าหมายเด่นชัด นำไปสู่การปฏิบัติได้ ไม่แลนด์สไลด์ก็เกือบแลนด์สไลด์โดยไม่ต้องมีพวกผมเลย
ต้องขอขอบคุณพี่น้องสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ต้อนรับ โทรมาให้กำลังใจ ซึ่งผมพร้อมเดินหน้าทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่…”
“สมศักดิ์” พูดครับ!
ราวกับว่า เป็นรัฐมนตรียุติธรรมา ๔ ปีเต็ม ฟ้าปิดมาตลอด
เป็นไปได้ครับ เพราะนับแต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ คอการเมืองก็รู้ว่า “ไม่ใช่ทาง”
“สมศักดิ์” ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงแบบนี้
นั่นอาจเป็นเหตุที่ “สมศักดิ์” รู้สึกว่า ฟ้าปิด
ช่วงตั้งรัฐบาลปี ๒๕๖๒ มีข่าวออกมาเยอะว่า “สมศักดิ์” ขู่ เตรียมนำ ๓๐ ส.ส.กลุ่มสามมิตรย้ายออกจากพรรคกลับไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพราะต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่สำเร็จ
วันนั้น “สมศักดิ์” ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
จำได้มั้ยครับ พูดไว้อย่างไร
“…มีข่าวปล่อยลักษณะนี้มาตลอด ฟังแล้วก็พอรับได้ แต่การพูดให้พรรคเสียหาย โดยเฉพาะตัวเองที่เสียหายไปด้วย กลายเป็นคนไม่ได้อะไรดังใจก็จะพาพรรคพวกย้ายออก
ขอเรียนว่า ตั้งแต่ทำการเมืองมา ตัวเองมีปัญหาน้อยที่สุด ความมีศักดิ์ศรีของเราต้องยึดหลัก และสิ่งที่ผ่านมาในอดีต เพราะผมอยู่พรรคการเมืองมานาน
เริ่มตั้งแต่พรรคกิจสังคม อยู่กันจนแยกย้ายตายจากกันไป จากนั้นย้ายไปพรรคไทยรักไทย สุดท้ายก็ถูกยุบพรรค และกลุ่มที่สามที่เรามาอยู่ด้วย คือพรรคพลังประชารัฐ
ขอเรียนว่า แม้จะมีเปรี้ยวหวานมันเค็มผสมผสานกันไป เราก็ไม่คิดจะหนีหายไปจากพรรค ต้องปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดไป…”
วันนี้ศักดิ์ศรีหายไปไหน?
ไหนบอกปักหลักพลังประชารัฐตลอดไป
นี่…นักข่าวถามว่าจากนี้จะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองอีกหรือไม่
“สมศักดิ์” ตอบว่าไงรู้มั้ยครับ
“ไม่เปลี่ยนขั้วแน่นอน จะตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อให้ได้ ส.ส.มากที่สุด”
เชื่อมั้ย?
อีกประเด็นที่บอกว่า “ผมประทับใจทีมเพื่อไทยที่เข้าใจ เป็นกลุ่มคนธรรมดา ไม่ใช่คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ที่พูดกับชาวบ้านแล้วไม่เข้าใจ”
ก็คงหมายถึง “ลุงตู่” นั่นแหละครับ
การแสดงบทผู้นำของ “ลุงตู่” มีอยู่อย่างหนึ่งที่สังเกตเห็นชัดเจน
คือ…ไม่แสดงบท เจ้าของคอก
แต่พรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร ใครชี้นิ้วบงการอยู่เบื้องหลัง “สมศักดิ์” ก็รู้ดี
ถ้ามีประชาธิปไตยในพรรคเพื่อไทยจริง “อุ๊งอิ๊ง” ต้องเริ่มต้นจาก “เด็กกวาดบ้าน” ไม่ใช่ “หัวหน้าครอบครัว”
มาที่ “สุริยะ”
“…๘ ปีที่ผ่านมาที่มีการทำรัฐประหาร ทำโครงสร้างเศรษฐกิจพังทลาย จนนักลงทุนไม่กล้าเข้ามา
๔ ปีหลังพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล แต่เสียงไม่มากพอ ทำให้กระทรวงเศรษฐกิจไปอยู่พรรคอื่น ทำให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้
มีโอกาสไปพบกับประธานหอการค้าฯ ช่วงหลังทุกคนบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย ถ้าเกิดอยู่ต่อไปคงทุกข์ยากลำบากมาก
บางคนที่สนิทกันก็มากระซิบว่าท่านย้ายพรรคเถอะ และลงพื้นที่เจอเพื่อนฝูง ไม่มีใครเชียร์ให้อยู่พรรคพลังประชารัฐเลย ดังนั้นจึงต้องย้ายพรรค และต้องได้ ส.ส.แลนด์สไลด์เพื่อผลักดันนโยบายตามสโลแกนคิดใหญ่ ทำเป็น…”
แบบนี้เขาเรียกว่า ขี้บนหลังคา
คณะรัฐมนตรี คือ คณะบุคคลซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกิน ๓๕ คน ใช้อำนาจบริหาร มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน
รัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๘ บัญญัติไว้เช่นนั้นครับ
มี “หน้าที่” รับผิดชอบร่วมกัน
หมายความว่า รัฐบาลบริหารประเทศไม่ดี รัฐมนตรีทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน
เช่นเดียวกัน หากรัฐบาลพาชาติเจริญรุ่งเรือง ก็ได้หน้ากันทั้งคณะรัฐมนตรี
ความรับผิดชอบร่วมกันยังโยงไปถึงจริยธรรมทางการเมือง
นักการเมืองที่มีจริยธรรม ไม่แสดงพฤติกรรม เผาเรือน
…เจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก
แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร…
คงจำกันได้นะครับ
ลูกกาตายเกลี้ยง เพราะลูกกาเหว่าแย่งกินหมด
ลูกกาเหว่าปีกกล้าขาแข็งก็โบยบิน
ถึงวัยเจริญพันธุ์ ก็สืบพฤติกรรมตามพันธุกรรม
ไข่ฝากรังแม่กา