คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
มี “พระราชกฤษฎีกา”……….
ประกาศ “ยุบสภาผู้แทนราษฎร” แล้ว ตั้งแต่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
“เสียดาย” จัง สภาถูกยุบ
แต่ “ดีใจ” จัง
จะได้จุดธูปอธิษฐาน เลือกตั้งเดือนพฤษภา.ขอให้ประเทศชาติได้ “ผู้แทนราษฎร” จริงๆ เข้ามาเป็นส่วนใหญ่
ประเภท “ตัวเงิน-ตัวทอง” จะแฝงเข้ามาบ้าง
ก็ขอมีเพียงเป็นกระสายใช้ “ตัดเค็ม-ตัดจืด” นิดหน่อยพอ
สภายุบแล้ว จะมีเลือกตั้งใหม่วันไหน?
ก็เป็นไปตามข้อความในประกาศ ดังนี้…….
มาตรา ๓ ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
มาตรา ๔ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันแต่ไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
ก็…….
“ไม่น้อยกว่า ๔๕ วัน แต่ไม่เกิน ๖๐ วัน” นับจาก ๒๐ มีค.๖๖
ภายใน ๔๕ วัน ก็ปลายเมษา.
แต่ถ้าไม่เกิน ๖๐ วัน ก็ ภายใน ๒๐ พฤษภา.
เหมาะสม ลงตัวสุด ก็ไม่หนี ๒ วันนี้ คือ ถ้าไม่ อาทิตย์ที่ ๗ พฤษภา.ก็เป็น ๑๔ พฤษภา. ๒ วันนี้ เท่านั้น
ก็รอฟังกำหนดวันที่แน่นอน
เข้าใจว่า ไม่วันนี้ ก็พรุ่งนี้ กกต.ประกาศออกมาแน่!
อันที่จริง พรรคอื่นๆไม่ต้องลงเลือกตั้งก็ได้
ลงไปก็เมื่อยตุ้มเปล่า!
เพราะ “พรรคเพื่อไทย” ขนาดก่อนยุบสภา ยังประกาศขยับเป้าแลนด์สไลด์ จากเดิม ๒๕๐ สส. ขึ้นไปอยู่ที่ ๓๑๐ สส.
สส.เขต มีทั้งหมด ๔๐๐ เขต
เพื่อไทยกวาดไปแล้ว ๓๑๐ เหลืออีก ๙๐ เขต แล้วพรรคอื่นๆ จะลงไปแข่งหาวิมานอะไร?
ถ้าจริงตามนั้น ก็ยกให้เพื่อไทยเขาไปพรรคเดียวทั้ง ๔๐๐ เขต ทั้งปาร์ตี้ล้ง-ตี้ลิสต์ เหมารวมไปพรรคเดียวให้หมด
เพื่อไทย จะได้เป็นทั้งรัฐบาล ๕๐๐ และสภา ๕๐๐ ครองนคราพาราประเทศพรรคเดียวซะให้สมกระหาย
ไม่ใช่อะไร เผื่อจะคลายคลุ้มคลั่งลงได้บ้าง เท่านั้นแหละ!
และนี่ ประกาศยุบสภาแล้ว…
หมดเหตุให้เป็นเรื่องด่านายกฯ ไปได้เรื่องหนึ่ง
และหมดประเด็นไล่ “ประยุทธ์” ออกไป…๘ ปี ประเทศมีแต่เจริญขึ้น ทำให้พวกกูขายหน้า ต้องเสียหมาทั้งคอก ไปอีกประเด็น
พอ กกต.ประกาศวันเลือกตั้ง เผลอๆ ไม่ชลน่านก็เศรษฐาคงตาขวางกลางแดด ขยับเป้าขึ้นไปอีกเป็นครั้งที่ ๓ จาก ๓๑๐ เป็น ๓๗๖+ ก็เป็นได้
พรรคนี้เขาทำได้ทั้งนั้น เพื่อเป้าหมาย “พาพ่อกลับบ้าน” และ “พาลูกชายกลับบ้าน” โดยไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร!
ช่วงรอรัฐบาลใหม่…….
รัฐบาลปัจจุบันจะทำหน้าที่ “รัฐบาลรักษาการ” ไปก่อน จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่จากเลือกตั้ง
ถามว่า ช่วงนี้ ใครใหญ่กว่ารัฐบาล?
คำตอบคือ “กกต.” ครับ
เพราะรัฐบาลรักษาการจะไปสั่งงานอะไรที่เป็นนโยบาย ผูกพันถึงรัฐบาลหน้าไม่ได้ จะแต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการก็ไม่ได้
ถ้าจำเป็นต้องทำ
ต้องผ่านความเห็นชอบจากกกต.ก่อน!
พูดถึงรัฐบาลรักษาการ นึกขำที่ “นายสมศักดิ์” ผู้ชำนาญการด้าน “ดูฟ้า-ดูลม” ตอนหนึ่งในคำแถลงลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีและพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ ๑๗ มีค.
“วันนี้ผมได้ทำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยไม่ขอรักษาการ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
คุยว่าในชีวิตการเมือง ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน หมายความว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลและเป็นรัฐมนตรีตลอด
แต่เฉิ่มชนิดลุงเชยเรียกพี่เลยนะนี่
ในหนังสือระบุเอง….. “ลาออกตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
ในเมื่อ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก็ต้อง “ไปแล้ว-ไปเลย”
จะพิรี้พิไร “โดยไม่ขอรักษาการ” ไปเพื่อ?
ผมลองนับเล่นๆ พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯปี ๒๕๕๗ ถึงวันนี้ มันไม่ใช่ ๘ ปีนะ
เพราะมันเข้าปีที่ ๙ แล้ว!
เออ…มันก็แป๊บเดียวนะ แต่ไหงพวกไส้เดือน-กิ๊งกือถึงร้องว่าประยุทธ์อยู่นานเกินไปแล้ว
ผมมาคิดๆ ดู ๘ ปี จะนานหรือไม่นาน ผมว่า มันขึ้นอยู่กับ ๒ อย่างมากกว่า
อย่างแรก ๘ ปี นั้น เขาทำอะไรในทางสร้างสรรค์และงอกเงยกับบ้านเมืองหรือเปล่า?
อย่างที่สอง เขาทำดีจนเราอิจฉาเขา หรือเขาทำเลว จนเราต้องเข้าขัดขวาง เพื่อรักษาประโยชน์บ้านเมือง?
สำหรับผม มองนายกฯ ประยุทธ์ด้วยมุมมองอย่างแรก ว่า ๘ ปี นายกฯ ประยุทธ์สร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญ
แต่สำหรับบางคน-บางพรรค ที่ตะโกนเป็นประจำว่า ๘ ปี นายกฯ ประยุทธ์ทำประเทศชาติล้าหลัง-ล้มเหลว คงใช้มุมมองด้วยทัศนคติอย่างที่ ๒ คือ
“เขาทำดีจนเราอิจฉา”
“เขาสร้างสรรได้เด่น จนขับเน้นพวกเราให้ด้อย” ประมาณนั้น
ฉะนั้น เรื่องเวลา ไม่ใช่ตัวกำหนดช้า-เร็ว
“ช้า-เร็ว” เป็นแค่ “ความรู้สึกตอบสนองการกระทำและการถูกกระทำ” เท่านั้น
อะไรที่ทำหรือถูกกระทำแล้ว เราชอบใจ
เวลานั้นจะรู้สึกว่าเร็ว เช่น ดูหนังที่ถูกใจ เป็นชั่วโมง ก็ว่าแป๊บเดียวจบ
แต่ถ้าเราไม่ถูกใจ แค่นาทีเดียว ก็ว่าช้าแล้ว อย่างตอนถูกฉีดยา กว่านางพยาบาลจะถอนเข็ม โอย…มันแสนนาน!
๘ ปี ของลุงตู่ก็ในนิยามนี้ สุดแต่ใครจะมองด้วยทัศนคติไหน และใช้อะไรเป็นแกนตัดสิน
ยิ่งโลกอยู่ในช่วง “สังคมลอกคราบ” ขณะนี้ด้วยแล้วนะ ถ้าจะเปรียบ เหมือนตอนเครื่องบินกำลังทะยานขึ้นฟ้าและตอนจะลงจอด
ต้องใช้ “กัปตันมือหนึ่ง” ที่มีประสบการณ์ด้วยชั่วโมงบิน จะให้มือฝึกหัดทำหน้าที่บินขึ้น-บินลงไม่ได้เลย มันเสี่ยงมาก
ระดับ ๓๐,๐๐๐ ฟิตแล้วนั่นแหละ…
แบบนั้น คนท้องหรือพ่อค้าขายบ้านจัดสรรหรือหมาในคอกซักตัว อยากเต๊ะท่าถ่ายรูปในที่นั่งนักบินโก้ๆ ก็ว่ากันไป
โลกที่กว้างใหญ่ แต่วันนี้ ใบนิดเดียว
จามอยู่ที่ยูเครน รัสเซีย ที่แบงก์สวิส แบงก์ยุโรป
ปรากฏว่า แป๊บเดียว
“ติดหวัด” กันทั้งโลก ไวและอันตรายพอๆ หรือยิ่งกว่าโควิดด้วยซ้ำ!
ประเทศไทยเรา ที่ว่าไม่เห็นเป็นไร ไม่ใช่เพราะ “ไม่มีอะไร”
หากแต่รัฐบาลของเรา ระบบของเรา แบงก์ชาติของเรา พ่อค้า-นักธุรกิจของเรา เคยเจ็บมาเยอะ จนมีประสบการณ์
และเขาเหล่านั้น เฝ้าระวัง-ป้องกัน เฝ้าจ้องสถานการณ์จนตาเป็นลูกกอล์ฟตลอด ๒๔ ชั่วโมง พวกเรานอนหลับสบาย ก็นึกว่าไม่มีอะไร
ที่ไม่มีเพราะรัฐบาล เพราะคนทำงานของเรา เขาช่วยกันทำให้ไม่มีตะหาก เข้าใจกันไว้ด้วย
และนี่….เป็นอุทาหรณ์ที่ขอฝากให้คิด
สถานการณ์หัวเลี้ยว-หัวต่อโลก ที่สุดแล้ว ไทยหนีไม่พ้นการเป็นเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ในความเป็นไปต่อจากนี้
ฉะนั้น เราอย่าเป็นประเภท “กบเลือกนาย”
อย่าเลือกตั้ง “เอาเงิน-เอาพวก” โดยไม่คิดที่จะ “เอาบ้าน-เอาเมือง”
จากตะวันตก มันมาถึงตะวันออก จากเอเชีย จนมาถึงอาเซียนแล้ว ผ่านสงครามเศรษกิจ การเงิน การลัทธิ สู่การเปลี่ยนระบบโลก
เราจะเอา “ความเบื่อ-ความอยาก” เป็นตัวตั้งเลือกนายกฯ เลือกรัฐบาลไม่ได้
เพราะชั่วโมงต่อจากนี้ ไม่ใช่ชั่วโมง “มือสมัครเล่น”
ต้องใช้มืออาชีพ มือมีประสบการณ์ และความต่อเนื่องในคอนเนคโลกทั้งทางตรง-ทางอ้อม และทางลับ
เพื่อ “ความรอด” ของประเทศ!
ถ้าโลกปกติ จีนจะยอมให้ “สี จิ้นผิง” เป็นประธานาธิบดีต่อได้อีก ๕ ปี รวมแล้วต่อเนื่องถึง ๑๕ +++ ปี หรือ?
กระทั่งรัสเซีย ปูติน ต่อมาแล้ว ๒ สมัย สมัยละ ๖ ปี ปีหน้า ก็ต้องต่ออีก ๖ ปี
ทำไมคนรัสเซียยอมถึงขั้นแก้กฎหมายเปิดทาง?
ก็เพราะสถานการณ์ช่วง “โลกลอกคราบ” นี่แหละ
เอาละมัง……….
วันนี้ ไม่มีเรื่องจะคุย ต้องเค้นคุย เลยเกินทั้งเวลา ทั้งหน้ากระดาษ ผมก็ยังงี้แหละ แก่แล้วเลอะ อย่าถือสากันนะ
เปลว สีเงิน
๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖