“ลิซ่า” ถึงยะลา “แดนใต้”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

บอกก่อนเลย…….

ผมเป็น FC ลิซ่า “ลลิษา มโนบาล” ชนิด กรี๊ดดดดสลบ!
อ่านข่าวเว็บไทยโพสต์เมื่อวาน ก็ดีใจหลาย
เว็บไซต์ยูกอฟ “บริษัทวิจัยตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตระดับนานาชาติ” จากอังกฤษ
เปิดเผยผลสำรวจ “บุคคลที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดในโลก” ประจำปี ๒๕๖๔ จากคนมากกว่า ๔๒,๐๐๐ คน ใน ๓๘ ประเทศ และดินแดนที่มีประชากรรวมกันมากกว่า ๗ ใน ๑๐ ของโลก
ปรากฏว่า “ฝ่ายหญิง”…..
“ลิซ่า แบล็กพิงค์” สาวน้อยลูกหลานไทย “คนแรก” เข้าทำเนียบ ๑ ใน ๒๐ บุคคลที่ได้รับความชื่นชมมากที่สุดในโลกด้วย!
โดยอยู่ในอันดับที่ ๑๗ ดังนี้

อันดับ

๑.มิเชล โอบามา(สหรัฐ)

๒.แองเจลีนา โจลี (สหรัฐ)

๓.ควีนเอลิซาเบธที่ ๒(สหราชอาณาจักร)

๔.โอปราห์ วินฟรีย์(สหรัฐ)

๕.สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน(สหรัฐ)

๖. เอมมา วัตสัน(สหราชอาณาจักร)

๗.เทย์เลอร์ สวิฟต์(สหรัฐ)

๘. อังเกลา แมร์เคิล (เยอรมนี)

๙. มาลาลา ยูซัฟไซ(ปากีสถาน)

๑๐.ปรียันกา โชปรา(อินเดีย)

๑๑.คามาลา แฮร์ริส(สหรัฐ)

๑๒.ฮิลลารี คลินตัน(สหรัฐ)

๑๓.ไอศวรรยา ไร พัจจัน(อินเดีย)

๑๔.สุธา เมอร์ตี(อินเดีย)

๑๕.เกรียตา ทุนแบร์ย(สวีเดน)

๑๖.เมลาเนีย ทรัมป์ (สหรัฐ)

๑๗.ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล (ไทย)

๑๘.หลิว อี้เฟย(จีน)

๑๙.หยาง มี่(จีน) และ

๒๐.จาซินดา อาร์เดิร์น (นิวซีแลนด์)

ส่วน “ฝ่ายชาย” แซมเปิลซัก ๑๐ อันดับก็พอนะ

อันดับ ๑.บารัค โอบามา(สหรัฐ)

๒.บิล เกตส์ (สหรัฐ)

๓. สี จิ้นผิง(จีน)

๔. คริสเตียโน โรนัลโด(โปรตุเกส)

๕.เฉิน หลง (จีน)

๖.อีลอน มัสก์ (แอฟริกาใต้)

๗.ลีโอเนล เมสซี (อาร์เจนตินา)

๘.นเรนทรา โมดี(อินเดีย)

๙.วลาดิมีร์ ปูติน(รัสเซีย)

๑๐.แจ็ก หม่า(จีน)

ครับ….
ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ดีใจจนออกนอกหน้าไปกับเธอเท่านั้นเพราะปลื้มกับเธอ ไปปรากฏตัวที่ไหน เป็นต้องบอกกับคนที่นั่นว่า “หนูเป็นคนไทย”!

ประชากรโลกวันนี้ มีประมาณ ๗,๓๐๐ ล้านคน แยกเป็นเพศหญิง ตีซะ ๓,๕๐๐ ล้านคน
แล้วเด็กสาวชาวไทยตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ชื่อ “ลิซ่า” เธอเป็นก้านไม้ขีดอยู่ส่วนไหนของโลกนะ ในจำนวนผู้หญิงทั้งโลกกว่า ๓,๕๐๐ ล้านคน?

ซึ่งมันยากจริงๆ หญิงมากมายกว่า ๓,๕๐๐ ล้านคน ที่โลกจะมองเห็นและมอบความชื่นชมให้ แค่ ๒๐ คน
และ ๒๐ ใน ๓,๕๐๐ ล้านคน นั้น ๑ ใน ๒๐ คนนั้น มี “ลิซ่า” สาวน้อยคนไทยของเรา รวมอยู่ด้วย!

เพราะลิซ่า ร้อง-เต้น K-POP เก่งแค่นั้นหรือ โลกจึงชื่นชม?
นั่นแค่ส่วนหนึ่ง

ในความเห็นผม นอกจากอัจฉริยภาพส่วนตัวลิซ่าแล้ว ความมีมรรยาทอย่างไทย ความกตัญญูรู้คุณ “บ้านเกิดเมืองนอน” ตัวเอง ความไม่เหลิง-หลงในโลกมายา กลับมีแต่ความรู้ตัว-ถ่อม

นั่นเป็น “คุณค่าคน” อันหาได้ยากในสังคมโลกทุกวันนี้
แต่ลิซ่า “มีพร้อม”!

มันเป็นความพร้อมที่บริสุทธิ์งดงาม จนได้รับความชื่นชมโดยไม่ต้องไปแปดเปื้อนกับองค์กรหน้ากากเพื่อสังคม ที่อ้างไม่แสวงหาผลกำไร อุปโลกน์แล้วจัดฉากให้ แลกเคลื่อนไหวอยู่ใต้ใบสั่ง

ทุกคนคงเคยได้ยิน หรือกระทั่งตัวเองก็เคยพูด….
“ทำดีไม่เห็นได้ดี สู้คนทำชั่วไม่ได้ สุขสบาย ร่ำรวย มียศ มีตำแหน่งกันทั้งนั้น”

มองเผินๆ มันก็จริงนะ ไม่ต้องหาตัวอย่างที่ไหนให้มันไกลหรอก
มองไปที่ “สัปปายสภาสถาน” หรือที่ “ทำเนียบรัฐบาล” ก็เห็น
หลายต่อหลายคน…..
เหมือนใบรับรองคำว่า “ชั่วแล้วได้ดี มีหน้า-มีตา มียศ มีศักดิ์”!?

มันก็น่าท้อ สำหรับคนยึดมั่นในความซื่อสัตย์-สุจริต ไม่ว่าข้าราชการหรือคนทำงานทั่วไป
หลายๆ คน ตั้งใจทำงาน เป็นข้าราชการทำงาน “ต่างพระเนตร-พระกรรณ” ไม่รับสินบาท-สินบน
กลับเป็น “แกะขาว” ไม่กี่ตัว อยู่ใน “แกะดำ” ทั้งฝูง!

ทำดีแล้วอยู่ยาก ไม่ว่ายุคนี้หรือยุคไหน มักเป็นอย่างนั้น
แต่ผมอยากบอกด้วยคำที่พวกท่านอาจไม่ชอบใจว่า ที่ว่า “ทำดีไม่เห็นได้ดีนั้น”

ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะความดีที่เราๆ ท่านๆ ทำนั้น ยังทำน้อยไป คือทำดียังไม่พอ แต่หวังผลมาก และหวังผลเร็วไป
หมั่นทำไป ด้วยยึดมั่น “ทำดี ผลต้องดี, ทำชั่ว ผลต้องชั่ว” นี้ไว้ แล้วทำดีให้สม่ำเสมอไปเรื่อยๆ

เหมือนปลูกต้นไม้ ปลูกไม่กี่เดือน-กี่วัน ก็หวังได้ดอก-ได้ผล มันไม่ได้หรอก หน้าที่เรา คือรดน้ำ พรวนดิน ไปเรื่อยๆ
เมื่อถึงเวลา ถึงหน้า-ถึงฤดูกาล ก็เป็นหน้าที่ของต้นไม้ที่เราบำรุงรักษาดีแล้ว ให้ดอก-ออกผลเอง!

ผมเคยได้ยินท่าน “สมณโพธิรักษ์” พูดหลายสิบปีแล้ว ที่มีคนตัดพ้อ “ทำดีไม่เห็นได้ดี” พ่อท่านตอบว่า “ดียังไม่พอ ที่คุณทำยังน้อยไป”

ก็จริงนะ ผมก็จำมาเรื่อย และมาคิดๆ ถ้าเราบอกว่า “ตัวเราทำดี” แล้วถาม “ไม่เห็นได้ดีเลย”
นั่นมันก็ไม่ดีแล้ว……

ที่ทำ เป็น “ดีเทียม” การทำเพื่อเจาะจงผลตอบแทน ไม่ถือเป็นความดี ถือเป็น “สินค้าต่างตอบแทน”
การทำดี ในความหมายของมันคือ “การให้” ที่ไม่หวังผลเพื่อตัวเอง แต่หวังยังประโยชน์เกิดกับส่วนรวมทั้งมนุษย์และสัตว์ทั่วไป

การทำดี บอกว่าเป็น “หน้าที่” ของมนุษย์ก็ไม่ผิด เพราะ “มนุษย์=มนะ” ผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐ นั่นแหละ จึงได้ชื่อว่า “มนุษย์”

ชั่ว-เลวทราม-อสัตย์ นั่นอมนุษย์ มีแต่เพื่อปากตน ท้องตน เป็นที่ตั้ง เหมือนสัตว์ บั้นปลายอมนุษย์ คือ “อบายภูมิ”
ภาวะหรือที่อันปราศจากความเจริญ ๔ แห่ง คือ

-นรก สภาวะหรือที่อันไม่มีความสุขความเจริญ
-กำเนิดดิรัจฉาน, พวกมืดมัวโง่เขลา

-พวกเปรต ผู้หิวกระหายไร้สุข
-พวกอสุรกาย พวกหวาดหวั่นไร้ความรื่นเริง

ใครที่ยังคิดว่า “ทำดีไม่ได้ดี สู้ทำชั่วไม่ได้” ก็อย่ามองเฉพาะต้น จงมองให้ตลอดไปถึงปลายด้วย
โกงจำนำข้าว โกงแล้วได้ดี เป็นรัฐมนตรี เป็นอธิบดี เป็นเศรษฐี ลงท้ายเป็นไง ชั่วแล้วได้ดี มันจริงมั้ย?

“ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” เป็นไง?
ขึ้นต้น แค่โพสต์เบอรบัญชีธนาคาร เงินไหลมา-เทมาคนละเป็นสิบๆ ล้าน

สถุลชาติ “กุมารา-กุมารี” วานซืน ตะโกนด่าเจ้าหน่อย นั่งเบนซ์ ปลูกบ้านใหม่ นอนคอนโดฯ พ่อแม่ จากยาจก ยกเป็นบิดา-มารดร “วีรบุรุษ-วีรสตรี” ล่มชาติ
แล้วลงท้ายเป็นไง?

ไอ้ตัวชักใย ใยเริ่มพันตัว หัวค่อยๆ หายไปกับการ “เอาตัวรอด” พวกถูกหลอกแลกเหล้าแลกยา กลายเป็น “ผีไร้ญาติ” คากรง หาคนเยี่ยม-คนประกันไม่ได้

ยิ่งพวกอาจารย์ประเภท “เก่งเป็นฝูง” เอะอะเข้าชื่อเป็นบัญชีหางว่าว แรกๆ หางอาจารย์ ชาวบ้านยังหลงว่าเป็นหางราชสีห์

แต่บั้นปลาย ตอนนี้ มีค่าน้อยกว่า “หางหมาขี้เรื้อน” มีตัวไหนกล้าโผล่หัวออกบีบน้ำตาอาจารย์หลอกศิษย์ไปติดคุกแทนอีกมั้ยล่ะ?

“ธรรมศาสตร์” ชื่อเสียงเกริกไกร ทั้งนามผู้ประศาสน์การ”อาจารย์ปรีดี”คุณูปการด้านดีงามท่านมีมากมาย
เพราะความอัปรีย์-จัญไรบางศิษย์ยุคนี้ โหนท่าน โหนนามธรรมศาสตร์ ไปเพื่อทำระยำกับบ้านเมืองและสถาบัน
ทั้งท่านอาจารย์ปรีดี ทั้งธรรมศาสตร์………

จึงป่นปี้-ยี่ยำ ตกต่ำ “สุดขีด” ในวันนี้ เพราะศิษย์จัญไรทั้งรุ่นใหญ่-รุ่นเล็ก ขุดท่านขึ้นมาใช้เป็นตราประทับ รับประกันการ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ใต้ใบสั่งไอ้กันและยุโรปนั่นแหละ!

ความดี จำไว้…….
เปรียบเหมือน “ยาไทย” ประเภท “แพทย์แผนโบราณ” ให้ผลช้า ไม่ทันใจ แต่รู้ไว้ ยาไทย เป็นยารักษาโรคให้หายขาดในบั้นปลาย

ตรงข้ามกับยาฝรั่ง ประเภทแพทย์สมัยใหม่ กินปุ๊บ-หายปั๊บ ได้ผลทันใจ แต่บั้นปลาย ตายผ่อนส่ง
เพราะยาฝรั่ง มันเป็นยา “ระงับอาการโรค” ชั่วคราว ไม่ใช่การรักษาโรคให้หาย ดีใจได้เป็นพักๆ แล้วก็ “หนักลง” เรื่อยๆ!

เห็นลุงตู่ “นายกฯประยุทธ์” ลงใต้ ไปยะลา-ปัตตานี เมื่อวาน (๑๕ ธค.๖๔) พี่น้องชายแดนใต้มาต้อนรับกันคึกคัก
ผมดูข่าวแวบๆ รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่พี่น้องยะลามอบให้นายกฯ ก็ดีใจกับท่านนายกฯด้วย

คนใต้น่ะ รักใคร รักจริง เกลียดใคร เกลียดจริง เมื่อนายกฯ ให้ใจกับชาวใต้ ก็แน่นอน หัวใจชาวใต้ย่อมอยู่กับนายกฯ

แต่จำไว้อย่าง “อย่าหลอกกัน” พูดแล้วต้องทำ อย่าทอดทิ้งกัน ชาวใต้ไม่หวังอะไรมากกับคนการเมือง เพราะเข็ดแล้ว

แต่กับนายกฯ ประยุทธ์…..
ดูเหมือนพี่น้องยะลา จะเชื่อใจ และมอบความรักและผูกพันที่จริงใจให้

๓ จังหวัดใต้ “ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส” นายกฯ หาเวลาลงไปบ่อยๆ เถอะครับ แล้วจะรู้ว่า “หาความจริงใจ” ได้จากที่ไหน?

“ยะลา” คือ “เพชรหัวแหวน” ๓ จังหวัดใต้ บอกท่านนายกฯ ได้เท่านี้แหละครับ!

 



Written By
More from plew
แต่งตั้ง “ไตรรงค์” ที่ปรึกษานายกฯ
9 พฤศจิกายน 2565 -ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
Read More
0 replies on ““ลิซ่า” ถึงยะลา “แดนใต้”-เปลว สีเงิน”